xs
xsm
sm
md
lg

“เวียดนาม” สามรส(จบ) : “ฮอยอัน” วันที่อยากให้เวลาหยุดเดิน/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ฮอยอัน เมืองมรดกโลกอันเลื่องชื่อของเวียดนาม
“ฮอยอันฉันรักเธอ”

เป็นละครแนวโรแมนติก-ดราม่า(ฉายปี พ.ศ. 2548) ที่มีอิทธิพลต่อนักท่องเที่ยวบ้านเราในการตามรอยไปเที่ยวเมือง“ฮอยอัน” ประเทศเวียดนามไม่น้อย

วันนี้แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว แต่นักท่องเที่ยวไทยหลายๆคน เวลาที่ไปเที่ยวฮอยอันต่างก็มักจะเอ่ยคำพูดที่ฟังคล้องจองกันอย่างติดปากว่า

“ฮอยอันฉันรักเธอ”
ฮอยอัน เมืองที่ยังคงอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งอดีตที่ยังคงตกทอดมาถึงปัจจุบัน
1…

ฮอยอัน (Hoi An) หรือ “โฮย อาน” ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตจังหวัด“กว่างนาม” ที่อยู่ทางตอนกลางของเวียดนาม ห่างจากเมือง“ดานัง”ประมาณ 30 กิโลเมตร

สำหรับเมืองดานังวันนี้ นอกจากจะเป็นเมืองใหญ่อันดับสามและเมืองท่าสำคัญของเวียดนามแล้ว ยังเป็นชุมทางสำคัญแห่งดินแดนเวียดนามตอนกลาง ในการเชื่อมต่อยังเมืองท่องเที่ยวใกล้เคียง คือ เว้ หมีเซิน และฮอยอัน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า ในอนาคตอีกไม่นานทางสายการบิน“เวียตเจ็ท”(Vietjet Air)โลว์คอสต์แอร์ไลน์อันดับหนึ่งของเวียดนาม จะเปิดเที่ยวบินตรงเชื่อมกรุงเทพฯ-ดานัง ให้ผู้สนใจได้ใช้บริการกันอย่างรวดเร็วสะดวกสบาย
สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอยอัน พบเห็นได้ทั่้วไปในเขตเมืองเก่ามรดกโลก
อย่างไรก็ดีหากใครจะเดินทางด้วยโลว์คอสต์แอร์ไลน์ในวันนี้สายการบินเวียตเจ็ทก็มีเส้นทางบินตรงจากไทย(กรุงเทพฯ)สู่เมืองโฮจิมินต์หรือเมืองหลวงฮานอย และสามารถใช้สายการบินดังกล่าวบินต่อด้วยไฟล์ทในประเทศสู่เมืองดานัง ก่อนจะเดินทางต่อรถยนต์สู่เมืองท่องเที่ยวใกล้เคียงเพื่อสัมผัสกับความเพลิดเพลินกันต่อไป

2…

ฮอยอัน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเล(ห่างเข้ามาจากชายฝั่งทะเลเพียงไม่กี่กิโลเมตร) และตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำ“ทูโบน” ที่เป็นเส้นทางหลักในการเดินเรือเข้า-ออก จากเมืองฮอยอันสู่ท้องทะเล
แม่น้ำทูโบน เส้นเลือดหลักนับจากอดีตถึงปัจจุบัน
ฮอยอันในอดีตสมัยอาณาจักรจามปาช่วงศตวรรษที่ 15-16 จึงมีฐานะเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าและเมืองท่าสำคัญที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งในอุษาคเนย์(เอเชียอาคเนย์) ในสมัยนั้นเมืองฮอยอันมีเรือบรรทุกสินค้ามากมายจากชาวต่างชาติ ทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น โปรตุเกส ฮอลันดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เดินทางเข้ามาแลกเปลี่ยนค้าขายข้าวของสินค้าต่างๆ เช่น ผ้าไหม เครื่องเทศ กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั่นทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมตามมา มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกกับตะวันตกที่ยังคงตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ฮอยอัน มรดกโลกมีชีวิตแห่งประเทศเวียดนาม
ฮอยอันดำรงฐานะเป็นเมืองท่าสำคัญแห่งดินแดนเวียดนามตอนกลางอยู่นานนับศตวรรษ จนมาถึงในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แม่น้ำทูโบนมีโคลนเลนตะกอนสะสมจำนวนมากจนตื้นเขิน เรือเดินทะเลไม่สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ จึงมีการย้ายเมืองท่าไปยังเมืองดานัง ส่งผลให้ดานังกลายเป็นเมืองท่าสำคัญมาจนถึงปัจจุบัน
การเที่ยวในฮอยอัน มีทัั้งการเดิน ปั่นจักรยาน และนั่งสามล้อถีบ
ส่วนเมืองฮอยอัน ด้วยรอยอายธรรมและ มรดกทางวัฒนธรรมอันเข้มแข็งที่ยังดำรงคงอยู่นับจากอดีตถึงปัจจุบัน จากการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และโดยเฉพาะอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ให้คงสภาพดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี ทำให้องค์การยูเนสโก้ ประกาศให้เมืองเก่าฮอยอันเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ.2542(ค.ศ.1999) ส่งผลให้ฮอยอันกลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของเวียดนามนับตั้งแต่นั้นมา
2 ฟากถนนในช่วงแรกก่อนเข้าสู่สะพานญี่ปุ่น
3…

สำหรับทริป“เวียดนามสามรส”ของผมในครั้งนี้ หลังจากที่ไปสัมผัสเวียดนามรสแรก ยลเสน่ห์มรดกโลกที่เมือง“เว้” แล้วต่อด้วยการไปสัมผัสเวียดนามรสสอง กับการเที่ยวเมือง“ดานังนั่งกระเช้าทะลุเมฆขึ้นเขาบานา(ซึ่งนำเสนอไปในตอนที่ผ่านมา)

ทีนี้ก็มาถึงการสัมผัสเวียดนามรสที่สามกับการไปเที่ยวเมืองเก่า “มรดกโลกฮอยอัน” ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญปิดท้ายทริป โดยหลังจากที่ผมกับคณะเดินทางมาถึงยังพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองเก่าฮอยอัน เราก็ตีตั๋วจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ที่บริเวณป้อมจำหน่ายตั๋วหน้าเขตเมืองเก่า ตั๋วใบนี้นอกจากจะพาเข้าไปในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีการอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนไว้อย่างดีแล้ว ยังสามารถใช้เป็นบัตรผ่านเข้าชมสถานที่สำคัญ(ที่ระบุไว้)ในพื้นที่ท่องเที่ยวได้ 5 จุดใน 1 วัน
ฮอยอัน คืนวันจันทร์กระจ่าง
ขณะที่การเลือกเที่ยวในเมืองเก่าฮอยอันนั้นก็มีทั้งการเดินเท้า การปั่นจักรยาน หรือใครที่ไม่อยากเหนื่อยหรือใครที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ จะนั่งรถสามล้อถีบเวียดนามหรือ“ซิกโคล่”เที่ยวชมเมืองเก่า ก็สามารถเลือกทำกันได้ตามความชอบของแต่ละคน
อร่อยอาหารพื้นเมืองริมทางในเขตเมืองเก่า
งานนี้ผมกับเพื่อนๆขอเลือกเดินเท้า เพื่อจะได้เดินชมโน่นนี่นั่นอย่างคล่องตัว และแวะได้ดูโน่นนี่นั่นกันได้ถนัดถนี่ เพราะมีร้านค้าและจุดท่องเที่ยวให้เราแวะกันหลายจุดด้วยกัน โดยในช่วงแรกหลังจากเดินเข้าเขตเมืองเก่า 2 ฟากฝั่งต่างก็เป็นตึกเก่าสีเหลืองอ่อน มีต้นไม้ร่มรื่น มีโคมไฟแขวนไว้เหนือหัวในบางช่วง มีสินค้าสารพัดสารพันวางจำหน่าย
สะพานญี่ปุ่นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งเมืองฮอยอัน
จากนั้นผมเดินตามถนนไปยังหนึ่งในจุดไฮไลท์คือ“สะพานญี่ปุ่น”ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ต้นคริสตวรรษที่ 17 โดยชาวญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่ในฮอยอันเมื่อครั้งอดีต เพื่อเชื่อมถนน Tran Phu กับถนน Nguyen Thi Minh Khai ที่มีลำคลองทอดผ่านแบ่งเขตชุมชนญี่ปุ่น(ในอดีต)ให้แยกตัวออกมา
บรรยากาศบนสะพานญี่ปุ่น
สะพานญี่ปุ่น เป็นสะพานที่สร้างด้วยปูนและไม้ มีหลังคาคลุมมุงด้วยกระเบื้องดินเผาโบราณ ภายในมีศาลเจ้าที่สร้างอุทิศแด่บุคคลสำคัญเพื่อให้ช่วยปกปักรักษาสะพานและชาวเมืองให้อยู่เป็นสุข ปลายสะพานฟากหนึ่งมีรูปปั้นลิง ส่วนอีกฟากหนึ่งเป็นรูปปั้นหมา เพราะสะพานแห่งนี้เริ่มสร้างในปีวอก(ลิง) และสร้างเสร็จในปีจอ(หมา) จึงมีการสร้างรูปปั้นลิงกับหมาไว้เป็นที่ระลึก
รูปปั้นลิง)ซ้าย)รูปปั้นหมา(ขวา)
สะพานญี่ปุ่น ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองฮอยอัน ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะไม่พลาดมาถ่ายรูปคู่กับสะพานแห่งนี้ ทั้งในมุมบนสะพานที่ยืนหน้าโผล่ออกมา หรือมุมด้านหน้าสะพานที่มองเห็นลำคลองและเงาสะพานตกกระทบในน้ำ
สีสันของแม่ค้าแม่ขายและนักท่องเที่ยวในฮอยอัน
เมื่อเดินข้ามสะพานญี่ปุ่นเข้ามา เราก็ได้พบกับตึกเก่าสไตล์โคโลเนียลสีเหลืองอ่อนอันสวยงามคลาสสิก ซึ่งวันนี้ชาวบ้านที่นี้เกือบทั้งหมดหันมาทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น เปิดร้านค้า ร้านขายอาหาร ร้านกาแฟ-เครื่องดื่ม อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ แกลเลอรี่ โดยเฉพาะที่เห็นเป็นจำนวนมากนั่นก็คือ ร้านขายของที่ระลึก ที่มีสินค้าสารพัดสารพัน อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า ไม้แกะสลัก หน้ากาก ภาพเขียน ของเก่า โปสการ์ด งานศิลปะ งานฝีมือ งานแฮนด์เมด และโคมไฟของฝากสัญลักษณ์เมืองฮอยอัน
รับขนมซักถ้วยมั้ยคะ
นับได้ว่าเมืองเก่าฮอยอันวันนี้เมือง“มรดกโลกมีชีวิต” ที่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวและบรรยากาศการขายค้าของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเมื่อเดินเข้ามาในเขตเมืองเก่า มันเหมือนกับว่าเรากำลังย้อนยุคเข้าไปอยู่ในบรรยากาศของอดีตยังไงยังงั้น

แต่...สิ่งที่ทำให้มโนผมต้องตื่นขึ้นก็คือ เสียงร้องทักทายเป็นภาษาไทยของแม่ค้าชาวเวียดนามที่เชิญชวนให้ซื้อสินค้า ซึ่งดึงให้เรากลับเข้าสู่โลกของความเป็นจริงอีกครั้ง
อาคารบ้านเรือนเก่าอันทรงเสน่ห์
4...

นอกจากสะพานญี่ปุ่นและอาคารบ้านเรือนอันเก่าแก่อันสวยงามทรงเสน่ห์แล้ว ฮอยอันในเขตเมืองเก่ามรดกโลกยังมีสิ่งน่าสนใจเด่นๆอันชวนชม ได้แก่
ประตูทางเข้าด้านหน้าสมาคมชาวจีนฟุกเกี๋ยน
-“สมาคมชาวจีนฟุกเกี๋ยน”(Phouc Kien Assembly Hall) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยพ่อค้าชาวจีนฟูเกี้ยนที่เข้ามาอยู่ในฮอยอัน ภายในสมาคมมี 3 อาคารหลัก ได้แก่ ศาลเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ศาลบรรพบุรุษชาวฟูเกี้ยน และศาลเจ้าแม่ทับทิม(ทินเห่า) ที่ในอดีตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของชาวเรือ แต่มาวันนี้ได้กลายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ขอพรได้ทุกเรื่อง จึงมีคนเข้ามากราบไหว้ขอพรท่านกันเป็นจำนวนมาก
อนุสาวรีย์ Kazik
-“อนุสาวรีย์ Kazik” ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่อาจารย์ Kazik (ชื่อเต็ม Kazimierz Kwiatkowsky : ค.ศ. 2487-2540) สถาปนิกชาวโปแลนด์ที่เข้ามาเวียดนามในช่วงปี พ.ศ.2523(ค.ศ.1980) แล้วได้ทำการศึกษาและผลักดันให้เมืองฮอยอันและเว้เป็นมรดกโลกจนประสบความสำเร็จ ทำให้วันนี้ชาวฮอยอันหลายๆคนยกย่องให้อาจารย์ Kazik เป็นดังบิดาของชาวฮอยอันเลยทีเดียว
มุมกาแฟ เปิดโล่งของบ้านเลขที่ 09 บนถนนเหวียน ไท ฮอค
-“บ้านโบราณ” ที่มีให้ชมกันหลายหลัง อาทิ บ้านเลขที่ 77 บนถนนตรันฝู(Tran Phu)ที่เป็นบ้านเก่าของชาวจีน ภายในใช้เครื่องไม้ประดับตกแต่งอย่างงดงาม บ้านเลขที่ 09 บนถนนเหวียน ไท ฮอค (Nguyen Thai Hoc) ที่เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ด้านหน้ามีเวทีการแสดง(เป็นรอบๆ) มีพื้นที่เปิดโล่งตรงกลางบ้านเปิดเป็นร้านกาแฟ ที่ถัดเข้าไปเป็นส่วนแกลเลอรี่ มีบันไดเดินขึ้นชั้น 2 ที่จัดเป็นแกลเลอรี่จำหน่ายสินค้าเช่นกัน ขณะที่ด้านหลังเป็นส่วนของห้องน้ำ และมีการทำโคมไฟผ้าแฮนด์เมดกันแบบสดๆให้ชมและซื้อ
เครื่องเรือนไม้สวยงามในบ้านเลขที่ 101 บนถนนเหวียน ไท ฮอค
และบ้านโบราณที่ขึ้นชื่อโด่งดังที่สุดก็คือ “บ้านเลขที่ 101” บนถนนเหวียน ไท ฮอค ซึ่งเป็นบ้านของชาวจีนตระกูล Tan Ky ที่ภายในยังคงสภาพดี มีความเก่าแก่คลาสสิก มีเครื่องเรือนไม้ประดับมุกเก่าแก่ และสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลาย ดูแล้วเป็นบ้านของคฤหัสถ์บดีที่ยังคงทิ้งมรดกเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมกัน
งานมำโคมไฟแฮนด์เมดที่หลังบ้านเลขที่ 09
5…

หลังเพลิดเพลินจากการชม บ้านเลขที่ 101 แล้ว ผมเดินออกทะลุทางด้านหลังของบ้านหลังนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งลักษณะเด่นของบ้านเรือนในฮอยอันที่ตั้งอยู่ทางฝั่งแม่น้ำ เพราะสามารถเดินทะลุออกด้านหลังไปสู่ริมแม่น้ำทูโบนได้
บรรยากาศร้านรวงริมแม่น้ำทูโบน
สำหรับแม่น้ำทูโบน วันนี้แม้เรือใหญ่จะไม่สามารถใช้สัญจรเชื่อมเมืองฮอยอันกับทะเลได้เหมือนครั้งอดีต แต่ที่นี่ยังคงเป็นดังเส้นเลือดหลักของชาวฮอยอัน ชาวบ้านยังคงใช้เรือเล็กล่องสัญจร ล่องหาปลา และล่องเรือบริการนำเที่ยว
ชวนอร่อยริมแม่น้ำ
ขณะที่บริเวณริมฝั่งน้ำในยามเย็นก็คึกคักไปด้วยบรรยากาศของร้านหาบเร่ที่มาวางขายสินค้า อาหาร โดยเฉพาะกับแหนมเนืองที่ปิ้งย่างกันสดๆโชยกลิ่นหอมตะจมูกนั้นถือเป็นเมนูไม่ควรพลาดของผู้ที่มาเดินเล่นที่ริมน้ำกันเลยทีเดียว

ส่วนถัดเข้ามา เราจะเห็นอาคารเก่าหลายหลังปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร-เครื่องดื่มหันหน้าชมบรรยากาศของสายน้ำมีชีวิต นับเป็นอีกหนึ่งบรรยากาศแห่งเมืองฮอยอัน อันชวนดื่มด่ำ
โคมไฟสินค้าสัญลักษณ์แห่งเมืองฮอยอัน
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ส่วนหนึ่งของเมืองฮอยอันที่ผมไปสัมผัสมาล่าสุด ซึ่งแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาเยือนฮอยอัน แต่การได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง ผมก็ยังคงชื่นชอบประทับใจ พร้อมกับอยากจะบอกว่า

“ฮอยอัน ฉันยังคงรักเธอ”

อีกทั้งยังอยากหยุดเวลาไว้ที่ฮอยอันให้นานที่สุดถ้าสามารถทำได้
ชีวิตน้อยๆในฮอยอันมรดกโลกมีชีวิต
*****************************************
ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม สำรองที่นั่ง และดูโปรโมชันต่างๆเกี่ยวกับสายการบินเวียตเจ็ท ได้ที่ เว็บไซต์ www.vietjetair.com แฟนเพจ www.facebook.com/vietjetairvietnam หรือที่ศูนย์จำหน่ายตั๋ว เวียตเจ็ท เอาต์เลต หรือสายด่วน 1900 1886
*****************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น