ตั้งแต่เด็กจนโต ฉันก็ได้ยินมาตลอดว่าหากอยากจะหาซื้อดอกไม้สวยๆ ที่มีให้เลือกหลากหลาย ก็ต้องไปที่ “ปากคลองตลาด” เพราะที่นั่นเป็นแหล่งซื้อขายดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่ว่าจะปลีกหรือส่ง ก็สามารถไปเลือกซื้อหากันได้เลย
ภาพความวุ่นวายของผู้คนในยามค่ำคืน ที่เรียกว่ายิ่งดึกยิ่งคึกคัก กับกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ที่หอมกรุ่นตลอดเส้นทาง ทำให้การเดินเลือกซื้อสินค้าในตลาดแห่งนี้ดูสดชื่นขึ้นถนัดตา ไหนจะเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่มาซื้อหาดอกไม้ไปจัดแต่งสถานที่ ไหนจะพ่อค้าแม่ขายที่มาซื้อดอกไม้ไปขายต่อ ไหนจะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเดินชม “Flower Market” ทำให้บริเวณปากคลองตลาดแห่งนี้คึกคักอยู่เกือบตลอดเวลา
แต่เร็วๆ นี้ ก็มีข่าวออกมาว่า ทาง กทม. จะเข้ามาจัดระเบียบบริเวณปากคลองตลาด ไม่ให้มีการวางขายของบริเวณทางเดินเท้าริมถนน ตั้งแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 นี้เป็นต้นไป ทำให้ฉันอยากกลับมาสัมผัสบรรยากาศเดิมๆ ของปากคลองตลาดอีกสักครั้ง ก่อนที่ในอนาคตจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
“ปากคลองตลาด” นั้นตั้งอยู่บริเวณถนนจักรเพชร ยาวไปจนถึงถนนมหาราช ตั้งโอบล้อมวัดราชบูรณะ โรงเรียนราชินี และโรงเรียนสวนกุหลาบ แต่ก่อนที่จะมาเป็นตลาดบนบกแบบนี้ ปากคลองตลาดเคยเป็นแหล่งค้าขายทางน้ำมาก่อน จนกระทั่งมีการคมนาคมทางบกที่สะดวกขึ้น มีการสัญจรทางน้ำลดลง ตัวตลาดจึงได้ขยายออกมาอยู่ริมถนนมากขึ้น
นอกจากนี้แล้ว ปากคลองตลาดยังเคยเป็นตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่ง มีทั้งเรือจากแม่น้ำท่าจีนที่ส่งปลาผ่านมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สมัยสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี ก็มีการขุดคลองหลายสาย รวมถึง “คลองตลาด” ซึ่งเป็นคลองเล็กข้างวัดบุรณศิริมาตยาราม และใกล้ๆ กันก็มีคลองขุดเดิมอยู่ ชื่อว่า “คลองใน” ทั้งสองคลองนี้เน้นการค้าขายปลาเป็นหลัก จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดฯ เรียกตลาดนี้ว่า “ตะพานปลา” ต่อมาในภายหลัง มีการย้ายตลาดค้าปลาไปแถวๆ หัวลำโพงแทน ตลาดแห่งนี้เลยกลายสภาพเป็นตลาดสดที่เน้นขายสินค้าเกษตร ผัก ผลไม้ และดอกไม้ มาจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบัน ปากคลองตลาดเป็นตลาดดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลก และยังเป็นตลาดกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และถือว่าเป็นตลาดดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด และคึกคักที่สุดของเมืองไทย ซึ่งบริเวณปากคลองตลาดแห่งนี้ ก็ใช่ว่าจะมีแต่ดอกไม้ขายเพียงอย่างเดียว ยังมีผลิตผลทางการเกษตร พวกผัก ผลไม้ มาวางขายอีกด้วย โดยในบริเวณนี้มีตลาดใหญ่ๆ อยู่รวมกันถึง 3 ตลาด ก็คือ ตลาดองค์การตลาด ตลาดยอดพิมาน และตลาดส่งเสริมเกษตรไทย
ภาพของความเป็นตลาดที่คึกคักและดอกไม้สวยๆ งามๆ กลิ่นหอมๆ นั้น ทำให้ปากคลองตลาดเป็นมากกว่าตลาดธรรมดา เพราะที่นี่ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่ชอบความมีชีวิตชีวาอันเป็นเสน่ห์ของตลาด และยังอาจได้ดอกไม้ดอกงามๆ ติดไม้ติดมือกันมาอีกด้วย
สำหรับคนที่อยากจะมาเที่ยวที่ปากคลองตลาดนั้นก็สามารถมากันได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน สำหรับช่วงกลางวันนั้นก็จะเป็นช่วงของลูกค้าปกติที่มาซื้อหาดอกไม้ไปจัดแจกัน จัดช่อดอกไม้ ซึ่งความหลากหลายของดอกไม้นั้นก็ไม่ต้องพูดถึง อยากได้ดอกอะไรแม่ค้าพ่อค้าที่ปากคลองตลาดสามารถจัดให้ได้ จะเอากุหลาบ เยอร์บีร่า ดาวเรือง เบญจมาศ ลิลลี่ คาร์เนชั่น ดอกบัว กล้วยไม้ และอื่นๆ อีกมากมายสาธยายไม่หมด รวมไปถึงไม้ใบที่ใช้แซมประดับในแจกันหรือในช่อดอกไม้ กระดาษและโบสีต่างๆ ที่ใช้ในการจัดช่อดอกไม้ และอุปกรณ์ทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้ในการจัดดอกไม้ก็มีขายที่นี่ และหากดูแล้วจัดดอกไม้เองคงจะยุ่งยากแถมผลงานที่ได้อาจจะออกมาไม่สวยถูกใจ ที่ปากคลองตลาดก็มีร้านจัดดอกไม้ให้บริการอยู่หลายร้าน สามารถเลือกได้ตามใจชอบ
และเมื่อราตรีมาเยือน ปากคลองตลาดก็ไม่เคยหลับใหล เพราะในช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้จากทั่วประเทศจะเดินทางมาถึงที่ปากคลองตลาด กุหลาบจะเดินทางมาจากจังหวัดตากและเชียงใหม่ ดอกบัวจะเดินทางมาจากอยุธยาหรือปทุมธานี กล้วยไม้จะมาจากนครปฐม และดอกไม้ชนิดอื่นๆ จากทั่วทุกสารทิศก็จะมาพบกันที่นี่ รอให้พ่อค้าแม่ค้าที่จะซื้อดอกไม้จำนวนมากๆ เช่นร้านค้าที่ขายดอกไม้ปลีก หรือร้านรับจัดดอกไม้ เดินทางมาเลือกดอกไม้ที่สวยที่สุด และซื้อดอกไม้ในราคาส่งแยกย้ายกันไปขายตามที่ต่างๆ ในช่วงกลางคืนอย่างนี้ตลาดดอกไม้จะขยับขยายพื้นที่ไปจนถึงหน้าโรงเรียนสวนกุหลาบ ดังนั้นปากคลองตลาดในช่วงนี้จึงไม่เงียบเหงา แต่กลับคึกคักมีชีวิตชีวาไม่แพ้ตอนกลางวันเลยทีเดียว
ภาพความคึกคักแบบนี้ ไม่รู้ว่าในอนาคตจะได้เห็นอีกไหม ฉันเลยตั้งใจจะมาเดินเล่นซึมซับบรรยากาศเก่าๆ นี้ไว้ในความทรงจำ แวะร้านนั้นที เดินดูดอกไม้ทางนี้ที แล้วก็เลยแวะคุยกับแม่ค้าขายดอกไม้ที่วางขายอยู่ริมถนนว่าวางแผนจะทำอะไรต่อไปถ้ามีการจัดระเบียบปากคลองตลาด
แม่ค้าดอกไม้ก็ให้คำตอบมาว่า น่าเสียดายที่จะต้องเลิกขายไป ตนเองนั้นก็คงไม่สามารถย้ายเข้าไปขายภายในตลาดที่ กทม. จัดไว้ให้ได้ เพราะต้องเสียค่าเช่าที่แพง แล้วก็ยังต้องวางค่ามัดจำอีกหลายหมื่นบาท ลำพังตนขายดอกไม้เล็กๆ น้อยๆ คงไม่มีเงินวางค่ามัดจำ
“หากในอนาคตมีการจัดระเบียบริมทางเท้าจริง บริเวณนี้ก็คงเงียบเหงาลงไปมาก งานฝีมือจำพวกดอกไม้ ร้อยมาลัย ที่เป็นงานฝีมือแท้ๆ ก็จะหายไป เพราะไม่รู้จะไปวางขายที่ไหนได้อีก นักท่องเที่ยวก็ไม่รู้จะมาเดินดูอะไรที่นี่ อย่างที่ร้านตัวเองขายมาลัยดอกไม้ ก็มีลูกจ้างที่บ้านหลายคน ร้านขายดอกไม้ก็มีเกษตรกรที่ปลูกดอกไม้มาขายส่งที่นี่ ถ้าต้องเลิกขายไปก็กระทบกันไปทุกคน”
ในอนาคต ไม่ว่าการจัดระเบียบปากคลองตลาดนี้จะเป็นอย่างไร ตลาดจะกลับมาคึกคักเหมืองเดิมหรือไม่ แต่อย่างไรเสีย “ปากคลองตลาด” ก็ยังถูกจารึกในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองไทย ว่าเป็นตลาดขายดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุด คึกคักที่สุด และอยู่ในความทรงจำของฉันตลอดไป
* * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com