xs
xsm
sm
md
lg

คนรักสัตว์ยิ้ม! ปี 58 สัตว์ 19 ล้านชีวิตทั่วโลกมีชีวิตดีขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก เผย ในปี 2558 สัตว์ 19 ล้านชีวิตทั่วโลก มีชีวิตดีขึ้นจากแคมเปญต่างๆ ที่รณรงค์ทั่วโลก พร้อมเดินหน้าโครงการสัตว์ป่าไม่ใช่นักแสดงในปี 2559

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประจำประเทศไทย (World Animal Protection Thailand) เปิดเผยว่า ในปี 2558 (2015) ที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมืออันดีและความเมตตาจากแคมเปญต่างๆ ที่รณรงค์ทั่วโลก ส่งผลให้สัตว์ 19 ล้านชีวิตมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในปี 2559 นี้ องค์กรฯ จะเดินหน้าเคมเปญสัตว์ป่าไม่ใช่นักแสดงในไทยและขอเชิญชวนทุกภาคส่วนของสังคมสนับสนุนโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

นางสุภาภรณ์ ลาสต์ ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ในทุกวัน ทุกประเทศทั่วทุกมุมโลก มีสัตว์นานาชนิดได้รับการปลดปล่อยสู่อิสรภาพได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากความอดอยากหิวโหย ทั้งยังได้รับการช่วยชีวิตและบำบัดรักษาให้พ้นจากสภาวะวิกฤตเมื่อเกิดภัยพิบัติ ขณะเดียวกันยังได้รับการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ทั้งหมดเกิดจากความช่วยเหลือของทุกภาคส่วนในสังคมที่ทาให้ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก องค์กรเพื่อปกป้องคุ้มครองสัตว์ยุติการทารุณกรรมสัตว์ สามารถทางานเพื่อปกป้องคุ้มครองสัตว์ได้นับล้านชีวิตตลอดปี 2558 ที่ผ่านมา

“เมื่อพายุไซโคลนแพมพัดถล่มวานูอาตู ในเดือนมีนาคม ปี 2558 ทีมจัดการภาวะภัยพิบัติขององค์กรฯสามารถเข้าถึงพื้นที่ และช่วยเหลือสัตว์ได้ทันท่วงที ในปีเดียวกันเราได้ส่งมอบอาหารและให้ความช่วยเหลือสัตว์กว่าหนึ่งล้านสามแสนตัวในพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั่วทุกมุมโลก และยังร่วมกิจกรรมฉลองการครบรอบ 10 ปี ของศูนย์พักพิงธรรมชาติเพื่อหมีในโรมาเนีย ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงธรรมชาติที่องค์กรฯ จัดทำขึ้นในเขตอนุรักษ์พันธุ์หมีที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เพื่อให้หมีถึง 82 ตัว ที่ได้รับการช่วยเหลือจากการถูกกักขังและทารุณ กลับคืนสู่อิสรภาพและมีชีวิตที่แสนสุข ด้วยความช่วยเหลือจากประชาชน องค์กรฯ ได้ให้การสนับสนุนความพยายามที่จะช่วยเหลือสัตว์ทะเลซึ่งติดอยู่กับซากอวนหรือเครื่องมือประมงอื่นๆ ที่ถูกทิ้ง หรือตกหล่นอยู่ในทะเล ในโครงการรณรงค์ระดับนานาชาติ ที่ริเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน 2558 ซึ่งพันธมิตรของเราจะร่วมกันค้นหาวิธีแก้ไขปัญหา อย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืนต่อไป คาดว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยเหลือสัตว์ทะเลได้ถึง 1 ล้านชีวิต ภายในปี 2561

นอกจากนี้องค์กรฯ ยังได้ดำเนินโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่สามารถช่วยสุนัขถึง 3 แสนตัวทั่วเอเชียและแอฟริกา ให้พ้นภัยจากการถูกฆ่าโดยไม่จำเป็น โดยสามารถหยุดยั้งการฆ่าสุนัขอย่างทารุณและช่วยให้สุนัขเหล่านี้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้”

นางสุภาภรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของประเทศไทย องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ได้ช่วยเหลือสัตว์ผ่านการทำโครงการทางด้านสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้รวมถึงการให้ความรู้แก่ภาคประชาชน อาทิ โครงการลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างช้างและมนุษย์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาสวัสดิภาพสัตว์ป่าที่สำคัญมาก ทางองค์กรฯ จึงให้การสนับสนุนองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ Zoological Society of London (ZSL) โดยเริ่มต้นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ด้านตะวันตกของประเทศไทย เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งตลอด 1 ปีที่เราได้ดำเนินโครงการได้สาเร็จลุล่วงและประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ไม่ปรากฏว่ามีการสูญเสียชีวิตของทั้งช้างและคน

โครงการป้องกันพิษสุนัขบ้า ในเขตชายแดนภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ได้ร่วมกิจกรรมกับกระทรวงสาธารณสุข และปศุสัตว์เขต 5 ภาคเหนือ ในโครงการ “รณรงค์สร้างความตระหนักในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่เสี่ยง จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย” ใน 4 เขตอำเภอเมืองและอำเภอชายแดน คือ เทิง เวียงแก่น เชียงของ และแม่สาย โดยรับหน้าที่เป็นวิทยากรรับเชิญในการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า และพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 รวมถึงให้คำแนะนำในการดูแลสัตว์เลี้ยง และยังได้ฉีดวัคซีนและทำหมันให้แก่สุนัขในพื้นที่ด้วย

โครงการดูแลสวัสดิภาพสัตว์ป่าที่ถูกยึด สัตว์ป่าจำนวนมากถูกจับเพื่อขายอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในเขตเอเชียและประเทศไทยเองก็เป็นศูนย์กลางเส้นทางค้าสัตว์ป่า เมื่อมีการจับกุม สัตว์ป่าที่มีชีวิตจะถูกยึดไว้เป็น “ของกลาง” และถูกส่งไปเลี้ยงในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีตามกฎหมาย จึงจะสามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ ดังนั้นเพื่อดำเนินตามเจตจำนงขององค์กรฯ ในการดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ที่จะได้รับอิสระได้มีชีวิตที่ดีขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่าง กรมอุทยานแห่งชาติฯ และองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ร่วมกับ มูลนิธิรักษ์สัตว์ป่า (Love Wildlife Foundation) และ Blue Tail Animal Aid International (BTA) โดยมีจุดประสงค์หลักร่วมกันคือ ยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ พัฒนาทักษะและให้ความรู้เกี่ยวกับหลักการดูแลสัตว์ป่าที่เลี้ยงในที่กักขัง ให้ผู้ดูแลสัตว์เข้าใจถึงความต้องการของสัตว์แต่ละชนิดแต่ละสายพันธุ์ รวมถึงส่งเสริมคุณภาพชีวิตสัตว์ โดยการจัดการที่อยู่อาศัยของสัตว์ให้ดีและเพียงพอ รวมทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับสัตว์แต่ละชนิด โครงการนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในการยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพ

“ล่าสุด องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจนสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของบรรดาสัตว์ป่าที่ถูกใช้เพื่อความบันเทิง อย่างเช่น ช้างและหมี โดยทางองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกได้เริ่มรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจกับทั้งภาคเอกชนเพื่อการปรับตัวให้เข้ากับกระแสโลก และเพื่อให้ภาคประชาชนทั่วโลกตระหนักรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์ที่อยู่เบื้องหลังในการนำสัตว์ป่ามาใช้ในการแสดง เช่น การแสดงช้างและขี่ช้างในอุตสาหกรรมเพื่อการบันเทิง และโน้มน้าวให้บริษัททัวร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงปัญหาสวัสดิภาพสัตว์ดังกล่าว จนวันนี้บริษัททัวร์กว่าร้อยแห่งทั่วโลกได้ตกลงที่จะยุติการเสนอทัวร์แสดงช้างขี่ช้างแล้ว และหันไปเป็นการศึกษาชีวิตช้างที่อยู่ตามแหล่งธรรมชาติ โครงการนี้ยังจะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ในปี 2559 นี้อีกด้วย

จากการสนับสนุนของทุกภาคส่วนผ่านองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก เพื่อช่วยเหลือสัตว์ทั่วโลกในปี 2558 ท่านช่วยให้เราสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของสัตว์ในฟาร์มได้ถึง 19 ล้านชีวิต ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องกับภาคธุรกิจและเกษตรกรทั่วโลก เพื่อให้บรรลุผลในการส่งเสริมสวัสดิภาพชีวิตที่ดีให้กับบรรดาสัตว์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกท่าน

ดิฉันขอกล่าวในนาม องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริงในการช่วยสนับสนุนการทำงานจากท่านตลอด 365 วันที่ผ่านมา ขอให้ทุกท่านทราบว่าพวกเรากาลังร่วมกันเปลี่ยนแปลงชีวิตของสัตว์ ในทุกที่ทุกวัน จากแรงสนับสนุนและความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนในสังคมจะเป็นแรงผลักดันให้องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนโลก เพื่อปกป้องคุ้มครองสัตว์ร่วมกันให้ประสพผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ใน 365 วันข้างหน้า” นางสุภาภรณ์กล่าวทิ้งท้าย
*****************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น