โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ใครๆ ก็รู้ว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และมีบรรยากาศร่มรื่น และนอกจากจะเป็นสถานศึกษาแล้ว มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวด้วยเหมือนกัน เนื่องจากเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์มากมายให้ได้เข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาหาความรู้ อีกทั้งยังมีงานเทศกาลประจำปี อาทิ งานเกษตรแฟร์ งานเทศกาลลอยกระทง ที่กลายมาเป็นจุดท่องเที่ยวน่าสนใจของทุกปีอีกด้วย
ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ฉันจึงได้ตัดสินใจจะไปเที่ยวที่ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา กรุงรัตนโกสินทร์” สถานที่จัดแสดงนิทรรศการความรู้ด้านธรรมชาติให้ได้ชมและศึกษา และในช่วงนี้ก็ยังมีงาน “เกษตรแฟร์ ประจำปี 2559” ให้ได้เดินเที่ยวกันอีกด้วย โดยในปีนี้งานจะจัดขึ้นในวันที่ 29 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2559
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา กรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ภายตึกเทียมคมกฤส ของคณะวนศาสตร์ ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ก่อนที่จะเริ่มต้นเดินเที่ยวฉันก็จะขอเล่าประวัติคร่าวๆ ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้ได้ฟังกันก่อนนะ
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา กรุงรัตนโกสินทร์ ได้ถูกจัดสร้างขึ้น โดยเป็นดำริของ หม่อมเจ้าจักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยนั้น พิจารณาเห็นว่าประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติประเภทต่าง ๆ เป็นจำนวนมากสมควรที่จะอนุรักษ์ให้เป็นสมบัติของชาติสืบไป จึงได้สร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นในการสมโภชน์กรุงรัตน โกสินทร์ 200 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2525 และมีวัตถุประสงค์คือการเผยแพร่และแสดงตัวอย่างทรัพยากร ธรรมชาติให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป คงประโยชน์ในด้านการวิจัยค้นคว้า และเพื่อรักษาตัวอย่างทรัพยากรบางชนิดที่หายาก”
สำหรับบรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เมื่อฉันเดินเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ ก็ได้พบกับบรรยากาศที่เป็นกระจกใสเรียงลายมากมาย โดยแต่ละตู้กระจกนั้นจะเป็นการจำลองสภาพธรรมชาติที่พบในประเทศไทย พร้อมทั้งได้รวบรวมตัวอย่างพืชและสัตว์สตัฟฟ์ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นๆ มาจัดแสดงให้ชมอย่างสวยงามเสมือนจริง และมีป้ายบรรยายให้ได้อ่านศึกษากันด้วย
ถัดมาฉันก็มาชมตู้จัดแสดงธรรมชาติ “ทุ่งหญ้า” และได้รู้มาว่าทุ่งหญ้าในประเทศไทย ส่วนใหญ่เกิดจากการบุกรุกทำลายป่าในอดีต จนทำให้เกิดเป็นพื้นที่โล่งกว้างแทรกอยู่ในป่าเดิม ตู้นี้จัดแสดงพืชพันธุ์หญ้านานาชนิด และสัตว์ป่าที่อาศัยในธรรมชาติแบบทุ่งหญ้า เช่น กระต่ายป่า หนูชนิดต่างๆ และสัตว์จำพวกล่ากระต่าย-หนูเป็นอาหาร เช่น เหยี่ยวขาว พังพอน งู
ฉันได้เดินชมตู้จัดแสดงธรรมชาติทุกๆ ตู้ ซึ่งประกอบด้วยตู้จัดแสดงธรรมชาติ “ป่าพรุ” อันเป็นป่าประเภทไม่ผลัดใบ พบในแถบที่ลุ่มต่ำหรือพื้นที่เป็นแอ่งน้ำมีน้ำขังตลอดปี พรรณไม้ในป่าประเภทนี้จะเป็นพวกไม้ยืนต้นที่มีขนาดและความสูงต่างๆ กัน และสัตว์ที่อาศัยอยู่ส่วนมากก็จะเป็นนกชนิดต่างๆ ที่หากินใกล้แหล่งน้ำ หนู กระรอก สัตว์เลื้อยคลานเช่น งู ตะกวด และนกชนิดต่างๆ
นอกจากตู้จัดแสดงธรรมชาติป่าพรุและทุ่งหญ้าแล้ว ก็ยังมีตู้จัดแสดงอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ตู้แสดงธรรมชาติป่าดิบเขา พร้อมกับมีไก่ฟ้าสตัฟฟ์จัดแสดงให้ชม , ตู้แสดงธรรมชาติป่าเต็งรัง , ตู้จัดแสดงป่าดิบแล้ง , ตู้จัดแสดงป่าดิบชื้น ฉันขอบอกว่าแต่ละตู้สวยงามเหมือนจริงมากๆ ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงป่าเขาลำเนาไพรก็ชมได้ง่ายๆ
นอกจากตู้จัดแสดงสภาพธรรมชาติจำลองแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์ก็ยังมีกระดานนิทรรศการที่จัดแสดงข้อมูลด้านธรรมชาติให้ได้ศึกษากันอีกด้วย และที่ฉันสนใจที่สุดก็คงจะเป็นการกระดานจัดแสดงเรื่อง “ที่สุดของป่าไทย” เพราะทำให้ได้รู้ว่า อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทยคือ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” จัดตั้งขึ้นในวันที่ 18 กันยายน 2505 , อุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” มีเนื้อที่ถึง 1,821,687.84 ไร่ , อุทยานแห่งชาติที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ “อุทยานแห่งชาติหาดวนกร” มีเนื้อที่ 23,750 ไร่
และในด้านสัตว์ป่าของไทยก็ได้รู้ว่า “ช้าง” เป็นสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุด “งูจงอาง” เป็นงูพิษที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เต่าขนาดใหญ่ที่สุดคือ “เต่าหก” แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็เห็นจะเป็น “นกกาฮัง" หรือ "นกกก” นกเงือกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีลักษณะสวยงาม อีกทั้งนกเงือกยังเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติได้ประการหนึ่ง เนื่องจากจะอาศัยอยู่ในป่าหรือพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น
ฉันได้รู้มาอีกว่า “นกกาฮัง" หรือ “นกกก” เป็นนกป่าขนาดใหญ่จำพวกนกเงือก พบได้ตามป่าดงดิบเกือบทุกภาคยกเว้นบริเวณตอนกลางของประเทศ นกชนิดนี้กินลูกไม้ต่างๆ เป็นอาหารรวมทั้งสัตว์ขนาดเล็กด้วย และการใช้ชีวิตยังมีเอกลักษณ์เด่นคือ นกกาฮังจะสร้างรังและวางไข่อยู่ในโพรงไม้ใหญ่ที่สูงจากพื้นดินประมาณ 12-22 ม. หลังผสมพันธุ์ 2-3 วัน นกตัวเมียจะเข้าไปทำความสะอาด และเริ่มปิดปากโพรงด้วยดินจนเหลือเป็นช่องแคบๆ ไว้สำหรับรับอาหารจากตัวผู้ ตลอดระยะเวลาที่กกไข่ จนลุกฟักแม่นกจึงจะออกมาช่วยหาอาหาร ช่างเป็นการดำรงชีวิตที่มีเอกลักษณ์จริงๆ
และภายในพิพิธภัณฑ์ก็ยังมี เขาสัตว์ กะโหลกสัตว์ หนังสัตว์ ทั้งที่ได้รวบรวมและได้รับการบริจาคจัดแสดงให้ได้ชมอีกและก็ยังมีท่อนไม้ชนิดต่างๆ อาทิ ไม้ประดู่ ไม้สัก ไม้พะยูง ตั้งอยู่บริเวณกลางห้องให้ได้ชมพร้อมศึกษาลักษณะของเนื้อไม้และวงปีกันอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่เป็นสถานที่เที่ยวที่อันแน่นด้วยความรู้มากมาย มาที่นี่ไม่ต้องไปเรียนรู้ไกลถึงในป่าเขาลำเนาไพร หากใครมีเวลาว่างแล้วฉันแนะนำให้ควรมาเยือนสักครั้ง ของฟรีแล้วดีมีจริงในโลก เหล่านักท่องเมืองกรุงห้ามพลาดเด็ดขาด
*****
“พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา กรุงรัตนโกสินทร์” ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของตึกเทียมคมกฤส คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เข้าชมฟรีทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.00 น. หากเข้าชมเป็นหมู่คณะโปรดติดต่อล่วงหน้าเพื่อเตรียมวิทยากร สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2579-0170
การเดินทาง : รถโดยสารประจำทางสาย 24,26,29,34,59,63,503,510,512,522,545
* * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com