มณฑล “กวางสี” เป็นมณฑลที่อยู่ในภูมิภาคทางทิศใต้ของประเทศจีน โดยจุดเด่นของมณฑลกวางสีนั้น เป็นดินแดนที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับด้านธรรมชาติที่อลังการและสวยงาม จนเป็นที่ประทับใจเหล่าผู้คนที่มาเยือน ประกอบกับมีชนเผ่าดั้งเดิมอาศัยอยู่ที่นี้เป็นจำนวนมากจึงมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย มณฑลกวางสี จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติอย่างแท้จริง โดย “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปเยือนมณฑลกวางสีคราวนี้ ได้ร่วมเดินทางไปกับ “สายการบินแอร์เอเชีย” ที่เปิดเส้นทางใหม่บินตรงจาก สนามบินอู่ตะเภา สู่เมืองหนานหนิง เมืองศูนย์กลางในมณฑลกวางสี
พอได้เวลาแลนดิ้งลงสู่สนามบินนานาชาติหนานหนิง เราก็ได้พบกับไกด์ท้องถิ่นใจดีที่คอยดูแลเราตลอดทริปนี้ ชื่อว่า “พี่สุมนา” เป็นคนชาวจีนแท้ๆ ที่สามารถพูดภาษาไทยได้เป็นอย่างดี โดยพี่สุมนาได้เล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับเมืองหนานหนิงไว้ว่า “เมืองหนานหนิง” (Nanning) ถือว่าเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางสี และมีชื่อเสียงแห่งความเขียวขจี จนได้สมญานามว่า "เมืองสีเขียว" ซึ่งเราจะสังเกตได้จากสองข้างทางในเมือง จะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกขึ้นกันอย่างเรียงรายตามริมถนน
จุดท่องเที่ยวหลักในเมืองหนานหนิงที่คนมาเยือนแล้วต้องไม่พลาด นั้นคือ “เขาชิงซิ่ว” (Qingxiu Mountain) ภูเขาขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่ปกคลุมไปด้วยพฤกษชาตินานาชนิดที่สมบูรณ์ ที่นี่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ และมีจุดท่องเที่ยวมากมาย โดยเราจะไปเที่ยวสองจุดหลักๆ โดยจุดแรกคือ “สวนไชน่า-อาเซียนเฟรนด์ชิป การ์เด้นท์” (China-ASEAN friendship garden) สวนมิตรภาพระหว่างประเทศจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน ที่นี่ยังเป็นลานจัดงาน ไชน่า-อาเซียนเอ็กซ์โป (China-ASEAN Expo) งานเทศกาลสานสัมพันธ์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเศรษฐกิจระหว่างประเทศจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน เพราะรัฐบาลจีนได้มีนโยบายกำหนดให้เมืองหนานหนิงนั้น เป็นเมืองศูนย์กลางการติดต่อกับอาเซียน
เมื่อเดินไปภายในของสวน จะเห็นรูปปูนปั้นสถานที่เอกลักษณ์เมืองประเทศแถบอาเซียนต่างๆ ในช่วงที่ไม่มีการจัดงานก็จะกลายเป็นลานกว้างกิจกรรมที่ให้ชาวจีนได้มาเดินเล่นถ่ายรูปกัน เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่งของชาวเมืองหนานหนิง เดินไปอีกสักนิดจะพบกับลาน 12 นักษัตรตามแบบปฏิทินจีน มีรูปปั้นนักษัตรเรียงรายล้อมรอบ เป็นอีกมุมน่ารักๆ มุมหนึ่งของสวนแห่งนี้ อีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ไม่แพ้กัน คือ จุดรูปปั้นมังกรที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงประเทศจีน หันหน้าเข้ากับเสาสัญลักษณ์ประจำประเทศต่างๆ แถบอาเซียน สวยงามและยิ่งใหญ่ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศจีนกับในประเทศอาเซียนอีกด้วย
จากนั้นไปจุดที่สอง ในบริเวณเขาชิ่งซิ่ว ที่ “สวนปรง” (Cycad Forest) ที่นี่มีต้นปรงจำนวนมากโดยความพิเศษในสวนแห่งนี้ จะมีต้นปรงต้นหนึ่งที่ได้สมญานาม เป็น “คิง” ของสวนปรง ที่มีอายุยาวนานมากกว่า 1,360 ปี เป็นต้นไม้ที่เก่าแก่อย่างมาก เดินถัดไปเล็กน้อยจะพบรูปปั้นไดโนเสาร์ ต่างๆ ภายในสวนปรง แสดงให้เห็นว่าต้นปรงนั้นเป็นพืชดึกดำบรรพ์ ที่มีมาในยุคไดโนเสาร์ร้อยล้านกว่าปี เป็นต้นไม้ที่โตช้า แต่มีอายุยาวนาน
ในเมืองหนานหนิงนอกจากเขาชิ่งซิ่วแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวภายในตัวเมืองที่ไม่ควรพลาดอย่าง “พิพิธภัณฑ์ชนชาติกวางสีจ้วง” (Guangxi Provincial Zhuang Nationality Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชนเผ่าต่างๆ ในมณฑลกวางสี ที่รวบรวมทั้งเรื่องวิถีชีวิต การแต่งกาย ความเป็นอยู่ ข้าวของเครื่องใช้ มาจัดแสดงไว้ให้คนทั่วไปได้ชมและเรียนรู้ นอกจากนั้นยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมกลองมโหระทึกทองแดงของชาวจ้วงไว้อย่างมากมาย และไฮไลท์ที่สุด นั่นคือ กลองมโหระทึกทองแดงที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุมากกว่า 1,500 ปี จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ให้ได้ชมกันที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
พักที่หนานหนิงหนึ่งคืนเราจึงเดินทางกันต่อโดยออกจากเมืองหนานหนิงไปยังเมืองจิ้งซี ใช้เวลาเดินทางอยู่บนรถบัสนั้นประมาณสี่ชั่วโมง ก็จะถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง “ถงหลิงแกรนด์แคนยอน” (Tongling Grand Canyon, West Jin) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอันสวยงามโดดเด่นแห่งหนึ่งในมณฑลกวางสี เส้นทางการเดินลงไปชมนั้นจะต้องเดินลงบันไดไปอย่างเบื้องล่างลึกลงไปในหุบเขาประมาณ 300 เมตร ข้างใต้จะพบน้ำตกเล็กๆ ที่ไหลลงสู่ธารน้ำใส เมื่อพ้นจากถ้ำไปก็จะเป็นพื้นที่โล่งกลางหุบเขา และได้พบสิ่งที่สวยงามตระการตาอย่าง “น้ำตกถงหลิง” ที่มีความสูงถึง 188 เมตร เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในกวางสี เป็นภาพตระการตาและสวยงามอย่างยิ่งที่ได้เห็นสายน้ำสีขาวจากน้ำตกไหลเป็นสายตัดกับธรรมชาติที่เขียวขจี
ดูน้ำตกถงหลิงยังไม่พอ จึงขอออกเดินทางสู่ชายแดนจีน-เวียดนาม ที่เมืองเต๋อเทียน มณฑลกวางสี เพื่อสัมผัสกับความยิ่งใหญ่อลังการของ “น้ำตกเต๋อเทียน” (Detian) อันเลื่องชื่อ เป็นน้ำตกชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตัวน้ำตกนั้นมีความกว้าง 120 เมตร สูงประมาณ 70 เมตร มี 3 ชั้น และมีขนาดใหญ่กว่าฝั่งเวียดนามที่เป็นน้ำตกไหลเป็นสายเดียวโดยน้ำตกฝั่งเวียดนามเรียกชื่อไว้ว่า “น้ำตกตาปาเกรียน” น้ำตกเต๋อเทียนแห่งนี้ได้ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง และเพื่อความใกล้ชิดมากขึ้น ที่นี่ยังมีบริการนั่งแพไม้ไผ่ ล่องไปชมน้ำตกเต๋อเทียนในเขตจีน โดยฝั่งเวียดนามนั้นไม่สามารถข้ามไปได้ จึงไม่รอช้าตัดสินใจขอนั่งล่องแพเพื่อไปดูความยิ่งใหญ่ อลังการและความสวยงามของน้ำตกเต๋อเทียนด้วยตาตนเองสักครั้ง กลายเป็นภาพประทับติดตรึงอยู่ในใจไปอีกยาวนาน
หลังจากนั้นเราขึ้นฝั่งด้านข้างเพื่อเดินขึ้นไปชมน้ำตกชั้น 2 และชั้นบน สัมผัสไอละอองน้ำชุ่มฉ่ำกันเต็มที่ก่อนเดินขึ้นไปอย่างด้านบนชมหลักเขตแดนเสาเลขที่ 53 ที่กั้นพรมแดนจีน-เวียดนาม ซึ่งเป็นป้ายเล็กๆ เก่าแก่ยาวนาน ส่วนข้างๆ นั้นจะเป็นป้ายหลักเขตแดนใหม่ที่สร้างขึ้นไว้ใช้งานให้มีความชัดเจนมากขึ้น และนอกจากนั้นยังมีตลาดนัดเล็กๆ ขายของกันอย่างมากมาย หลากหลายสารพัดชนิด มีทั้งของจากฝั่งเวียดนามและของฝั่งจากประเทศจีน เลือกให้ชอปกันไม่หวาดไม่ไหว ถือเป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งในเขตชายแดนจีน-เวียดนามแห่งนี้
ชมธรรมชาติสวยงามเต็มอื่มแล้วก็เดินทางกันต่อไปยังเมือง ต้าซิง หมิงซื่อ (Daxing Mungshi) พักที่นี่หนึ่งคืน โดยวันรุ่งเช้าเราจึงออกไปเที่ยวล่องแพที่ “แม่น้ำหมิงซื่อ” (Mingshi River) เพื่อไปยัง “หมู่บ้านชนกลุ่มน้อยชาวจ้วง” (Black Zhuang Nationality Ancient Culture) ที่อาศัยอยู่ โดยมีไกด์ท้องถิ่นชาวจ้วงแท้ๆ มาคอยต้อนรับอย่างดี ซึ่งไกด์ท้องถิ่นได้บอกกับเราไว้ว่า ชาวจ้วงนั้นภาษาของเขามีความคล้ายคลึงกับภาษาไทยบ้านเรา ฟังออกเป็นบางคำ และออกเสียงนับเลข หนึ่ง สอง สาม เหมือนกันอีกด้วย นอกจากนั้นไกด์ท้องถิ่นยังชวนให้ชมวิวธรรมชาติรอบๆ แม่น้ำหมิงซื่อ โดยได้บอกให้เรามองเป็นภาพตามจินตนการของชาวจ้วงที่ชอบมองภูเขาลูกนั้นลูกนี้เปรียบเทียบเหมือนอย่างใดอย่างหนึ่ง กลายเป็นการเพลิดเพลินไปอีกแบบที่ได้เห็นภูเขาลูกนั้นลูกนี้ เมื่อล่องเรือไปเรื่อยๆ ไกด์ท้องถิ่นของเราขอเอาสาร้องเพลงพื้นเมืองของชาวจ้วงให้ได้ฟัง ถึงแม้ว่าจะฟังไม่ออกร้องไม่ได้ แต่ก็ทำให้พวกเราเกิดความสนุกสนานปรบมือครื้นเครงไปกับเสียงร้องบนแพท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม
เมื่อมาถึงหมู่บ้านชาวจ้วง ชาวจ้วงในหมู่บ้านจะต้อนรับผู้มาใหม่โดยให้กินเหล้าท้องถิ่น ที่ทำมาจากข้าวเหนียวหมักไว้ในไห แสดงถึงการมอบขวัญกำลังใจให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยือนหมู่บ้าน ชุดพื้นเมืองของชาวจ้วงนั้น จะมีลักษณะโดดเด่น เป็นเครื่องแต่งกายชุดดำ และมีผ้าโพกหัวห้าสีไว้ด้านบน นอกจากนั้นจะเห็นเสาหินใหญ่สูงตระหง่านตั้งอยู่ในหมู่บ้าน เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความแข็งแรง ความมั่นคง ไม่หวั่นไหวของชาวจ้วงนั้นเอง
ถึงจะเต็มอิ่มกับสถานที่เที่ยว ในมณฑล “กวางสี” ดินแดนแห่งธรรมชาติสวยงาม อลังการแล้ว นี่เป็นเพียง บางส่วนเท่านั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากหมายหลากหลายที่น่าสนใจ ในมณฑลกวางสี อย่างเมืองกุ้ยหลินเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของขุนเขา และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้ไปเยือน โดยจะขอยกยอดเล่าให้ฟังครั้งหน้า ที่ไม่ควรพลาดในการมาเยี่ยมเยือนชมด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิต
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถเดินทางสู่เมืองหนานหนิงได้สายการบิน ไทย แอร์เอเชีย สนามบินอู่ตะเภา- หนานหนิง โดยมีเที่ยวบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com หรือที่ www.facebook.com/AirAsiaThailand
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com