โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ในที่สุดวันและเวลาก็ล่วงเลยมาถึงเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายแห่งปี และในช่วงนี้ทุกๆ หนแห่งในเมืองกรุงจะมีการประดับประดาแสงไฟหลากสีสันหลายรูปทรงไว้อย่างสวยงาม ทำให้ค่ำคืนของเมืองหลวงแห่งนี้กลายเป็นราตรีที่งดงามกว่าช่วงใดๆ ของปี และฉันก็ไม่พลาดที่จะไปเดินเที่ยวชมความสวยงามของแสงไฟยามสนธยา โดยสถานที่ที่ฉันจะไปเที่ยวชมแสงสีในช่วงค่ำคืนในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ก็คือที่ “ถนนราชดำเนิน” หนึ่งในสถานที่ที่มีการประดับดาไฟไว้อย่างสวยงามให้ได้ชม
และเนื่องด้วยในวันที่ 5 ของเดือนนี้เป็น “วันพ่อแห่งชาติ” ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็น "วันชาติ" ถนนราชดำเนินตลอดทั้งสายก็จะมีการนำพระบรมฉายาลักษณ์มาตั้งให้ประชาชนอย่างฉันได้ชื่นชมพระบารมีของพระองค์ท่าน ไปพร้อมๆ กับการชมไฟแสงสีอันงดงามที่ประดับประดาถนนสายนี้ไว้อย่างวิจิตรอลังการ
แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นการเดินชมความสวยงามยามค่ำคืนของแสงไฟที่ถนนราชดำเนิน ฉันก็จะขอเล่าประวัติความเป็นมาของถนนสายประวัติศาสตร์แห่งนี้ให้ได้ฟังกันก่อน
“ถนนราชดำเนินเป็นถนนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2442 เพื่อเป็นที่เสด็จพระราชดำเนินระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังดุสิต และเพื่อความสง่างามของบ้านเมือง โดยมีจุดเริ่มต้นที่แยกมุม “ป้อมเผด็จดัสกร” กำแพงพระบรมมหาราชวัง หรือบริเวณศาลหลังเมืองกรุงเทพฯ เรื่อยไปจนถึงทางแยกหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า”
และถนนแห่งนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็นถนน 3 สายได้แก่ “ถนนราชดำเนินใน” มีระยะทางตั้งแต่แยกมุมป้อมเผด็จดัสกร เลียบสนามหลวงด้านทิศตะวันออกจนถึงสะพานผ่านพิภพลีลา “ถนนราชดำเนินกลาง” มีระยะทางตั้งแต่สะพานผ่านพิภพลีลา ไปทางทิศตะวันออก ผ่านทางแยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และป้อมมหากาฬ สิ้นสุดที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และ “ถนนราชดำเนินนอก” มีระยะทางตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจนถึงทางแยกหน้าลานพระบรมรูปทรงม้าตัดกับถนนศรีอยุธยา
ฉันขอบอกว่าถนนราชดำเนินแห่งนี้ นอกจากจะเป็นถนนสายสำคัญที่มีอายุ 100 กว่าปีแล้ว ตลอดสองฝากฝั่งตั้งแต่ต้นถึงปลายถนน ก็ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ถึงแม้ว่าในช่วงกลางคืนจะไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่ก็มีสีสันจากแสงไฟทำให้สถานที่แต่ละแห่งสวยงดงามแม้ในยามราตรี
เริ่มต้นการเดินเที่ยวในครั้งนี้กันที่ จุดเริ่มต้นของ “ถนนราชดำเนินใน” บริเวณหัวมุมป้อมเผด็จดัสกร 1 ใน 17 ป้อมรอบกำแพงพระบรมมหาราชวัง ที่สามารถแลเห็น “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” หรือ “วัดพระแก้ว” อยู่ภายใน แม้จะเป็นช่วงกลางคืนแต่กลุ่มพระอุโบสถก็ยังเจิดจรัสด้วยแสงไฟเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ และยังสามารถเห็นสถาปัตยกรรมอันงดงามของ “ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ” และ “อาคารกระทรวงกลาโลม” และพื้นที่บริเวณกลางแยกถนนก็ยังมี “ประติมากรรมช้างเอราวัณ” ชูงวงแบกดอกบัวประดิฐฐานพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ให้ได้ชมความสวยงามอีกด้วย
เมื่อฉันชมความสวยงามในช่วงค่ำคืนที่บริเวณแยกป้อมเผด็จดัสกรเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินชมความสวยงามของแสงไฟที่ประดับประดาอยู่บนต้นมะขาม ตลอดสองฝากฝั่งของถนนราชดำเนินใน มองแล้วสวยงามมากๆ แสงไฟระยิบระยับทอดยาวเรียงรายเป็นสายธารมุ่งตรงสู่ “สะพานผ่านพิภพลีลา” ที่เป็นจุดเชื่อมไปสู่ถนนราชดำเนินกลาง
ฉันเดินข้ามสะพานผ่านพิภพลีลาเข้าสู่ “ถนนราชดำเนินกลาง” และได้เห็นทิวทัศน์ของแสงไฟที่งดงามอลังการเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เนื่องจากถนนสายนี้มีพื้นที่เกาะกลางถนน ที่ได้มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ประดับด้วยกรอบพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีประติมากรรมสลักไว้อย่างสวยงามมาตั้งไว้ที่บริเวณเกาะกลางถนน พร้อมกับมีการประดับประดาด้วยแสงไฟและดอกไม้ ให้ได้ประชาชนได้ชมพระบารมี
นอกจากพื้นที่เกาะกลางถนนแล้ว บริเวณพื้นที่ฟุตปาทสองฟากฝั่งถนน ก็ยังมีการนำไฟหลากสีสันหลากหลายรูปทรงมาประดับไว้อย่างสวยงาม บางจุดเป็นอุโมงค์ไฟ บางจุดเป็นซุ้มประดับไฟ กลายเป็นจุดถ่ายรูปที่ใครๆ ก็แวะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำหรือโพสอวดเพื่อนๆ บนโลกโซเชียล ฉันเดินเรื่อยๆ จนมาถึง “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย ตลอดทางที่ฉันเดินมาแสงสีจากไฟสวยงามตราตรึงใจเป็นอย่างมาก มองแล้วเพลินตาจนลืมเจริญใจ
และฉันก็มาถึงจุดสิ้นสุดของถนนราชดำเนินกลาง ณ “สะพานผ่านฟ้าลีลาศ” สะพานที่มีปลายทั้งสองฝั่งเป็นเสาหินอ่อนประดับด้วยสำริดสลักลวดลายงดงาม ใกล้ๆ เป็นที่ตั้งของ “ป้อมมหากาฬ” ป้อมปราการประจำกำแพงพระนครที่สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และใกล้ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของ “ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์” ที่มีทิวทัศน์ของ “โลหะปราสาท” สีทองอร่ามโดดเด่นเป็นฉากหลัง มองเห็นยอดเจดีย์ทองบน “ภูเขาทอง” ฉันขอบอกว่าในจุดนี้ถูกประดับประดาด้วยแสงไฟสวยงามไม่แพ้จุดแสดงไฟใดๆ บนถนนสายนี้
และเวลาแห่งราตรีนี้ของฉันยังอีกยาวไกล ฉันเดินมุ่งตรงสู่ “ถนนราชดำเนินนอก” ที่แลเห็น “อาคารพิพิธภัณฑ์ ร.7” ที่มีสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกสวยงาม จนได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ. 2538
สำหรับบรรยากาศของแสงไฟยามค่ำคืนของถนนราชดำเนินนอกนั้น ก็สวยงามไม่แพ้ถนนราชดำเนินทั้ง 2 สายที่ฉันเดินผ่านมา ต้นไม้ทุกต้นถูกประดับดาด้วยไฟ พร้อมกับมีการจัดสวนเล็กๆ น่ารักไว้อย่างสวยงาม และยังมีการนำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์มาตั้งให้ได้ชมพระบารมี ในที่สุดฉันก็เดินมาถึงจุดสิ้นสุดของถนนราชดำเนินนอก บริเวณแยกหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า
ถึงแม้จะสิ้นสุดระยะของถนนราชดำเนินแล้ว ฉันก็พลาดที่จะข้ามถนนไปเพื่อสักการะ “พระบรมรูปทรงม้า” และชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมของ “พระที่นั่งอนันตสมาคม” แม้จะเป็นช่วงกลางคืนก็โดดเด่นสวยงามสง่า เป็นการปิดท้ายการเดินชมแสงไฟงดงามยามค่ำคืนของฉันในครั้งนี้
ฉันขอบอกว่าเป็นการมาเที่ยวยามค่ำคืนที่ไม่ผิดหวังจริงๆ แม้ระยะทางการเดินจะยาวไกลกว่า 4 กิโลเมตร แสงไฟนั้นตระการตาตลอดเส้นทาง ก็ทำให้ความเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง แสงสียามราตรี แห่ง “ถนนราชดำเนิน” จะเป็นภาพที่ตราตรึงใจฉันไปอีกนานแสนนาน
*****
การเดินทาง : รถโดยสารประจำทางสาย 511,70 ,59,503,509, หรือจะนั่งเรือโดยสารคลองแสนแสบ แล้วลงท่าผ่านฟ้าลีลาศ เดินมายังถนนราชดำเนินได้
* * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com