“ณวัฒน์” เผยการประกวด “Miss Grand International 2013” คืบหน้า 75 เปอร์เซ็นต์ ปลื้มมีผู้เข้าร่วม 90 ประเทศแล้ว เจ้าตัวทำฮือฮาอีก ชูคอนเซ็ปต์ “Stop The War” เตรียมส่งสาวงามที่ชนะเลิศไปรณรงค์หยุดสงครามอย่างน้อย 10 ประเทศ ส่วนมงกุฎเป็นทองคำและประดับด้วยมรกตสีเขียว มูลค่าหลายล้าน เผยเป็นมงกุฎเวียนห้ามนางงามเอากลับประเทศ เหตุอยากให้เกิดความคลั่งอยากได้
หลังจากที่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เคยสร้างความฮือฮามาแล้ว เมื่อครั้งจัดประกวด “Miss Grand Thailand 2013” ด้วยการพานางงามเสี่ยงระเบิดไปเก็บตัวที่จังหวัดปัตตานี แถมสถานที่ที่นางงามไปทำกิจกรรมก็ล้วนเป็นพื้นที่เคยเกิดเหตุรุนแรงมาแล้วทั้งสิ้น ถึงขั้นมีหนึ่งในผู้สมัครของถอนตัว เพราะผู้ปกครองกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย ล่าสุดในการแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการประกวด “Miss Grand International 2013” ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยและในโลก ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Stop The War หยุดสงครามทุกรูปแบบ” งานนี้หัวเรือใหญ่อย่างณวัฒน์ และในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ในการประกวด ก็ทำเอาฮือฮาอีกรอบ ด้วยการออกมาเผยว่า เพื่อให้ตอบโจทย์กับคอนเซ็ปต์ดังกล่าว สาวงามที่ชนะเลิศต้องเดินทางไปรณรงค์หยุดสงครามอย่างน้อย 10 ประเทศทั่วโลก พร้อมกับชี้แจงความคืบหน้าการเตรียมงานว่าเสร็จ 75 เปอร์เซ็นต์แล้ว
“ตอนนี้ความพร้อมก็ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ได้แล้ว เพราะเราดีไซน์หมดแล้ว และก็เริ่มจะทำบางอย่าง มงกุฎเสร็จแล้ว อย่างตอนนี้เสื้อผ้าก็ยังไม่ต้องห่วงอะไรสำหรับโชว์ชุดประจำชาติ จะมีที่เราตัดใหม่ให้ในพิธีเปิดที่เขาต้องเต้นประมาน 1 นาทีครึ่ง ต้องตัดเสื้อผ้าใหม่ประมาณ 100 ชุด”
“ก็หนักมากครับ ก็เพิ่งรู้ว่าการที่เราทำมิสแกรนด์ไทยแลนด์ก็ระดับนึง แต่อันนี้มันหนักถึง 4-5 เท่า ก็สุดท้ายจะคัดผู้เข้าประกวดให้เหลือ 30 กว่าคน แต่ว่าตอนนี้มาเรื่อยๆ ถลำเข้ามาเกือบ 90 ประเทศแล้ว ตอนนี้ก็ต้องเตรียมทุกอย่างเลยไม่ว่าที่พักหรืออาหาร การดูแล พาหนะการเดินทาง รถก็ต้องไปพ่นใหม่ แล้วก็เครื่องบินต้องพร้อม และทุกอย่างให้เป็นสัญลักษณ์ของมิสแกรนด์ไทยแลนด์ แล้วก็เรื่องตำรวจการรักษาความปลอดภัยก็ต้องเข้มงวดมาก ส่วนเรื่องการโปรโมตผมก็ทุ่มไปเยอะเลยเพราะเราทำโฆษณาบนบอร์ดตามสถานที่สำคัญ 50 จุดสำคัญทั่งกรุงเทพฯ ตลอดทั้งวันทั้งคืนเวลา 1 เดือนเต็มๆ”
“ก็ภูมิใจนะครับในความเป็นไทยเพราะผมอยู่บนสังเวียนการประกวดมาเกือบ 10 ปีที่เป็นระดับประเทศหรือระดับโลก บางทีเราก็รู้สึกมีความน้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไมบางทีต่างประเทศไม่ค่อยมองเห็นเรา ครั้งนี้เราก็เลยอยากเป็นผู้ที่กำหนดคนอื่น แล้วตอนนี้ต่างประเทศเขาก็เริ่มมั่นใจเราว่าเราเป็นคนจัด แต่สิ่งสุดท้ายที่เราอยากได้คือการที่เราได้เป็นผู้นำการประกวดระดับโลก”
เผยเน้นเที่ยวในกรุงเทพฯเป็นสถานที่หลัก
“ด้านสถานที่แน่นอนครับต้องเป็นกรุงเทพมหานครเป็นหลัก มีการพาไปเยี่ยมชมพระราชวัง วัด พาไปนวดไทย ให้อยู่ในคอนเซ็ปต์โชว์ความเป็นไทย ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาให้เห็นความสวยงามยามค่ำคืน พาไปเรียนทำอาหารไทย ให้ตำส้มตำกลับบ้านสักครกได้ก็คงจะดี หลังจากนั้นเราก็จะพาขึ้นเชียงใหม่ เนื่องจากเรามีหอประชุมหลักอยู่ที่นั่น ก็จะปิดขันโตกเลี้ยงกัน แล้วก็จะเอาชุดประจำชาติไปประกวดกันที่นั่นให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม แล้วก็ต่อด้วยที่พัทยาจะได้ใส่ชุดว่ายน้ำเลย ฉะนั้นกาลเทศะ ความสวย วัฒนธรรม สถานที่ เป็นสิ่งที่เราคำนึงถึงเสมอ”
พร้อมเผยถึงที่มาของคอนเซ็ปต์การประกวดในครั้งนี้ ว่าทำไมต้อง “Stop The War หยุดสงครามทุกรูปแบบ”
“เพราะว่าก่อนที่เราจะทำ เรามีการศึกษาเสาะหาข้อมูล ว่าการที่จะให้ประเทศไทยยืนอยู่แถวหน้าๆ ของการประกวดระดับโลกได้ ไม่ใช่ประกวดเสร็จแล้วก็จบไป แต่ต้องมีคีย์แมสเสจที่เราจะต้องส่งให้กับ UN แล้วก็ทางองค์กรหลักๆ ของโลกด้วย เราก็ต้องทำอะไรที่มันชัดเจนด้วย ทำอะไรในสิ่งที่โลกต้องการ แต่ไม่ได้แปลว่าโครงการนี้เกิดขึ้นมาแล้วสงครามจะหายไป แต่แค่จะบอกว่าจะขัดแย้งกันได้ต่อสู้กันได้ เพียงแต่อย่างฆ่าชีวิตคนที่ไม่รับรู้ด้วย อย่าฆ่าประชาชน อย่าทำให้ผลพลอยได้ของสงครามกระทบต่อประชาชน แล้วก็ให้สิทธิมนุษย์ชนให้ได้มากที่สุด นี่คือสิ่งที่อยากจะทำและเริ่มทำแล้ว เพราะทุกครั้งที่เกิดสงครามโลกตั้งแต่เราเริ่มรับสมัครสาวงาม เราก็จะรณรงค์ให้ยุติ ให้ลดลง ให้ทุกคนใจเย็นลง”
บอกสาวงามที่ชนะเลิศต้องเดินทางไปรณรงค์ยุติสงครามในประเทศที่มีสงครามอย่างน้อย 10 ประเทศ
“ก็ต้องเดินทางไปประเทศต่างๆ อย่างน้อย 10 ประเทศ คือเราจะเน้นประเทศที่ไม่ค่อยสงบ หรือเมืองที่ไม่ค่อยสงบ เพื่อไปตอบโจทย์เจตนารมณ์ของเรา ว่าเรารณรงค์สิ่งนี้ชัดเจนนะ คือถ้าตีกันที่จัตุรัสไหนเราไปได้ก็อยากจะไป ถามว่าอันตรายไหม สำหรับผม ผมไม่รู้นะครับ เพราะผมไม่รู้สึกกลัว เพราะว่าอาจเป็นเพราะผมเป็นคนเดินทางเยอะ คือผมต้องการตอบโจทย์ว่าเราไม่ได้แค่ประกวด แต่มารณรงค์ยุติสงครามจริงๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสงครามใหญ่ๆ เป็นสงครามเล็กๆ ที่มีการเดินขบวน เราก็จะไปช่วยยุติ”
แจงมงกุฎเป็นทองคำและประดับด้วยมรกตสีเขียว
“อย่างแรกเลยคิดไปคิดมาแล้วว่ามันต้องทอง เพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ชอบทอง แล้วผมสกรีนดูเวทีระดับโลกแล้วยังไม่มีเวทีไหนที่ทำมงกุฎด้วยทอง ฉะนั้นอะไรที่ยังไม่มี แล้วเป็นของที่ประเทศเรามี และเป็นที่นิยมจะได้ตอบโจทย์ว่าใครที่ไหนก็ไม่เหมือนเรา ส่วนที่เป็นมรกตเพราะว่าเราชอบสีเขียว หมายถึงความสงบ ความเยือกเย็น ความสันติและการทำให้ชีวิตดีขึ้นจริง คือสีเขียวตอบโจทย์ทุกอย่างได้หมด”
เรียกว่าแหวกทุกอย่าง เพราะมงกุฎเป็นมงกุฎเวียน ห้ามนางงามนำกลับประเทศ
“ส่วนมูลค่าก็หลายล้านอยู่ คือเป็นมงกุฎเวียน เราก็เลยไม่ค่อยยากบอกมูลค่าเท่าไหร่ เราไม่ได้ให้นางงามนำกลับประเทศ ทันทีที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นี่ ก็จะสวมมงกุฎให้ เมื่อใช้งานเสร็จก็เก็บไว้ที่นี่ แล้วก็เดินทางกลับประเทศตัวเอง สมมติว่าต้องเดินทางไปประเทศที่ 3 ที่เราจะไปรณรงค์ทางเราก็จะเป็นคนขนมงกุฎไปให้ เพราะฉะนั้นมงกุฎจะอยู่กับเราตลอดเวลาเป็นเพียงเกียรติยศระดับโลกที่เขาจะได้รับ”
“ถามว่าทำไมต้องเวียนมงกุฎก็เพื่อจะให้เกิดความคลั่ง เกิดความอยากได้ เพราะฉะนั้นเราเลยลงทุนให้เต็มที่เลย แต่ว่าคนที่ได้ตำแหน่งตอนเขาเอามงกุฎมาคืน เราก็จะให้อันก็อบปี้กลับไปนะครับ คือเหมือนกันเป๊ะเลย แต่ว่าไม่ใช่ของจริง เป็นพวกซิลเวอร์ผสม”
ส่วนผู้ที่ได้รับป๊อปปูล่าโหวตได้รับเงินรางวัล 30,000 เหรียญสหรัฐฯ และรับโทรฟีแทนช่อดอกไม้
“ก็ผู้ที่ได้รับมิสป๊อปปูล่าโหวตก็จะได้รับเงินรางวัลทันที 30,000 เหรียญสหรัฐฯ แล้วก็จะเป็นเวทีแรกระดับโลกนะครับที่เราจะไม่แจกช่อดอกไม้ เราจะแจกโทรฟีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แล้วเราก็จะแจกให้ทุกคนที่ได้รับตำแหน่ง”
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
| เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |
