xs
xsm
sm
md
lg

8 เส้นทางเหนือแรงบันดาลใจ...ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ “ผู้หญิงยุคใหม่” หัวใจนักเดินทาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สาวๆเริงร่าท่ามกลางอุโมงค์ดอกนางพญาเสือโคร่งบานชมพูสะพรั่งที่ขุนวางบนเส้นทางสายดอกไม้เมืองเหนือ
การเดินทางท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นการพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังเป็นการเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ เปิดหน้าต่างของหัวใจ ให้เราได้สัมผัสเรียนรู้กับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม วิถีชุมชน และผู้คนมากหน้าหลายตา

สำหรับยุคปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวแบ่งเป็นหลากหลายกลุ่มตามประเภท ตามไลฟ์สไตล์ ตามความชอบ ทาง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)” ด้านตลาดในประเทศ จึงกำหนดกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดในประเทศ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพขึ้น ได้แก่ กลุ่มผู้สูงวัย กลุ่ม DINK กลุ่ม Gen-Y และนักท่องเที่ยว “กลุ่มผู้หญิง” ที่มีเป็นจำนวนมากและกำลังมาแรง
เทรนด์หัวใจสีเขียวรักธรรมชาติ เขาสูงดอยสวย ทุ่งดอกไม้งาม ของผู้หญิงยังคงทันสมัยที่ไม่เคยตกยุค
เทรนด์ท่องเที่ยวผู้หญิงยุคใหม่

ผู้หญิงหลายๆ คนนอกจากจะเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนตัวแม่แล้ว ยังจัดเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวตัวฉกาจ พวกเธอพอมีเวลาว่างเป็นไม่ได้ ต้องรีบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าหรือเป้ใบเก่ง สวมชุดคู่ใจ รองเท้าคู่กาย ออกตะลุยตะลอนเที่ยวมุ่งไปตามใจปรารถนา

ขณะที่เทรนด์การท่องเที่ยวของผู้หญิงยุคใหม่ในบ้านเรานั้นแบ่งออกเป็น

1.เที่ยวด้วยตัวเอง -เป็นการเลือกไปเที่ยวด้วยตัวเอง ไม่ง้อทัวร์ มีทั้งที่เลือกไปแบบโรแมนติกกับคู่รัก ไปเป็นกลุ่มก๊วนกับเพื่อนๆ ที่รู้ใจ หรือไม่ก็เลือกแบ็กแพ็กลุยเดี่ยวเที่ยวไปตามใจที่ตัวเองต้องการ

2.สโลว์ไลฟ์ - เทรนด์ฮิตมาแรงกับการท่องเที่ยวแบบเนิบช้า เน้นอยู่กับธรรมชาติและวิถีชุมชนที่เรียบง่ายเพื่อดื่มด่ำไปกับมนต์เสน่ห์ของสถานที่นั้นๆ ละวางจากเทคโนโลยี หลีกหนีความวุ่นวายจากสังคมเมือง
นักท่องเที่ยว “กลุ่มผู้หญิง” ปัจจุบันมีเป็นจำนวนมากและกำลังมาแรง
3.รักธรรมชาติ -เทรนด์หัวใจสีเขียวที่ไม่เคยตกยุค กับการพาตัวเองไปสัมผัสดื่มด่ำดับความงดงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ท้องทะเลแสนงาม เขาสูงดอยสวย หรือทุ่งดอกไม้งามเวอร์วังอลังการ

4.ใฝ่เรียนรู้ - ความอยากรู้อยากเห็นเป็นแรงผลักดันให้ผู้หญิงจำนวนมาก พร้อมจะเรียนรู้ เปิดประสบการณ์แปลกใหม่จากการท่องเที่ยว ผ่านวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชนท้องถิ่น และลิ้มลองอาหารพื้นบ้าน

5.นักผจญภัย - สาวๆ หลายคนภายนอกแม้ดูบอบบาง แต่เวลาได้ออกท่องเที่ยวสู่โลกกว้าง พวกเธอคือขาลุยตัวฉกาจ ทั้งเดินป่า ปีนผา เข้าถ้ำ ดำน้ำ ล่องแก่ง โรยตัว โหนสลิง เรียกว่าอะไรที่ผู้ชายทำได้ พวกเธอก็ทำได้เช่นกัน
นักปั่นหรรษา เทรนด์มาแรงของผู้หญิงยุคนี้ที่มีทั้งการปั่นจักรยานเที่ยวแบบชิลๆและปั่นอย่างจริงจัง
6.นักปั่นหรรษา - อีกหนึ่งเทรนด์มาแรงแห่งยุค ผู้หญิงนักปั่นหรรษามีทั้งในแบบ ปั่นจักรยานตะกร้าเที่ยวชิลๆ หรือปั่นเที่ยวแบบจริงจังทริปละหลายๆ วัน รวมระยะทางนับร้อยนับพันกิโลเมตร

7.รักสุขภาพ - เป็นกลุ่มผู้หญิงที่ห่วงใยใส่ใจในสุขภาพ รักสวยรักงาม ซึ่งมักจะเลือกการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆ อาทิ สปา โยคะ นวด นั่งสมาธิ เพื่อผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ

8.กิน ดื่ม ชอป - สาวๆหลายคนแม้จะรักสุขภาพและกลัวอ้วนจนขึ้นสมอง แต่เวลาพวกเธอออกท่องเที่ยวกลับจัดเต็มในเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะการเสาะหาอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ ตามรีวิว กิน-ดื่มกันอย่างจุใจ (แล้วไปหาทางเบิร์นออกในภายหลัง) รวมไปถึงชอปกระจายเมื่อเจอของที่ใช่ สิ่งที่ชอบ
วิถีธรรม วิถีไทย – เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงธรรมะที่ยังคงไม่ตกยุค
9.วิถีธรรม วิถีไทย - เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงธรรมะที่ยังคงไม่ตกยุคแต่เปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัย กับการเข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม และชื่นชมความงามของงานพุทธศิลป์ไทยอันประณีตงดงาม

10.นอกกระแส - เป็นผู้หญิงอินดี้ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง พวกเธอนิยมเที่ยวนอกกระแส แสวงหาสถานที่แปลกๆ ใหม่ๆ ที่คนยังไปเที่ยวกันไม่มาก เลือกที่พักที่ไม่หรูหราแต่เน้นความมีสไตล์ ราคาสมเหตุสมผล

8 เส้นทางเหนือแรงบันดาลใจ

จากเทรนด์การท่องเที่ยวของผู้หญิงยุคใหม่ใน 10 แบบ 10 สไตล์ ทาง “ททท. ภูมิภาคภาคเหนือ” ได้วางแนวทางส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มผู้หญิงในพื้นที่ภาคเหนือไว้ใน 8 เส้นทาง ภายใต้แนวคิด “8 เส้นทางเหนือแรงบันดาลใจ” อันได้แก่
ทะเลหมอกแห่งดอยอ่างขาง
1.“เส้นทางแรงบันดาลใจจากเกษตรบนดอยสูง” พาไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ในพื้นที่โครงการหลวงและโครงการพระราชดำริใต้พระบารมี อาทิ

-“สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง” : อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ : โครงการหลวงแห่งแรกที่มีสภาพพื้นที่อันสวยงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ภายในสถานีฯนอกจากจะเป็นแหล่งปลูกพืชพันธุ์ไม้เมืองหนาวที่สำคัญแล้ว ยังมีจุดน่าสนใจต่างๆให้เที่ยวชมโดยมีไฮไลต์คือ “สวนแปดสิบ” ที่มีการปลูกไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

ส่วนภายนอกสถานีก็มีสิ่งน่าสนใจให้เที่ยวชม อาทิ จุดชมวิว ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชมทะเลหมอก และวิถีวัฒนธรรมอันทรงเสน่ห์ของหมู่บ้านแต่ละชนเผ่า เช่น บ้านขอบด้ง บ้านนอแล เป็นต้น
สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
-“สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์” : อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ : โครงการหลวงบนดอยอินทนนท์ขุนเขาที่สูงที่สุดของเมืองไทย ภายในสถานีฯมีจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ สวน 80 พรรษา สวนไม้ดอกไม้ประดับ โรงจัดแสดงพืชกินสัตว์และโรงเฟิร์น และแปลงไม้ดอกพืชผักเมืองหนาว

นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นผู้บุกเบิกการทำประมงบนที่สูง มีชื่อเสียงกับการเพาะเลี้ยง ปลาเรนโบว์เทราต์ ปลาสเตอร์เจี้ยน กุ้งก้ามแดง และปูขน ที่ทางสถานีฯมีการจัดทำเป็นเมนูหลากหลายให้ผู้ไปเยือนได้ลิ้มลอง เหมาะกับสาวๆนักชิมเป็นอย่างยิ่ง
ม่อนแจ่ม แห่งโครงการหลวงหนองหอย
-“ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย-ม่อนแจ่ม” : อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ : โครงการหลวงใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ ภายในโครงการฯมีแปลงผักและงานวิจัยผักเมืองหนาวให้ผู้สนใจได้เที่ยวชม ศึกษาดูงาน อาทิ โรงเรือนผักไฮโดรโพนิก โรงเรือนสมุนไพร แปลงผักตระกูลสลัด เป็นต้น

ในพื้นที่โครงการหลวงหนองหอยยังมี “ม่อนแจ่ม” (ต.แม่ริม) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง มีสภาพพื้นที่อันสวยงามโรแมนติก มีการจัดแต่งภูมิทัศน์ปลูกไม้ดอกไม้ประดับตามฤดูกาลอย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองเชียงใหม่ได้อย่างสวยงามชัดเจน
ปางอุ๋ง แห่งโครงการพระราชดำริปางตอง 2
-“ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองตามพระราชดำริ-ปางอุ๋ง” : อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน : เป็นโครงการพระราชดำริ ที่มักเรียกสั้นๆ ว่า “ศูนย์ปางตอง” มีไฮไลต์สำคัญคือ “พระตำหนักปางตอง” ที่เคยเป็นที่ประทับแรมของในหลวงและพระราชินี อีกทั้งภายในศูนย์ฯ ยังเป็นสถานที่ทดลองวิจัยด้านการทำการเกษตรเมืองหนาวต่างๆ โดยเฉพาะงานด้านการพัฒนา “แกะขน” ซึ่งเราจะได้เห็นฝูงแกะตัวสีขาวนวลเดินอวดโฉมด้วยขนปุยฟูดูน่ารักน่าประทับใจ

นอกจากนี้ก็ยังมี “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” หรือ “ปางอุ๋ง” อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน อันเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองสามหมอก ปางอุ๋งโดดเด่นไปด้วยทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำกว้างใหญ่แวดล้อมไปด้วยทิวสนเรียงรายอันงดงาม
ช้างวาดรูป ความสามารถอันน่าทึ่งของช้างไทยที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยในเส้นทางเรียนรู้วิถีเหนือ
2.“เส้นทางเรียนรู้วิถีเหนือ” พาไปสัมผัสกับวิถีชีวิตวัฒนธรรม และวิถีชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ อาทิ

-“สถาบันคชบาลแห่งชาติ” หรือ “ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย” : อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง : แหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้สัมผัสกับวิถีช้างไทยในมิติที่หลากหลาย มีไฮไลต์อยู่ที่ “ลานแสดงช้าง” อันน่าตื่นตาตื่นใจกับการแสดงความสามารถอันชวนทึ่งของช้างไทย รวมถึงมีที่พักแบบโฮมสเตย์และคอร์สฝึกควาญช้างสมัครเล่น ไว้ให้ผู้สนใจได้สัมผัสเรียนรู้กับวิถีแห่งควาญ วิถีแห่งช้างไทยอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

-“ชุมชนคนรักษ์สุขภาพไร่กองขิง” : อ.หางดง จ.เชียงใหม่ : ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบด้านสุขภาพที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงให้พึ่งตัวเองได้ ปลอดภัยจากสารพิษ อีกทั้งบ้านไร่กองขิงยังมีความโดดเด่นเรื่องของการ “ย่ำข่าง” การนวดทางเลือกด้วยการใช้เท้า(ของผู้นวด) ชุบน้ำยาที่ทำจากสมุนไพรไปย่ำลงบนข่างที่เผาไฟจนร้อนเป็นสีแดง แล้วนำมาย่ำบนร่างกายของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด นับเป็นภูมิปัญญาล้านนาที่ปัจจุบันเหลืออยู่น้อยเต็มที
ปั่นจักรยานชิลๆ ชมวิวทิวทัศน์ที่บ้านนาต้นจั่น
-“บ้านนาต้นจั่น” : อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย : ชุมชนน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก โดยผู้มาเที่ยวบ้านนาต้นจั่น สามารถเลือกทำกิจกรรมได้หลากหลาย เช่น “ปั่นจักรยาน” เที่ยวชมท้องไร่ท้องนา, ชมการทอผ้าและการทำ “ผ้าหมักโคลน” พร้อมเลือกซื้อเป็นสินค้าที่ระลึก ส่วนใครสัมผัสวิถีชาวบ้านอย่างใกล้ชิดก็ไม่ควรพลาดกิจกรรมพักค้างแบบ “โฮมสเตย์” กินอาหารพื้นบ้านอร่อยๆ พร้อมกับการต้อนรับของเจ้าบ้านที่อบอุ่นประหนึ่งญาติมิตร

3.“เส้นทางสายดอกไม้เมืองเหนือ” พาไปสัมผัสความน่าตื่นตาตื่นใจของเหล่ามวลหมู่ดอกไม้อันสวยงาม เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของพื้นที่ อาทิ
ดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานที่ขุนช่างเคี่ยน
-“ดอกนางพญาเสือโคร่ง” : ทุกๆ ปีในช่วงกลางฤดูหนาวราวเดือน ม.ค. - ก.พ.(ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศปีนั้น) ดอกนางพญาเสือโคร่งจะพากันเบ่งบานออกดอกสีชมพูสะพรั่งดูสวยงามยิ่งนักสำหรับจุดชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งที่เด่นๆในภาคเหนือ ได้แก่ จ.เชียงใหม่ : ดอยอ่างขาง ขุนช่างเคี่ยน ขุนแม่ยะ สถานีเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง), จ.เชียงราย : ดอยแม่สลอง ดอยช้าง-ดอยวาวี, บนเส้นทางสู่ผาตั้งภูชี้ฟ้า นอกจากนี้ก็ยังมีให้ชมที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จ.น่าน อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก และที่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์
สัมผัสทุ่งดอกบัวตองใหญ่ที่สุดในเมืองไทยที่ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน
-“ทุ่งดอกบัวตอง” : อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน : ทุกๆ ปีในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค ทุ่งบัวตองที่ “วนอุทยานดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ” จะพร้อมใจกันออกดอกเบ่งบานให้สีเหลืองสดใสกินพื้นที่มากกว่า 500 ไร่ ย้อมหุบเขาดอยแม่อูคอให้กลายเป็นสีเหลืองสดใส ให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจไปกับทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
ดอกทิวลิปงาม ไฮไลต์งานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม
-“ดอกทิวลิป : เทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม” : อ.เมือง จ.เชียงราย : งานเทศกาลดอกไม้ขึ้นชื่อที่จัดอย่างต่อเนื่องมา 10 กว่าปีแล้ว ภายในงานมีดอกไม้นานาพันธุ์สีสันสดใสสวยงามให้เที่ยวชมกันอย่างเพลิดเพลินใจ ทั้ง ลิลลี่ บิโกเนีย พิทูเนีย บลูฮาวาย และ “ดอกทิวลิป” สีแดง ส้ม เหลือง ชมพู ที่พากันออกดอกชูช่ออวดโฉมสวยงามเป็นไฮไลต์สำคัญของงาน
สวนแม่ฟ้าหลวง ดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
-“สวนแม่ฟ้าหลวง” : ดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย : สวนดอกไม้งาม 365 วัน ที่มีการปลูกแต่งให้ผลิดอกออกใบสวยงามหมุนเวียนไม่ซ้ำกันทั้งสามฤดู กลางสวนมีประติมากรรม “ความต่อเนื่อง” สื่อความหมายถึงการทำงานใดๆ จะสำเร็จได้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในพื้นที่ใกล้เคียงยังมีสิ่งน่าสนใจชวนเที่ยวชม ได้แก่ พระตำหนักดอยตุง พระธาตุดอยตุง และ “สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง” ที่เด่นไปด้วยการรวบรวมพันธุ์กุหลาบพันปีจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกมาไว้ที่นี่
ผ้าซิ่นตีนจกอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์แห่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
4. “เส้นทางแพรพรรณของฉัน” พาไปสัมผัสกับความสวยงามของผ้าพื้นเมืองเลื่องชื่อในพื้นที่ต่างๆ อาทิ

-“เส้นทางเชียงใหม่-ลำพูน” : ไปสัมผัสความงามของ “ผ้าทอซิ่นตีนจก” อันสวยงามเป็นเอกลักษณ์แห่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่, “ผ้าไหมยกดอก” จ.ลำพูน ที่นำลวดลายธรรมชาติมาออกแบบเป็นลวดลายอันวิจิตรอ่อนช้อยวิจิตร และ “ผ้าฝ้ายทอมือ” บ้านดอนหลวง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน แหล่งทอผ้าฝ้ายที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ที่วันนี้มีทั้งแบบดั้งเดิมและแบบร่วมสมัยที่สาวๆ หลายคนเห็นต้องชอปกระจายแบบไม่ห่วงเงินในกระเป๋า
“ผ้ามุก” ของ กลุ่มสตรีสหกรณ์ทอผ้ามุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กับลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์
-“เส้นทางพิจิตร-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์” : ชม “ผ้าทอมือ” บ้านป่าแดง อันขึ้นชื่อ แห่ง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ที่เป็นผ้าทอจากฝ้ายผสมไหม สีสันสวยงาม, “ผ้าม่วงหอม” ของบ้านม่วงหอม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่มีเอกลักษณ์คือลายดอกปีบที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิษณุโลก และ “ผ้ามุก” ของกลุ่มสตรีสหกรณ์ทอผ้ามุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กับลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ คือจะเป็นดอกยกขึ้นเป็นลูกๆ มีสีสันสดใสแวววาว
นักท่องเที่ยวทดลองทำ “ผ้าม่อห้อม”อันเป็นเอกลักษณ์ที่บ้านทุ่งโฮ่ง อ.เมือง จ.แพร่
-“เส้นทางน่าน-แพร่” : ไปสัมผัสความงาม “ผ้าทอลายน้ำไหล” ของชาวไทลื้อ ที่บ้านหนองบัว อ.ท่าวังผา จ.น่าน ซึ่งนำจังหวะลีลาการไหลของสายน้ำน่านมาทอเป็นลวดลายอันสวยงาม, เรียนรู้กระบวนการ-พร้อมทดลองทำ “ผ้าม่อห้อม” อันเป็นเอกลักษณ์ที่บ้านทุ่งโฮ่ง อ.เมือง จ.แพร่ และไปชมความสวยงามคลาสสิกของผ้าทอโบราณและ “ผ้าซิ่นตีนจกของกลุ่มไทโยนก” ที่พิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณ อ.ลอง จ.แพร่

-“เส้นทางอุทัยธานี” : พาไปสัมผัสกับ “ผ้าทอลายโบราณบ้านโคกหม้อ” อ.ทัพทัน กับผ้าทอลายโบราณเป็นผ้ามัดหมี่ต่อตีนจกฝีมือทออันประณีตของชาวลาวครั่ง, “ผ้าทอลายโบราณบ้านผาทั่ง” อ.บ้านไร่ กับการทอผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ และ “ผ้าพื้นเมืองบ้านนาตาโพ” อ.บ้านไร่ อีกหนึ่งแหล่งทอผ้าฝีมือประณีตของชาวลาวครั่งกับผ้าทอลายโบราณสวยงาม มีดีกรีได้รับรางวัลมากมาย
ผ้าทอภูมิปัญญาพื้นบ้าน ที่บ้านนาต้นจั่น
-“เส้นทางสุโขทัย” : ไปเรียนรู้การทำ “ผ้าหมักโคลน” ที่บ้านนาต้นจั่น อ.ศรีสัชนาลัย ซึ่งเกิดจากการสังเกตว่าผ้าถุงที่เปียกโคลนเวลาดำนาใส่สบายกว่าปกติ จึงเกิดคิดค้นกรรมวิธีการหมักผ้าด้วยโคลนที่มีความนุ่ม ใส่สบาย สวยงาม และไปชม “ผ้าซิ่นตีนจก ไทยพวน” ที่ สาธรพิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ บ้านหาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย ชมผ้าซิ่นตีนจกของชาวไทยพวนอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกับอย่าพลาดชม “ผ้าซิ่นทองคำ” (ซิ่นไหมคำ) อันวิจิตรงดงามอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ที่ถือเป็นไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์ผ้าแห่งนี้
ก๋วยเตี๋ยวลำไย เมนูต้องห้ามพลาดแห่งเมืองลำพูน
5.“เส้นทางอร่อยล้ำ นำแรงบันดาลใจ” พาไปสัมผัสลิ้มรสของกินอร่อยๆ ที่ขึ้นชื่อในพื้นที่ต่างๆ อาทิ

-“ลำพูน” : ดินแดนแห่งลำไยเลื่องชื่อ ที่มีทั้งลำไยสด ลำไยอบแห้ง ลำไยแปรรูปมากมายแล้ว ยังมี “ก๋วยเตี๋ยวลำไย” เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่แตกต่างแห่งเมืองหละปูน
ข้าวเปิ๊บ เมนูห้ามพลาด แห่งบ้านนาต้นจั่น
-“สุโขทัย” : ใครมาเมืองนี้ไม่ควรพลาด “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย” ที่มีให้เลือกกินกันในหลายร้าน หรือหากเป็นแหล่งรวมอาหารการกินก็ที่ “ตลาดริมยม” อ.กงไกรลาศ แหล่งรวมอาหารพื้นบ้านรสเด็ดหลากหลาย หรือจะเป็น “ตลาดปสาน” “ตลาดแลกเบี้ย” ที่เป็นการจำลองตลาดโบราณย้อนยุคมาจำหน่ายสินค้าอาหารในช่วงเทศกาลสำคัญๆ

ส่วนใครถ้าได้ไปเยือนบ้านนาต้นจั่น ห้ามพลาดเมนู “ข้าวเปิ๊บ” หรือ “ก๋วยเตี๋ยวพะร่วง” ที่มีเส้นคล้ายข้าวเกรียบปากหม้อใส่เครื่องปรุงต่างๆ รวมถึงมีเมนูพื้นบ้านเด่นๆ อื่น ได้แก่ “ก๋วยเตี๋ยวแบ” “แกงแค” และ “น้ำพริกซอกไข่” ที่รสชาติเด็ดไม่เบา
ใครไปแอ่วน่านอย่าพลาด เมนู “ไก่ทอดมะแขว่น” อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
-“น่าน” : ใครไปแอ่วน่านอย่าพลาด เมนู “ไก่ทอดมะแขว่น” ที่เป็นไก่ทอดใส่มะแขว่น เครื่องเทศรสเผ็ดซ่ากับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้น่านยังมี “ข้าวซอย” รสเด็ดให้เลือกกินกันอีกหลายร้าย ขณะที่ของฝากขึ้นชื่อก็มี “ส้มสีทอง” “ข้าวหลาม”(ข้าวหลามแจ้ง), และ “พุทราจีน”

-“เพชรบูรณ์” : เมืองที่ไม่เพียงขึ้นชื่อในเรื่องของ “มะขามหวาน” เท่านั้น แต่เพชรบูรณ์ยังมีของอร่อยๆอีกมากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ไก่ยางวิเชียรบุรี” ที่โด่งดังไปทั่วฟ้าเมืองไทย,“ปลาส้มไร่กำนัลจุล” หนึ่งในของฝากขึ้นชื่อของจังหวัด, “ไร่กาแฟจ่านรินทร์” แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีกาแฟสดจากไร่ของเขาให้ลิ้มลอง

ขณะที่ อ.หล่มสัก นั้นมีของกินขึ้นชื่ออย่าง “ขนมจีนเส้นสด หล่มสัก” กับเส้นขนมจีนที่ทำขึ้นแบบสดๆใหม่ๆมีเส้นเล็กเหนียวนุ่ม ส่วนในวันเสาร์บนถนนรณกิจ มีการจัด “ถนนคนเดินไทหล่ม” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารการกินหลากหลาย พร้อมกับมีอาหารพื้นเมืองหายาก อย่างเช่น ขนมจีนไทหล่ม ข้าวหลามพญาลืมแกง ปิ้งไก่ข้าวเบือ ฯลฯ ให้เลือกลองลิ้มชิมรสกัน
หมี่พัน เมืองลับแล
-“อุตรดิตถ์” : ที่เมืองลับแล(อ.ลับแล) ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารการกินอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น “ข้าวแคบ” ของกินเล่นเป็นแผ่นแป้งบางใส,“หมี่พัน” ที่เป็นการนำเส้นหมี่ปรุงรสห่อพันด้วยแผ่นข้าวแคบอีกที, “ข้าวพันผัก” คล้ายข้าวเกรียบปากหม้อแต่จะใส่ผักต่างๆลงไปและมีแบบที่ใส่ไข่ด้วย และทุเรียน “หลง-หลินลับแล” อันเลื่องชื่อที่มีให้กินตามฤดูกาล

-“ลำปาง” : เมืองรถม้ามี “กาดกองต้า”(ซอยตลาดจีนริมน้ำ) ที่เปิดขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งชอปปิ้ง และแหล่งอาหารการกิน มีทั้ง อาหาร ขนม เครื่องดื่ม กาแฟ ให้เลือกกินกันเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ลำปางยังมีอาหารพื้นเมืองเด่นๆ กับของกินพื้นเมืองอร่อยๆ ให้เลือกอินกันเป็นจำนวนมาก ทั้ง ไส้อั่ว แกงแค น้ำปู๋ ปลาจ่อม ข้าวซอย ข้าวแต๋น รวมถึงร้านอาหารอร่อยๆ ที่เมื่อไปเยือนแล้วไม่ควรพลาด อย่าง ก๋วยเตี๋ยวปู่โย่ง(เนื้อ) ก๋วยเตี๋ยวหมูป้าเนียน ก๋วยเตี๋ยวหงวนชุน ขนมจีนป้าบุญศรี ขนมไทยแม่ประนอม และร้านป้อก๋วยจั๊บ ให้เลือกอิ่มอร่อยกันอย่างจุใจ
ถนนคนเดิน ริมหนองจองคำ แม่ฮ่องสอน มีอาหารพื้นบ้านหลากหลายให้เลือกลิ้มรส
-“แม่ฮ่องสอน” : เมืองสามหมอก ที่มีอาหารไทยใหญ่อันหลากหลายให้ลิ้มรส ไม่ว่าจะเป็น “ไก่อุ๊บ”, “เนื้อลุง”, “ข่างปอง”, “ข้าวส้ม”, “อาละหว่า” ซึ่งหากใครอยากกินอาหารไทยใหญ่ในบรรยากาศคนพื้นที่ก็ต้องไปเดินเลือกหาซื้อกินกันตอนเช้าที่ “ตลาดสายหยุด” แต่ถ้าอยากกินในบรรยากาศนักท่องเที่ยว วิวสวยงาม ก็ต้องไปกินในช่วงเย็น ช่วงค่ำที่ “ถนนคนเดิน” รอบหนองจองคำ

ส่วนที่ “บ้านรักไทย” ที่อยู่เลยปางอุ๋งไปไม่ไกล ซึ่งเป็นหมู่บ้านชุมชนชาวจีนยูนนานนั้นก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งกินขึ้นชื่อของ จ.แม่ฮ่องสอน ที่นี่มีอาหารจีนยูนนานชวนกินหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ขาหมู-หมั่นโถ หมูพันปี ไก่ตุ๋นยาจีน ยำใบชาสด ฯลฯ เมื่อกินอิ่มหนำสำราญแล้ว ควรตบท้ายด้วยชาร้อนๆ ให้ชุ่มคอชื่นใจ
“วัดบ้านปาง” จ.ลำพูน วัดบ้านเกิดของครูบาศรีวิชัย
6.“เส้นทางอิ่มบุญ อุ่นใจ” พาไปสัมผัสกับเส้นทางทัวร์ธรรมะ เข้าวัดไหว้พระ ตามรอยเกจิดัง รวมไปถึงงานเทศกาลประเพณีสำคัญทางศาสนาที่เป็นเอกลักษณ์ อาทิ

-“เส้นทางสายครูบาศรีวิชัย ลำพูน-เชียงใหม่” : ไปตามรอยครูบาศรีวิชัย “นักบุญแห่งล้านนา” พระเถระนักพัฒนาคนสำคัญแห่งล้านนา ผ่านสถานที่สำคัญเกี่ยวกับท่าน โดยใน จ.ลำพูน ได้แก่ “วัดบ้านปาง”(อ.ลี้) วัดบ้านเกิดของท่าน,“วัดจามเทวี”(อ.เมือง)สถานที่ฌาปนกิจสรีระของท่าน หรือวัดที่ท่านบูรณะจนเจริญรุ่งเรือง อย่าง “วัดพระพุทธบาทตากผ้า”(อ.ป่าซาง), “วัดพระธาตุหริภุญชัย”(อ.เมือง) เป็นต้น ส่วนใน จ.เชียงใหม่ ได้แก่ “วัดพระสิงห์”,“วัดสวนดอก” และ “วัดพระธาตุดอยสุเทพ” และ “อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย” ที่เชิงดอยพระธาตุดอยสุเทพ
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
-“วิปัสสนา วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี” : ไปปฏิบัติธรรมที่ “วัดท่าซุง” หรือ “วัดจันทาราม” (อ.เมือง) วัดชื่อดังแห่งอุทัยธานี ที่นอกจากจะมี “วิหารแก้ว” อันระยิบระยับงดงามวิจิตร ซึ่งเป็นที่เก็บสังขารของ “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” (พระราชพรหมยาน) ที่ไม่เน่าเปื่อยแล้ว ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม วิปัสสนาชั้นดี โดยภายในวัดมีที่พักเตรียมไว้ให้สำหรับพุทธศาสนิกชนในหลายจุดด้วยกัน

-“ปฏิบัติธรรม ไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย” : พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ “ท่าน ว.วชิรเมธี” สร้างไร่เชิญตะวันขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านธรรมะ โดยมีท่านได้คิดค้นแนวทางการนั่งสมาธิ วิปัสสนา และปฏิบัติธรรมจากประสบการณ์ตรง ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น มีงานศิลป์ที่แฝงปริศนาธรรมอยู่ทั่วบริเวณ
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
-“ปฏิบัติธรรม วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์” : หนึ่งในประจักษ์แห่งความศรัทธาแห่ง อ.เขาค้อ ที่นอกจากจะมีความงดงามวิจิตรแล้ว ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมขึ้นชื่อ กับหลักสูตรปฏิบัติธรรม 3 ระดับ จากระดับเริ่มต้นเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ระดับปานกลางที่ผู้ปฏิบัติต้องเคยเข้าผ่านหลักสูตรอื่นๆ ของวัดมา และระดับเข้มข้นที่นำไปสู่การหลุดพ้นอย่างแท้จริง
ประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำ จ.พะเยา
-“ประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำ จ.พะเยา” : ชวนไปสัมผัสกับการนั่งเรือไปเวียนเทียนกลางน้ำ “หนึ่งเดียวในไทย” รอบ “องค์หลวงพ่อศิลา” และ “วัดติโลกอาราม” แห่งกว๊านพะเยา ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ วันพระใหญ่ คือ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา

-“ประเพณีตักบาตรเทียน จ.น่าน” ทุกๆ ปี ในวันแรม 2 ค่ำ เดือน 8 หรือเดือน 10 เหนือ (หลังวันเข้าพรรษา 1 วัน) ที่ “วัดบุญยืน” อ.เวียงสา จ.น่าน จะมีการจัดงานประเพณีตักบาตรเทียน ซึ่งจะมีชาวบ้านมารวมตัวกันนำเทียนมาใส่บาตร ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมงานบุญอย่างเรียบง่ายแต่ว่าชวนประทับใจยิ่งนัก
ประเพณีตักบาตรเทียน จ.น่าน
7.“เส้นทาง Safe and Fun For all Ages” พาไปสัมผัสกับความสนุกตื่นเต้นท้าทายกับกิจกรรมผจญภัยอันหลากหลายแต่ว่าปลอดภัย อาทิ

-“ล่องแก่งลำน้ำว้าตอนกลาง” จ.น่าน : เส้นทางผจญแก่งสุดมัน มีความง่าย-ยากของกระแสน้ำหลากหลายและครบเครื่อง ไล่ไปตั้งแต่ระดับ 1-5 ในระยะทางประมาณ 80 กม. ใช้เวลาล่องแก่ง 2 วัน 1 คืน นอกจากนี้ก็ยังมีเส้นทางล่อง “ลำน้ำว้าตอนปลาย” (ตอนล่าง) ที่มีความแรงน้ำระดับ 1-3 สามารถล่องแก่งได้แบบสบายๆ
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก
-“ล่องแก่งลำน้ำเข็ก” อ.วังทอง จ.พิษณุโลก : ล่องเรือยางระยะทาง 8 กม. ผจญฝ่าแก่งต่างๆ 15 แก่ง กับความแรงของกระแสน้ำครบสูตรในการล่องแก่ง ตั้งแต่ระดับ 1-5 จากน้ำนิ่งไปจนถึงน้ำไหลเชี่ยวกรากของลำน้ำเข็ก สถานที่ล่องแก่งที่ขึ้นชื่อ ติดอันดับ 1 ใน 5 ของเมืองไทย

-“ล่องแพลำน้ำวาง” อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ : เป็นซอฟต์ แอดเวนเจอร์ มีให้เลือกทั้งแพยาง และแพไม้ไผ่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง กับการล่องไปในสายน้ำไหลเอื่อย มีระดับน้ำตื้น สามารถนั่งชิลกินอาหารบนแพ ชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างเพลิดเพลิน
เหินฟ้าบนเรือนยอดไม้ที่บ้านแม่กำปอง เชียงใหม่
-“ผจญภัยที่แม่กำปอง” อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ : เหินฟ้าบนเรือนยอดไม้ไปกับ “Flight of the Gibbon”หรือ “เที่ยวบินชะนี” ด้วยกิจกรรมชวนสนุกตื่นเต้นตามฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโหนสลิงซิปไลน์, เดินข้ามสะพานแขวนเหนือยอดไม้, โรยตัว ปีนตาข่ายเชือก เป็นต้น

8.“เส้นทาง Your mind and Soul” พาไปสัมผัสกับกิจกรรมเพื่อสุขภาพ ความงาม และผ่อนคลาย อาทิ

-“เต๋าการ์เด้น เฮลธ์ สปา แอนด์ รีสอร์ท” : อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ : รีสอร์ทสุขภาพที่ตั้งอยู่กลางแมกไม้และขุนเขา มีความโดดเด่นในเรื่องการให้บริการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติบำบัด ในรูปแบบของ Holistic Medical Spa พร้อมกับบริการอาหารเพื่อสุขภาพปลอดสารพิษ

-“โอเอซิสสปา” อ.เมือง จ.เชียงใหม่ : สปากลางเมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นเขียวขจีของแมกไม้ น้ำตก และธารน้ำ กับการตกแต่งในสไตล์ไทยล้านนาอันประณีตสวยงาม โดยมีบริการสปาอันหลากหลาย โดยเฉพาะการนวดที่เป็นเอกลักษณ์(Signature) ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบด้วยกัน

-“สปาเกลือ” โรงแรมอวตาร สปา เมาท์เทน สวีท : อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี : โรงแรมที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแวดล้อมของธรรมชาติ มี “สปาเกลือ” ที่นำเกลือสินเธาว์บริสุทธิ์จาก อ.พิมาย จ.นครราชสีมา มาใช้ในการทำสปาบำบัด ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของการทำสปาที่นี่
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จ.ลำปาง
-“น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน” อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง : แหล่งน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ภายในอุทยานฯมีการสร้างห้องอาบน้ำและอ่างอาบน้ำ ให้ได้ไปแช่ผ่อนคลาย บำบัดความตึงเครียดของร่างกาย พร้อมกับเส้นทางเดินชมความงามของบ่อน้ำพุร้อนที่น่าตื่นตาตื่นใจไปกับควันจากไอร้อนที่พวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา

-“น้ำพุร้อนสันกำแพง” อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ : นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีน้ำพุร้อนพุ่งผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินดูน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ที่นี่ยังมีบ่อน้ำแร่ร้อนที่สร้างขึ้นสำหรับให้ผู้มาเยือนได้นั่งแช่เท้า บำบัดผ่อนคลาย ช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ซึ่งสามารถมาเที่ยวพักผ่อนแช่เท้าผ่อนคลายได้ตลอดทั้งปี

-“ภูโคลน” : ภูโคลน คันทรี คลับ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน : จากแหล่งโคลนธรรมชาติที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุเป็นประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งมีไม่กี่แห่งในโลก ได้ถูกนำมาพัฒนาใช้ในเชิงสุขภาพบำบัด ไม่ว่าจะเป็นพอกหน้า พอกตัว เพื่อให้ผิวพรรณดี รักษาสิวฝ้า เลือดลมไหลเวียนสะดวก รวมถึงมีขายในแพกเกจสวยงามให้เลือกซื้อกลับไปใช้เอง ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับผู้หญิงที่รักในสุขภาพ ความงาม ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

*********
ผู้หญิงนิยมเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้นในปัจจุบัน
และนั่นก็คือมนต์เสน่ห์ของ “8 เส้นทางเหนือแรงบันดาลใจ” กับ 8 เส้นทางท่องเที่ยวอันหลากหลายในพื้นที่ภาคเหนือ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่ หัวใจนักเดินทาง ซึ่งรักการเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ

เพราะการเดินทางท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นการพักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังเป็นการเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ เปิดหน้าต่างของหัวใจให้เราได้สัมผัสเรียนรู้กับสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามา

รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้เรานำประสบการณ์ดีๆ ที่ได้ในการเดินทางท่องเที่ยว มาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ หรือนำมาเติมพลังชาร์จแบตให้ชีวิตในการเผชิญกับอุปสรรคขวากหนามต่างๆ ต่อไป
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิง ถือว่ามาแรงและมีเป็นจำนวนมาก
*****************************************
*****************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น