จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและป่าไม้ โดย “ตะลอนเที่ยว” มาเยือนจังหวัดเชียงรายคราวนี้ นิตยสาร BAREFOOT ร่วมกับการท่องท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ Local alike จัดทริปพิเศษ "พาแม่ ไปหาแม่ ที่แม่สลองและแม่ฟ้าหลวง" พร้อมกับแม่ลูก 4 คู่ บินลัดฟ้ากับสายการบินแอร์เอเชียสู่จังหวัดเชียงราย สัมผัสวิถีท่องเที่ยวชุมชนชาวอาข่าที่ดอยแม่สลอง และเยือนดินแดนแห่งแม่ฟ้าหลวงที่ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เคยประทับอยู่ที่นี่
โดยที่ๆ แรก ที่พาแม่มาเยือน คือ “สามเหลี่ยมทองคำ” พื้นที่รอยต่อชายแดนระหว่างสามประเทศ ประกอบไปด้วยประเทศไทย ลาว และพม่า เป็นพื้นที่โดยมีแม่น้ำโขงไหลยาวตัดผ่านระหว่างชายแดนไทยและลาว และแม่น้ำรวก ที่กั้นดินแดนระหว่างไทยและพม่ามาบรรจบกัน ซึ่งในอดีตดินแดนแห่งนี้เคยเป็นดินแดนแห่งการปลูกไร่ฝิ่น แต่ปัจจุบันได้เลือนหายไปกลายเป็นดินแดนสามเหลี่ยมทองคำที่มีทิวทัศน์ที่งดงาม อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงราย นอกจากชมทิวทัศน์งดงามแล้ว ยังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “พระพุทธนวล้านตื้อ ลือโลก” หรือ “พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน” ซึ่งทำด้วยทองสัมฤทธิ์ขนาดหน้าตักกว้าง 10 เมตร ความสูงถึง 15 เมตร ประดิษฐานกลางแจ้งบนเรือนแก้วกุศลธรรม ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนตามตำนานเล่าขานพระองค์เดิมที่จมอยู่ในลำแม่น้ำโขง และยังคงรอคอยว่าวันหนึ่งพระเจ้าล้านตื้อองค์นี้จะกลับมาสู่เมืองอีกครั้ง
หลังจากนั้น เราก็มุ่งหน้าสู่แม่สลอง สัมผัสวิถีชุมชนที่หมู่บ้านหล่อโย ชนเผ่าอาข่า ที่ดอยแม่สลอง โดยมี พี่โยฮัน ไกด์ท้องถิ่นและเจ้าของบ้านพัก “บ้านดินอาข่าดอยแม่สลอง” ที่มาเล่าเรื่องราวและวิถีการใช้ชีวิตชุมชนของชาวอาข่า โดยชาวอาข่านั้นเป็นชาวเขาที่มีการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ส่วนใหญ่จะมีอาชีพเกษตรกรรมปลูกพืชผักผลไม้ต่างๆ ตามบนภูเขา และหาของกินในป่า ซึ่งพี่โยฮันได้นำพาพวกเราและคุณแม่เดินชมเส้นทางป่า พืชพรรณผลไม้ และทุ่งนาข้าวบนดอยที่ชาวบ้านหมู่บ้านหล่อโยได้ปลูกเพื่อนำมาหุงกินในชีวิตประจำวัน
จากนั้นพี่โยฮัน ก็ได้มีกิจกรรมให้คุณแม่และคุณลูกสานสัมพันธ์ โดยนำพืชผักต่างๆ ที่ได้เก็บมาในหมู่บ้าน นำมาปรุงอาหารแบบชาวอาข่า โดยให้คุณแม่และคุณลูกช่วยกันทำอาหารแบบชนเผ่าอาข้าแท้ๆ เป็นอาหารเรียบง่ายเน้นพืชผัก สด หอม กินท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ จากนั้นพี่โยฮันได้นำการแสดงจากคนเถ้าคนแก่ในหมู่บ้านหล่อโยพร้อมชุดเครื่องแต่งกายชาวอาข่า ร้องรำทำเพลงภาษาอาข่าแบบง่ายๆ ให้ได้ชมกัน บรรยากาศจึงสนุกสนานยิ่งขึ้น ก่อนที่จะพาคุณแม่นอนหลับฝันดีในบ้านดิน ที่สร้างจากดินรอบๆ บริเวณหมู่บ้านหล่อโย ฝีมือของพี่โยฮัน ในคืนนี้ท่ามกลางหมู่ดาว
เมื่อถึงยามเช้าก่อนจะจากลาหมู่บ้านหล่อโย ได้มีกิจกรรมเล็กๆ น้อย จากคนเถ้าคนแก่หมู่บ้านหล่อโยที่ได้ทำการแสดงเมื่อคืน นำสร้อยข้อมือเล็กๆ ผูกข้อมือให้กับคู่แม่ลูก เป็นการขอบคุณที่ได้มาเยี่ยมเยือนชาวอาข่า นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมสานสัมพันธ์ให้คุณแม่และคุณลูกร่วมกันสานตะกร้า ที่เป็นภาชนะของชาวอาข่าจากธรรมชาติ โดยนำจากไผ่แถวๆ นั้นมาสาน ซึ่งมีคุณพ่อของพี่โยฮันได้ลงมือสอนเอง และยังได้ร่วมกับเด็กๆ ในหมู่บ้านวาดภาพระบายสี วันแม่ เพื่อนำให้แม่ของเด็กๆ และยังได้มอบเครื่องเขียน สมุด ดินสอ เพื่อเป็นประโยชน์และพัฒนาการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ในหมู่บ้านหล่อโยต่อไป
จากนั้นเราจึงมุ่งหน้าสู่ดินแดนแม่ฟ้าหลวง ดอยตุง เยือน "พระตำหนักดอยตุง" ของสมเด็จย่า สร้างอยู่บนเนินเขา ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์จากตรงนี้ได้กว้างไกล ลักษณะเด่นของพระตำหนักดอยตุงจะเป็นศิลปะแบบล้านนา บ้านปีกไม้ ผสมกับลักษณะบ้านพื้นเมืองของชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่เรียกว่า ชาเลต์ (Swiss Chalet) สร้างด้วยไม้ทั้งหลังและมีไม้แกะสลักอ่อนช้อย ภายในเน้นความเรียบง่ายและประโยชน์ใช้สอยอย่างครบครัน ภายนอกรอบๆ พระตำหนักนั้น ตกแต่งเป็นสวนสวยงามมีดอกไม้มากมายหลายสายพันธุ์ ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น หลังจากชมพระตำหนักดอยตุงแล้ว เดินชมกันต่อที่ “หอแห่งแรงบันดาลใจ” เป็นหอแห่งเรื่องราวของราชสกุลมหิดล ความอบอุ่นภายในครอบครัว กับพระราชกรณียกิจหน้าที่ที่ใหญ่ยิ่งต่อแผ่นดิน เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี และสร้างประโยชน์สุข รอยยิ้ม ให้แก่ประชาชนชาวไทย จากนั้นเดินเล่นๆ สบายๆ กันที่สวนแม่ฟ้าหลวง ใกล้ๆ กับพระตำหนักดอยตุง เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวสวยงามทุกฤดู แปลงดอกไม้ที่นี่มีมากมายหลากหลายพันธุ์ จะถูกจัดแต่งหมุนเวียนกันไป ประกอบกับประติมากรรมเด็กยืนต่อตัวโดดเด่นอยู่กลางสวน ซึ่งได้รับพระราชทานชื่อว่า “ความต่อเนื่อง” อันตรงกับพระราชดำริของสมเด็จย่าที่ว่า ทำงานอะไรก็ตามจะสำเร็จได้ต้องมีความต่อเนื่อง
จากนั้นพาคุณแม่ไปไหว้พระแก้ว “วัดพระแก้ว” หนึ่งในวัดเก่าแก่ของเชียงราย เดิมเรียกว่า “วัดป่าญะ” หรือ “วัดป่าเยียะ” เนื่องจากมีไม้เยียะ (ไม้ไผ่ชนิดหนึ่งคล้ายไผ่สีสุก) ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดพระแก้วหลังจากมีการค้นพบองค์พระแก้วมรกตในสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายใน ต่อมารักกะเทาะออก พบว่าเป็น “พระแก้วมรกต” จึงเรียกวัดนี้ใหม่ว่า “วัดพระแก้ว” จนถึงปัจจุบัน ภายหลังพระแก้วมรกตถูกอัญเชิญไปยังสถานที่ต่างๆ ก่อนมาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2533 เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ชาวเชียงรายจึงได้ร่วมกันสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหม่ชื่อ “พระพุทธรัตนากรนวุติวัสสานุสรณ์” หรือ “พระหยกเชียงราย” ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ โดยประดิษฐานไว้ในหอพระหยกในวัดพระแก้วแห่งนี้
ก่อนจะจบทริปพิเศษเที่ยวเชียงรายครั้งนี้ ต้องไม่พลาดการมาเยือน “วัดร่องขุน” ซึ่งออกแบบโดยศิลปินแห่งชาติ “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” วัดร่องขุ่นสร้างด้วยคติจักรวาลมีสระน้ำรอบล้อมโบสถ์ เปรียบดังมหานทีสีทันดร มีสะพานทอดข้ามผ่านเปรียบดังการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ตัวพระอุโบสถที่เป็นจุดเด่นสำคัญเป็นดังดินแดนแห่งการหลุดพ้น โดดเด่นด้วยงานปูนปั้นสีขาว จนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติในนาม "White Temple”
และนั่นก็เป็นการมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายครั้งนี้ แม้จะได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานนัก ก็สามารถสัมผัสถึงเสน่ห์ของจังหวัดที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา และอบอวลไปด้วยบรรยากาศความประทับใจและความรักระหว่างแม่กับลูก แม้บางครั้งชีวิตการทำงานอาจจะทำให้เพิ่มระยะห่าง แต่ความรักและความผูกพันยังคงอยู่เสมอ คงจะดีไม่น้อยถ้าวันแม่ปีนี้จะได้พาแม่ไปเที่ยวสักครั้ง ......
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมการเที่ยวบ้านดินอาข่าดอยแม่สลอง ได้ที่เบอร์ 09-3258-9994 line: akhatourและสถานที่ท่องเที่ยวใน จ.เชียงราย ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย 0-5371-7433