xs
xsm
sm
md
lg

“เขื่อนรัชชประภา”กุ้ยหลินเมืองไทย...น้ำใส เขาสวย รุ่มรวยสายหมอกสุดบรรเจิด/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
เขื่อนรัชชประภายามเช้าที่มีสายหมอกลอยปกคลุมเผยให้เห็นยอดขุนเขาในบางช่วง
“เรือลำหนึ่งลอย ล่องลอยตระกระแส ตามความผันแปรลำน้ำใหญ่...”

ตอนนี้ผมกำลังนั่งเรือลอยลำหนึ่งอยู่ท่ามกลางสายน้ำกว้างใหญ่ แต่ไม่ได้ลอยลำไปตามกระแสเหมือนดังบทเพลง“เรือ”ของ“พี่เอก-ธนศร วรากุลนุเคราะห์” หากแต่กำลังลอยแล่นสุดจุดหมายอันน่าสนใจยิ่ง เช่นดังบทเพลง “เรือ”ของ“พี่บ็อบ-ฤทธิพร อินสว่าง” ดังท่อนที่ร้องว่า

“เรือน้อยล่องไป ในเวิ้งความฝัน...”

ครับผมกำลังนั่งเรือเดินทางไปสู่เวิ้งความฝันอันงดงามของ“เขื่อนรัชชประภา”ที่น่าตื่นตาตื่นใจกระไรปานนั้น
สายหมอกลอยปกคลุมบางๆเหนือขุนเขาแห่งเขื่อนรัชชประภา
1...

“เขื่อนรัชชประภา” เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 94 ม. มีความยาวสันเขื่อน 761 ม. และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตร.กม. สร้างขึ้นเพื่อนปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก

เขื่อนรัชชประภา เดิมชื่อ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” อันมีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
ทิวทัศน์บริเวณสันเขื่อน
เขื่อนรัชชประภา ถือเป็นเขื่อนสารพัดประโยชน์ของคนในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งเป็น แหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า เป็นแหล่งกักเก็บน้ำการชลประทานเพื่อการเพาะปลูก และทำการประมงน้ำจืด อีกทั้งยังช่วยลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่าง และก็ช่วยแก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม อีกทั้งอ่างเก็บน้ำของเขื่อน
สายหมอกลอยปกคลุม ท่ามกลางแสงบางๆที่สาดส่องลงมา
นอกจากนี้ด้วยบรรยากาศวิวทิวทัศน์ในพื้นที่บริเวณเขื่อนอันงดงาม ทำให้เขื่อนรัชชประภากลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองสุราษฎร์ ซึ่งทาง“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)” ได้ร่วมผลักดันเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวแบบเช้า-เย็นกลับ หรือเที่ยวแบบพักค้างแรมก็ได้ ซึ่งในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาจะมีแพที่พักไว้ให้บริการ
เขื่อนรัชชประภามีที่พักในรูปแบบเรือนแพให้เลือกหลากหลาย ทั้งของอุทยานฯและของเอกชน
2…

สำหรับจุดเด่นที่ถือเป็นมนต์เสน่ห์สำคัญของเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานก็คือ ภาพบรรยากาศอันงดงามของทะเลสาบกว้างใหญ่ ผืนป่าอันเขียวขจี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความงามของภูเขาหินปูนและสายน้ำของทะเลสาบที่สวยใส จนทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย” เพราะมีหลายๆมุมที่มีบรรยากาศวิวทิวทัศน์คล้าย “เมืองกุ้ยหลิน” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองจีน
ขุนเขารูปร่างประหลาดที่โผล่เด่นเหนือผิวน้ำในบริเวณกุ้ยหลินเมืองไทย
อย่างไรก็ดีแม้ฉายาจะถูกอ้างอิงมาจากต่างประเทศ แต่เขื่อนรัชชประภาถือว่ามีเสน่ห์ความงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง ซึ่งนับตั้งแต่เมืองไทยเราเข้าสู่ยุคโซเชียลมีเดีย ภาพความงามของเขื่อนรัชชประภาที่ถูกนักท่องเที่ยวถ่ายรูป เซลฟี่ โพสต์ แชร์ออกไป ได้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดสำคัญให้ผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่กันไม่ได้ขาด
ท่าเรือ ล่องชมทิวทัศน์เขื่อน
โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลเข้าพรรษาที่ผ่านมา มีคนมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานกันอย่างเนื่องแน่น ที่พักส่วนใหญ่เต็ม ลงเรือต้องต่อคิว ท่าเรือมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน กอปรกับการบริหารจัดการไม่ลงตัวทั้งในพื้นที่เองและบริษัททัวร์บางส่วนที่พานักท่องเที่ยวไป ทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆคนต้องรอการหมุนเวียนวิ่งรับ-ส่งของเรือนำเที่ยวนานอยู่พอสมควร
สายน้ำ ขุนเขา มนต์เสน่ห์แห่งกุ้ยหลินเมืองไทย
แต่ครั้นเมื่อได้ลงเรือกันแล้วความหงุดหงิดของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็หายไป เพราะภาพบรรยากาศจากวิวทิวทัศน์อันงดงามในบริเวณเขื่อน โดยเฉพาะภาพงามจากธรรมชาติอันโดดเด่นแปลกตาเป็นเอกลักษณ์นั้น มันช่วยไล่ความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ของใครหลายๆคนไปได้เป็นอย่างดี

นี่แหละเป็นอีกหนึ่งธรรมชาติบำบัดที่ใครไม่ไปสัมผัสย่อมไม่รู้
ม่านเมฆหมอกยามเช้าที่ลอยอ้อยอิ่งไต่ไล่เลี่ยเหนือขุนเขา
3...

การมาเที่ยวเขื่อนรัชชประภาของผมกับเพื่อนๆในทริปนี้ มีโปรแกรมพักค้าง 1 คืน ณ ที่พักรีสอร์ทเรือนแพแหล่งหนึ่ง ซึ่งวันนี้ในเขื่อนรัชชประภามีที่พักแบบเรือนแพให้เลือกพักท่ามกลางธรรมชาติอันพิสุทธ์อยู่หลายเจ้าด้วยกันทั้งที่พักของทางอุทยานฯ และที่พักของเอกชนที่มารับสัมปทาน

อย่างไรก็ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่เลือกพักในรีสอร์ทใด ผมอยากให้สืบค้นหาข้อมูลที่พักแต่ละแห่ง เปรียบเทียบราคา บริการต่างๆจากอินเตอร์เน็ต และติดต่อประสานงานกันให้ดีๆ เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหาเรื่องการเข้าระหว่างนักท่องเที่ยวกับรีสอร์ทเป็นเรื่องเป็นราวปรากฏในโลกออนไลน์กันอยู่พอสมควร ดังนั้นเพื่อไม่อยากให้ทริปนั้นต้องกร่อย ควรตรวจเช็คสืบค้นข้อมูลก่อนไปกันให้ดีๆ เพราะตัวผมเองก็เคยเจอประสบการณ์ที่พักหัวหมอ ตุกติก มาแล้วเหมือนกัน
อีกหนึ่งบรรยากาศยามเช้าที่แสงแดดสาดส่องลอดม่านเมฆเหนือขุนเขา
เอาล่ะกลับมาที่การเที่ยวของเรากันต่อ หลังเรือจากรีสอร์ทเข้าท่ามารับ พวกเราก็ขึ้นไปนั่งเตรียมพร้อมกันบนเรือ ซึ่งที่นี่เขาค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการสวมเสื้อชูชีพ อันถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะสามารถช่วยป้องกันเรื่องนักท่องเที่ยวจมน้ำได้ดีทีเดียว

จากนั้นเรือค่อยแล่นออกจากท่าไปอย่างไม่รีบร้อน เปิดโอกาสให้เราชมวิวทิวทัศน์รอบข้างกันอย่างจุใจ ซึ่งเพียงแค่ในช่วงแรกก็ชวนน่าตื่นตาตื่นใจกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาพของแนวสันเขื่อนที่เรือค่อยๆแล่นผ่าน ภาพของภูเขาหินปูนที่มีเมฆหมอกลอยจางๆปกคลุมดูมีเสน่ห์เป็นยิ่งนัก อีกทั้งเรือนำเที่ยวที่วิ่งผ่านไป-มา เมื่อสวนทางกัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติจะส่งยิ้มโบกมือทักทายดูน่าประทับใจไม่น้อย
น้ำใสสีเขียว ให้บรรยากาศคล้ายลากูน ทะเลกระบี่
แล้วเรือก็ล่องทะเลสาบลึกเข้าไป ไกลเข้าไปในเขื่อนมากขึ้น พาเราไปสัมผัสกับความงดงามของขุนเขาหินปูนน้อย-ใหญ่ สูง-ต่ำ กับรูปร่าง รูปทรงอันสวยงามแปลกตา บางช่วงภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านเป็นดังม่านหน้าผาผืนใหญ่ทอดตัวไปในสายน้ำ บางช่วงเป็นกลุ่มเขาหินปูน ผลุดโผล่ ขึ้นมาเป็นแท่งๆกลางทะเลสาบที่มีน้ำสีสวย เขียวขจี ดูคล้ายบรรยากาศของท้องทะเลกระบี่แถวๆเกาะพีพี ลากูน หรือแถบๆนั้น
เขาสามเกลอ ดาวเด่นแห่งเขื่อนรัชชประภา
สำหรับจุดที่เป็นไฮไลท์ของการล่องเรือชมทิวทัศน์ของที่นี่ก็คือช่วงที่เรียกว่ากุ้ยหลินเมืองไทย ที่มากไปด้วยยอดเขาหินปูนใหญ่-น้อย ในรูปทรงต่างๆ ตั้งโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำให้เรายลโฉมกัน โดย โดยมีภูเขาหินปูนที่เป็นดาวเด่นสำคัญของเขื่อนนั่นก็คือ “เขาสามเกลอ” ยอดเขาเล็กๆ 3 ยอดที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดโฉมในความแปลกตา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้

ขณะที่ใกล้ๆกับเขาสามเกลอนั้นเป็นที่ตั้งของ “เขาอินเดียนแดง” ที่ตั้งชื่อตามลักษณะรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายอินเดียนแดงเพียงแต่ต้องใส่จินตนาการเข้าไปด้วย ส่วนอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ “หน้าผาหญิงสาว” กับหน้าผาใหญ่ที่มีร่องรอยตามธรรมชาติปรากฏเป็นรูปคล้ายหญิงสาว 2 คนบนหน้าผา ซึ่งก็ต้องใช้จินตนาการในการชมเช่นกัน
หน้าผาภูเขาหินปูน มีภาพหญิงสาวให้ได้จินตนาการ
หลังจากเรือนำเที่ยวพาชมความสวยงามแปลกตาของกุ้ยหลินเมืองไทยแล้วก็พาผมกับคณะเข้าสู่แพที่พักท่ามกลางแวดล้อมของธรรมชาติอันทรงเสน่ห์ กับบรรยากาศเรือนแพที่ทอดตัวท่ามกลางเวิ้งน้ำ(นิ่ง)อันสวยงาม มีขุนเขาป่าไม้ โอบล้อม แถวยังมีต้นไม้ตายแห้งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย เป็นต้นไม้ที่ดูทรงเสน่ห์ไม่น้อย เพราะถึงแม้จะเดียวดายแต่ก็ดูทระนงกระไรปานนั้น

...คนเราบางครั้งการมีชีวิตที่โดดเดี่ยวเดียวดายไยมิสู้ดีกว่าการเต็มไปด้วยคนรอบกายที่ไม่จริงใจ หลอกลวง ปลิ้นปล้อน และพร้อมจะหักหลัง แทงข้างหลังเราได้ทุกเวลา...
พักผ่อนด้วยการพายคยัคสัมผัสบรรยากาศ
สำหรับบรรยากาศยามเย็นในเวิ้งที่พักแห่งนี้ ถือเป็นช่วงเวลาส่วนตัวของนักท่องเที่ยวแต่ละคน บางคนเล่นน้ำ บางคนกระโดดน้ำ บางคนพายเรือคายัคเล่น บ้างก็เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ บางคนเดินหามุมสวยๆถ่ายรูป และบางคนก็เดินหามุมเซลฟี่มือเป็นระวิง

แต่ประทานโทษ!!! ที่นี่ก็ทำได้เพียง ถ่ายรูป เซลฟี่ เท่านั้น ไม่สามารถโพสต์รูป อัพรูปขึ้นโซเชียลมีเดียได้เพราะไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต รวมถึงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ การติดต่อสื่อสารหลักใช้ ว.จากทางเรือนแพกับโลกภายนอกเท่านั้น
พายเรือคยัคอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีไว้บริการนักท่องเที่ยว
แต่จะว่าไปความไร้ซึ่งสัญญาณสื่อสารนี่มันก็ดีไม่น้อย เพราะเราจะได้ละจากชีวิตก้มหน้าดูแต่มือถือมาเงยหน้าชื่นชม สัมผัสในความงดงามของธรรมชาติ ซึ่งคืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมหลับใหลลงท่ามกลางขุนเขาสายน้ำ ภายใต้แสงดาวโอบล้อม

และใกล้ชิดธรรมชาติเพียงแค่เอื้อม
แสงสุดท้ายของวัน
4…

ครั้นเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง

ผมกับเพื่อนตื่นกันแต่เช้าตรู่ เพื่อไปล่องเรือชมบรรยากาศของเขื่อนรัชชประภายามเช้า ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์อันโดดเด่นของที่นี่ เนื่องจากเรามีโอกาสสูงที่จะได้สัมผัสกับภาพความงามของสายหมอก ม่านหมอกอันสวยงามที่ลอยอ้อยอิ่งเหนือขุนเขา ให้ชื่นชมเป็นภาพประทับใจอันยากลืมเลือน ที่เมื่อนึกถึงเขื่อนรัชชประภาหรือกุ้ยหลินเมืองไทยคราใด ภาพของเขาสวย น้ำใส และสายหมอกยามเช้าอันสุดบรรเจิดก็จะปรากฏตามมาในจินตนาการของผม
นักท่องเที่ยวนั่งเรือไปสัมผัสกับบรรยากาศขุนเขา สายหมอกในยามเช้าตรู่
ในเช้าวันนั้นนอกจากจะล่องเรือไปชมทะเลหมอกตามจุดหลักต่างๆที่ได้เห็นสายหมอกลอยอวดโฉมไต่ไล่เลี่ยคลอเคลียไปกับขุนเขาหินปูนอันตั้งตระหง่านแล้ว เรายังโชคดีอย่างมากที่ล่องเรือผ่านดงต้นไม้บนเกาะมีนกเงือก(นกแก๊ก)ฝูงใหญ่หลายสิบตัว ออกมาเกาะกินลูกไม้ที่กำลังออกลูกเต็มต้น
นกเงือกมากินลูกไม้
ทำให้บรรยากาศการล่องเรือในเช้านี้เราจึงได้เห็นนกเงือกหลายตัวเกาะกินลูกไม้ บ้างก็โฉบบินไปเกาะตามยอดไม้ต่างๆ ดูน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว เพราะไม่บ่อยครั้งที่ผมจะมีโอกาสได้เห็นฝูงนกเงือกเยอะขนาดนี้

หลังจากนั้นเดินทางกลับมายังที่พัก กินอาหารเช้า อาบน้ำอาบท่า เพื่อออกเดินทางกลับขึ้นฝั่ง แล้วกลับคืนสู่ความวุ่นวายของป่าคอนกรีตแห่งเมืองหลวง ซึ่งชีวิตในป่าคอนกรีตมันช่างห่างไกลกับบรรยากาศแห่งธรรมชาติของที่นี่เสียจริงๆ
บรรยากาศขุนเขา สายน้ำ และม่านหมอก แห่งเขื่อนรัชชประภา
*****************************************
การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเขาสก

เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาสก ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 แยกเข้าอุทยานแห่งชาติเขาสกตรงหลัก กม. ที่ 109 เข้าสู่ถนนลาดยาง ระยะทางถึงที่ทำการอุทยานประมาณ 2 กม. กรณีไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสกในส่วนของเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชชประภาให้ใช้เส้นทางเดียวกัน แล้วแยกเข้าสู่

อุทยานแห่งชาติเขาสก หน่วยพิทักษ์ ขส.2 แก่งเชี่ยวหลาน บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 57-58 เข้าสู่ถนนลาดยางไปประมาณ 12 กม. ก็จะถึงหน่วยพิทักษ์ฯ ขส.2 ( แก่งเชี่ยวหลาน ) จาก ขส.2 ต้องจ้างเรือให้ไปส่งยังหน่วยย่อย ขส. 3 ขส. 4 และ ขส. 7 แล้วแต่ว่าท่านจะพักแพไหน

การเดินทางโดยรถไฟ นั่งรถไฟไปลงที่สถานีพุนพิน แล้วติดต่อเช่ารถไปยังอุทยานแห่งชาติเขาสก ห่างจกสถานีรถไฟประมาณ 110 กิโลเมตร สำหรับเขื่อนรัชชประภาอยู่ห่างไปประมาณ 60 กิโลเมตร หรือจากสถานีรถไฟ นั่งรถโดยสารเส้นทางพุนพิน-ตะกั่วป่า หรือสุราษฎร์ - ภูเก็ต

เดินทางโดยรถโดยสาร ให้นั่งรถจากสถานีขนส่งสายใต้ เส้นทางภูเก็ตสายเก่า ผ่านอุทยานแห่งชาติเขาสก

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเขื่อนรัชชประภาเพิ่มเติม และข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับเขื่อนรัชชประภา ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0-7728-8817-9




*****************************************

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น