สมัยก่อนนั้น “เขตทหาร” ถือเป็นดินแดนต้องห้าม ประชาชนทั่วไปไม่สามารถย่างกรายเข้าไปได้ แต่ปัจจุบันนี้ เขตทหารหลายๆ แห่งเปิดให้คนเข้าไปเที่ยวชมได้แล้ว (บางแห่งอาจจะต้องทำหนังสือขออนุญาตล่วงหน้าก่อน) อย่างเช่นในเขตกองทัพเรือ ก็มีหลายๆ ส่วนที่เปิดให้เข้าไปชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
อย่างคราวนี้ ฉันได้ไปเยือนที่กรมอู่ทหารเรือ ธนบุรี ที่นี่ก็มีสถานที่สำคัญให้เข้าไปเรียนรู้ นั่นคือ “พิพิธภัณฑ์อู่เรือหลวง เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “พิพิธภัณฑ์อู่เรือหลวง” พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ในอาคารเก่าแก่ หลังคาทรงปั้นหยา ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ส่วนชั้นบนเป็นไม้ มีระเบียงโปร่งล้อมรอบ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบขนมปังขิงรอบอาคารประดับด้วยไม้ฉลุลายที่สวยงาม
ภายในอาคารมีการจัดนิทรรศการ “ภาพเก่าเล่าเรื่องกรมอู่ทหารเรือ” ภาพถ่ายประวัติศาสตร์อายุมากกว่า 100 ปี และชมนิทรรศการจัดแสดงประวัติศาสตร์ความสำคัญของอู่เรือกับการปกป้องอธิปไตยของชาติทางทะเลที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัยเรือกลไฟ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวได้หลากหลายและน่าสนใจมากๆ
ต่อจากนั้นฉันก็มาที่ “พระราชวังเดิม” ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ในเขตของกองบัญชาการกองทัพเรือ ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์อู่เรือหลวงมากนัก ที่นี่เป็นพระราชวังเก่าเมื่อครั้งสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับและว่าราชการในสมัยกรุงธนบุรี ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งพระนคร พระองค์ทรงสร้างพระบรมมหาราชวังขึ้นเป็นที่ประทับ พระราชวังแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “พระราชวังเดิม” ตั้งแต่บัดนั้น
สถานที่สำคัญที่สุดของพระราชวังเดิมก็คือ “ท้องพระโรงกรุงธนบุรี” ซึ่งจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกที่เห็นก็คือ“ท้องพระโรง” หรือ “วินิจฉัย” ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ลักษณะคล้ายศาลากว้างๆ โล่งๆ หลังคาประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และมุงด้วยกระเบื้องดินเผา ท้องพระโรงแห่งนี้ใช้เป็นที่เสด็จออกขุนนาง ให้ขุนนางต่างๆ เข้าเฝ้า และประกอบพระราชพิธีสำคัญในสมัยกรุงธนบุรี และปัจจุบัน กองทัพเรือก็ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานและประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ส่วนที่สองเป็นส่วนราชมณเฑียร เรียกว่า “พระที่นั่งขวาง” เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ พื้นปูกระดาน เครื่องบนเหมือนท้องพระโรง ปัจจุบันใช้เป็นห้องรับรองบุคคลสำคัญ และใช้เป็นห้องประชุมในบางโอกาส
นอกจากนี้ ภายในเขตพระราชวังเดิม ยังมีส่วนที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, ตำหนักเก๋งคู่หลังเล็ก-หลังใหญ่, ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และศาลศีรษะปลาวาฬ เป็นต้น
เที่ยวชมพระราชวังเดิมกันแล้ว ฉันก็เดินทางต่อไปที่ จ.สมุทรปราการ มาที่โรงเรียนนายเรือ เพื่อมาชม “อนุสรณ์สถานเรือหลวงธนบุรี” ซึ่งในอดีตเรือหลวงธนบุรี เป็นเรือรบประเภทเรือปืนหนักและเรือปืนยามสังกัดกองทัพเรือไทย ภายหลังเป็นเรือรบในช่วงกรณีพิพาทระหว่างไทย-อินโดจีน-ฝรั่งเศส และได้ชัยชนะขับไล่ข้าศึกได้สำเร็จ แต่เนื่องจากเรือได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงปลดระวางประจำการจากการเป็นเรือรบ ทางราชการจึงได้นำส่วนป้อมปืนเรือและหอบังคับการของเรือหลวงธนบุรี มาจัดตั้งเป็นอนุสรณ์สถานเรือหลวงธนบุรี เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง และความกล้าหาญของวีรชนไทยที่ปกป้องพื้นแผ่นดินจนสุดกำลัง จะได้เห็นส่วนที่ใช้บังคับเรือและปืนใหญ่ของจริงจัดแสดงคู่กับลูกระสุนปืนใหญ่จำลองเหมือนจริงเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ใกล้ๆ กับอนุสรณ์สถานเรือหลวงธนบุรี เป็นที่ตั้งของ “หอดาราศาสตร์ โรงเรียนนายเรือ” หอดาราศาสตร์แห่งนี้ ถือว่าเป็นหอดูดาวแห่งแรกในประเทศไทย และยังเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของโรงเรียนนายเรืออีกด้วย โดยในปี พ.ศ. 2497 กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้จัดซื้อท้องฟ้าจำลอง จากประเทศ สหรัฐอเมริกา เพื่อนำมา เป็นเครื่องช่วยการศึกษา ในวิชาดาราศาสตร์ โดยมอบให้ กรมอุทกศาสตร์ เป็นผู้ดูแลรักษาและติดตั้งไว้ใช้เป็นการชั่วคราว กองทัพเรือได้นำออกแสดงให้ประชาชนชมหลายครั้ง และต่อมา ได้มีการสร้างหอดาราศาสตร์แห่งนี้ขึ้น โดยให้มีส่วนของท้องฟ้าจำลองและโดมกล้องตรวจดาวเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร
ปัจจุบัน ที่นี่ใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิชาเดินเรือและวิชาดาราศาสตร์ของนักเรียนนายเรือ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม โดยมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์เดินเรือ ที่แสดงเครื่องมือเดินเรือตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีห้องท้องฟ้าจำลองที่แสดงกลุ่มดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ตั้งแต่เวลาพลบค่ำจนถึงกลางคืน และในชั้นบนสุด ยังติดตั้งกล้องดูดาวอีกด้วย
จุดสุดท้ายที่ฉันไปแวะชมในวันนี้คือ “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ป้อมพระจุลฯ” ตั้งอยู่ที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อป้องกันการรุกรานจากอังกฤษและฝรั่งเศส หากมีเรือรบของข้าศึกบุกมาทางปากน้ำ ซึ่งก็ได้ใช้ป้อมพระจุลแห่งนี้เป็นจุดยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112
ปัจจุบัน ป้อมพระจุลเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของ จ.สมุทรปราการ ได้ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ พ.ศ. 2536 เพื่อเป็นราชานุสรณ์และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
และยังมีห้องจัดแสดงนิทรรศการเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์อันเข้มข้นในการปกป้องแผ่นดินไทยในสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ห้องโถงใหญ่ใต้ฐานของอนุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าฯ และยังสามารถเดินชมป้อมต่างๆ ในบริเวณโดยรอบ อาทิ ป้อมปืนเสือหมอบที่เป็นป้อมปืนที่สำคัญในวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 มี "เรือหลวงแม่กลอง" ที่ปลดประจำการและเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งจัดแสดงอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในเรือรบลำนี้ นอกจากนี้ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เป็นศูนย์การเรียนรู้การปลูกป่าชายเลน และกิจกรรมค่ายพักแรมเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงถือ เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์และพักผ่อนหย่อนใจไปพร้อมๆ กัน
ใครที่อยากท่องเที่ยวแบบเต็มอิ่มไปกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในรั้วทหารเรือแบบฉัน ก็ลองชักชวนเพื่อนฝูง รวมกลุ่มกันไปท่องเที่ยวและเรียนรู้กันได้ พี่ๆ ทหารเค้ายินดีต้อนรับ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“พิพิธภัณฑ์อู่เรือหลวง เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา” ตั้งอยู่ภายในกรมอู่ทหารเรือ ถ.อรุณอมรินทร์ บางกอกน้อย กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมฟรีวันจันทร์-ศุกร์ เวลาราชการ โดยต้องติดต่อล่วงหน้า และเข้าชมเป็นหมู่คณะ 12-50 คน หากน้อยกว่านั้นทางพิพิธภัณฑ์จะจับกลุ่มให้ สอบถามโทร. 0-2475-4185
“พระราชวังเดิม” ตั้งอยู่ภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพฯ ถ.อรุณอมรินทร์ เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 09.00-11.30 น. และ 13.00-16.00 น. อนุญาตให้เข้าชมเป็นหมู่คณะ โดยทำจดหมายขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และเสียค่าบำรุงโบราณสถาน สำหรับบุคคลทั่วไป 60 บาท นักเรียน/นักศึกษาในเครื่องแบบ 20 บาท ควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย และภายในอาคารทุกอาคารไม่อนุญาตให้บันทึกภาพและภาพเคลื่อนไหว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม โทร. 0-2475-4117, 0-2466-9355, 0-2472-7291
“หอดาราศาสตร์ โรงเรียนนายเรือ” เปิดให้เข้าชมในเวลาราชการ 08.00-16.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม หากต้องการเข้าชมกรุณาติดต่อล่วงหน้า โทร. 0-2475-3939, 0-2475-3972, 0-2475-7403 และ 0-2475-3800
“ป้อมพระจุลจอมเกล้า” เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-18.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด ผู้เข้าชมต้องขออนุญาตจากกองรักษาการณ์บริเวณหน้าประตูป้อมฯ และแลกบัตรประจำตัวไว้ หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรนำชมสถานที่ต้องทำหนังสือล่วงหน้า สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2475-6109, 0-2475-6259, 0-2475-8845 และ 0-2475-6357
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com