โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
การประลองความเร็วของรถยนต์ระหว่างฝ่ายพระเอกกับฝ่ายผู้ร้ายในโลกภาพยนตร์อย่าง “Fast and the Furious 7” หรือ “Fast 7”(รวมถึง Fast ในภาคอื่นๆ)ดูจะต้องชิดซ้าย หลบให้กับการเหยียบคันเร่งของจริงอย่างการแข่งขัน“รถสูตรหนึ่ง” ที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมากทั่วโลกกว่า 600 ล้านคนต่อฤดูกาล
การแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ “ฟอร์มูลาวัน”(Formula One) หรือ “เอฟวัน”(F1) นอกจากจะเป็นกีฬาอันน่าตื่นตาตื่นใจจากการประลองความเร็วของรถสูตรหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในโลก ซึ่งในการแข่งขันแต่ละสนามสามารถดึงดูดแฟนานุแฟนให้เข้ามาลุ้นระทึกกับมหกรรมความเร็วได้เป็นจำนวนมากแล้ว
การแข่งขันเอฟวันในบางประเทศยังเป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กทางการท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวชมได้อย่างล้นหลามด้วยเช่นกัน
เอฟวันมาเลเซีย
ในภูมิภาคอาเซียน“มาเลเซีย”เป็นประเทศแรกที่สร้างประวัติศาสตร์จัดแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งขึ้นในอาเซียน และเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียต่อจากญี่ปุ่นที่มีการจัดแข่งขันเอฟวันขึ้น (ตามด้วยสิงคโปร์เป็นอาเซียนชาติที่ 2 ที่มีการจัดแข่งขันเอฟวันตอนกลางคืนขึ้นในอีก 9 ปีต่อมา)
เอฟวันมาเลเซีย ถือกำเนิดขึ้นในปีพ.ศ. 2542(ค.ศ. 1999) ปัจจุบันเป็น 1 ใน 20 สนามการแข่งขันของแต่ละฤดูกาล(จำนวนสนามการแข่งขันในละปีอาจไม่เท่ากัน แต่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณปีละ 20 สนาม) ที่จัดให้ยอดนักแข่งระดับโลกมาเหยียบคันเร่งประลองความเร็วกัน โดยมีการจัดแข่งกันที่ “สนามเซปังอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต” (Sepang International Circuit - SIC) หรือ “สนามเซปัง” ที่ตั้งอยู่ในเมืองเซปัง รัฐสลังงอร์ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง “กรุงกัวลาลัมเปอร์” สักเท่าไหร่
สนามเซปัง ออกแบบโดย “Hermann Tilke” ชาวเยอรมัน สร้างบนพื้นที่ที่เดิมเป็นหนองน้ำ ใกล้ๆกับสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มีที่นั่งรองรับผู้ชมในสนามได้ 80,000 คน ซึ่งถ้าหากรวมพื้นที่รองรับอื่นสนามแห่งนี้สามารถจุคนได้กว่า 100,000 คนเลยทีเดียว
สำหรับเอฟวันมาเลเซียปีนี้จัดติดต่อกันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้ชื่อ “ปิโตรนาส มาเลเซีย เอฟวัน กรังปรีซ์ 2015” หรือ “2015 Formula 1 PETRONAS Malaysia Grand Prix” โดยจัดขึ้นในช่วงวันที่ 27-29 มีนาคม 58 ที่ผ่านมา
เอฟวันมาเลเซียที่สนามเซปังเป็นการแข่งขันในสนามที่ 2 (สนามแรกคือ “ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์” ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย) โดยปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่มีความพิเศษมาก เพราะมีการจัดขึ้นภายใต้ธีม “Experience F1 Like Never Before…สัมผัส F1 แบบไม่เหมือนใคร” ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการจัดการแข่งขันเอฟวันควบคู่ไปกับงานคาร์นิวัล หรือ “F1 คาร์นิวัล” หรือ “สปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์” ที่ภายในงานได้เพิ่มสีสันกิจกรรม งานรื่นเริง และความบันเทิงต่างๆเข้ามา รวมไปถึงปิดท้ายกันด้วยคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง(จะเป็นใคร ขออุบไว้ก่อน)
F1 คาร์นิวัล ถือเป็นอีกมิติใหม่ของการแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย ซึ่งทางผู้จัดต้องการเอาใจผู้ชมกลุ่มครอบครัวในทุกเพศทุกวัย รวมถึงต้องการเปิดตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวให้กว้างขวาง และหลากหลายยิ่งขึ้น โดยมีทาง"การท่องเที่ยวมาเลเซีย"เป็นผู้ร่วมส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมมีโอกาสได้ตีตั๋วเข้าไปร่วมลุ้นในมหกรรมความเร็ว แรง มัน กับผู้คนอีกจำนวนมากหลายหมื่นคนในการแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย 2015 กับเขาด้วย
F1 คาร์นิวัล
จากที่พักในกัวลาลัมเปอร์ผมกับคณะออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าสู่สนามเซปังเพื่อเลี่ยงรถติด ก่อนจะใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงมาถึงยังสนามเซปังที่เริ่มมีความคึกคักให้เห็นจากเหล่าแฟนๆนักนิยมความเร็ว รวมถึงจากเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาสัมผัสกับมหกรรมความเร็วระดับโลกในครั้งนี้ กับตั๋วเข้าชมที่เริ่มต้นตั้งแต่ราคาประมาณ 900 บาทไปจนถึงหลักหมื่น ตามแต่มุมมอง ความสะดวกสบาย และกำลังทรัพย์ของเรา โดยก่อนเข้าสู่สนามก็จะมีการบิวด์อารมณ์กันด้วยบรรดาสินค้าของที่ระลึกต่างๆมากมาย ทั้งเสื้อ หมวก หนังสือ เข็มกลัด แก้วน้ำ แว่นตา ฯลฯ
จากนั้นเมื่อแสดงตั๋วเข้างานก็จะได้พบกับบรรยากาศความคึกคักจากผลิตภัณฑ์ยานยนต์ การแสดงรถยนต์บ้างพอหอมปากหอมคอ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นบรรดาสปอนเซอร์ทั้งหลาย ซึ่งก็มีสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่งของบ้านเราร่วมเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ของเอฟวันด้วย
นอกจากนี้เมื่อเข้ามาภายในงานเราจะได้พบกับบูทสินค้าของที่ระลึกต่างๆอีกเพียบ ซึ่งก็ได้รับความสนใจผู้เข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก
ภายในงานยังมีสีสันหลักอีกส่วนหนึ่งซึ่งปีนี้จัดขึ้นพิเศษเป็นปีแรกอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นก็คือ งานคาร์นิวัลที่มีชิงช้าสวรรค์ตั้งเด่นหราให้ได้ขึ้นไปนั่งสนุกสนานกัน ขณะที่ส่วนการละเล่นอื่นๆใน F1 คาร์นิวัล ที่น่าสนใจก็อย่างเช่น การแสดงดนตรี,ปราสาทผีสิงจำลอง, โซนเล่นน้ำฉ่ำซ่า,ปาโป่ง รวมถึงโซนอาหารเครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งดูแล้วให้บรรยากาศคล้ายกับเทศกาลงานวัดในบ้านเราไม่น้อย
เร็ว แรง มัน เอฟวันมาเลเซีย
การแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย 2015 รอบสุดท้ายหรือรอบไฟนัลในปีนี้ ที่ตรงกับวันที่ 29 มี.ค. 58 มีกำหนดแข่งขันกันในช่วงเวลา 15.00-17.00 น. ซึ่งเป็นปีแรกที่เลื่อเวลาจากแต่เดิมที่จัดขึ้นในเวลา 16.00-18.00 น. ขึ้นมาอีกหนึ่งชั่วโมง ทั้งนี้ก็เพื่อ“หนีฝน” ที่มักจะตกเป็นประจำในช่วงเย็นๆ อีกทั้งยังเป็นการเซฟ ช่วยรักษาความปลอดภัยของเหล่านักแข่ง เพราะเมื่อปีที่แล้ว“จูลส์ เบียงคี” นักแข่งรถเอฟวันชาวฝรั่งเศส ต้องประสบอุบัติเหตุขั้นโคม่า จากสนามแข่งซูซูกะ เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากเหตุการณ์นี้หลายฝ่ายเชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้เบียงคีประสบอุบัติเหตุนั้น มาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน มีฝนตกหนัก ถนนลื่น จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น
ทั้งนี้ก่อนการแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย 2015 รอบสุดท้าย ในวันที่ 27 และ 28 ได้มีการฝึกซ้อมและจัดแข่งขันรอบควอลิฟายขึ้น โดยตัวเต็งอย่าง“ลูอิส แฮมิลตัน” ทำเวลาดีที่สุด
งานนี้ก่อนแข่งรอบไฟนัล เกจิผู้สันทัดกรณีต่างบอกว่า นี่เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง 2 นักแข่ง ดาวดังแห่งยุคอย่าง “ลูอิส แฮมิลตัน”(Lewis Hamilton) แชมป์โลก 2 สมัยและแชมป์จากฤดูกาลที่แล้ว(ผู้สร้างสถิติเป็นแชมป์เอฟวันที่อายุน้อยที่สุด)นักแข่งชาวอังกฤษจากทีมเมอร์เซเดส กับ “เซบาสเตียน เวทเทล”(Sebastian Vettel) นักแข่งชาวเยอรมันจากทีมเฟอร์รารี เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย
อย่างไรก็ดีในวันแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย 2015 รอบไฟนัลนั้น ในช่วงเที่ยงและบ่ายได้มีการอุ่นเครื่องบิวด์อารมณ์เรียกน้ำย่อยด้วยการแข่งขันรถธรรมดา 2 ช่วงสั้นๆ(9 รอบสนาม/20 นาทีี)ที่ดูแล้วให้อารมณ์คล้าย Fast ในหนังได้ดีทีเดียว
จากนั้นก็มาถึงเวลาสำคัญกับการแข่งขันในรอบไฟนัล โดยก่อนการแข่งขันได้มีรถแห่นักแข่งโชว์ตัว และมีพิธีการแสดงเปิดการแข่งขันแบบกระชับเรียบง่าย เพราะใจของผู้ชมส่วนใหญ่ที่เข้ามาเฝ้ารอในสนามเซปังจนเนืองแน่นนั้นก็มุ่งเป้าไปที่การแข่งขันรอบไฟนัลด้วยกันทั้งนั้น
แล้วเวลาแห่งความมันก็ระเบิดขึ้นในเวลา 15.00 น. -17.00 น. ด้วยการแข่งขันจำนวน 56 รอบสนาม ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า หนึ่งในตัวเต็ง(2)อย่าง “เซบาสเตียน เวทเทล” จากทีมเฟอร์รารี มาเป็นที่หนึ่ง คว้าชัยได้เปิดแชมเปญฉลอง ตามมาด้วยอันดับสองคือ“ลูอิส แฮมิลตัน” จากทีมเมอร์เซเดส และอันดับสาม คือ “นิโก้ รอสเบิร์ก” จากทีมเมอร์เซเดส เช่นเดียวกัน โดยอันดับ 2 และ 3 ทำเวลาช้ากว่าเว็ตเทลประมาณ 8 และ 12 วินาทีตามลำดับ
งานนี้เรียกว่าเวทเทล สามารถดับความอหังการของแฮมิลตันแชมป์สนามที่แล้ว(ออสเตรเลีย)ได้เป็นอย่างดี และก็ทำให้การแข่งขันเอฟวันในปีนี้ทวีความเข้มข้นขึ้น
อย่างไรก็ดีสำหรับผมผู้ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ หากแต่เป็นแฟนห่างๆของการแข่งขันรถเอฟวัน ผลการแข่งขันดูจะไม่สำคัญเท่ากับบรรยากาศในการแข่งขัน(ปานประหนึ่งอารมณ์ร่ำสุราของโกว้เล้ง) เพราะบรรยากาศ สีสันการเชียร์ กับกองเชียร์นับหลายหมื่นคน รวมถึงการขับเคี่ยวประลองความเร็วของนักแข่งระดับโลกนั้นมันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เสียงรถแต่ละคันคำรามเครื่องกระหึ่มก้อง แต่ละคันวิ่งกันด้วยระดับความเร็วแบบสุดติ่ง ชนิดเพียงแค่กะพริบตาหรือสมาธิหลุดไป รถคันที่เราเล็งอยู่ก็วิ่งฉิวผ่านหน้าหายไปเสียแล้ว
นอกจากนี้บรรยากาศของแฟนๆ กองเชียร์ ที่เข้ามาชมกันอย่างคึกคักสนุกสนาน ทั้งกองเชียร์เจ้าบ้านชาวมาเลย์ และกองเชียร์ชาติต่างๆที่นิยมชมชมชอบในความเร็ว ซึ่งแน่นอนว่างานนี้มีแฟนๆนักนิยมความเร็วชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวไทยนำธงไตรรงค์ของเรามาโบกสะบัดร่วมเชียร์รวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง
ขณะที่หลังการแข่งขันนั้น ทางมาเลย์เขาปิดท้ายกันด้วยคอนเสิร์ตของ 2 วง บอยแบนด์และเกิร์ลแบนด์เกาหลีชื่อดัง อย่าง วงไชนี(SHINee) และ เกิลส์เจเนอเรชัน(Girls' Generation) ที่สามารถเรียกเสียงกรี๊ดของแฟนเพลงและติ่งเกาหลีได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีสายฝนพรำลงมา ซึ่งต้องยอมรับว่าเอฟวันมาเลเซียในปีนี้ ไม่ได้เป็นเฉพาะมหกรรมกีฬาแห่งความเร็วเท่านั้น หากแต่มันได้กลายเป็นบิ๊กอีเวนต์ในระดับโลกของมาเลเซียไปแล้ว
สำหรับเมืองไทยที่มีข่าวว่ามีความพยายามที่จะจัดการแข่งขันเอฟวันในบ้านเราอยู่เป็นระยะๆนั้น งานคงต้องติดตามดูและรอลุ้นกันต่อไป
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
การประลองความเร็วของรถยนต์ระหว่างฝ่ายพระเอกกับฝ่ายผู้ร้ายในโลกภาพยนตร์อย่าง “Fast and the Furious 7” หรือ “Fast 7”(รวมถึง Fast ในภาคอื่นๆ)ดูจะต้องชิดซ้าย หลบให้กับการเหยียบคันเร่งของจริงอย่างการแข่งขัน“รถสูตรหนึ่ง” ที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมากทั่วโลกกว่า 600 ล้านคนต่อฤดูกาล
การแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ “ฟอร์มูลาวัน”(Formula One) หรือ “เอฟวัน”(F1) นอกจากจะเป็นกีฬาอันน่าตื่นตาตื่นใจจากการประลองความเร็วของรถสูตรหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในโลก ซึ่งในการแข่งขันแต่ละสนามสามารถดึงดูดแฟนานุแฟนให้เข้ามาลุ้นระทึกกับมหกรรมความเร็วได้เป็นจำนวนมากแล้ว
การแข่งขันเอฟวันในบางประเทศยังเป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กทางการท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวชมได้อย่างล้นหลามด้วยเช่นกัน
เอฟวันมาเลเซีย
ในภูมิภาคอาเซียน“มาเลเซีย”เป็นประเทศแรกที่สร้างประวัติศาสตร์จัดแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งขึ้นในอาเซียน และเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียต่อจากญี่ปุ่นที่มีการจัดแข่งขันเอฟวันขึ้น (ตามด้วยสิงคโปร์เป็นอาเซียนชาติที่ 2 ที่มีการจัดแข่งขันเอฟวันตอนกลางคืนขึ้นในอีก 9 ปีต่อมา)
เอฟวันมาเลเซีย ถือกำเนิดขึ้นในปีพ.ศ. 2542(ค.ศ. 1999) ปัจจุบันเป็น 1 ใน 20 สนามการแข่งขันของแต่ละฤดูกาล(จำนวนสนามการแข่งขันในละปีอาจไม่เท่ากัน แต่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณปีละ 20 สนาม) ที่จัดให้ยอดนักแข่งระดับโลกมาเหยียบคันเร่งประลองความเร็วกัน โดยมีการจัดแข่งกันที่ “สนามเซปังอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต” (Sepang International Circuit - SIC) หรือ “สนามเซปัง” ที่ตั้งอยู่ในเมืองเซปัง รัฐสลังงอร์ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง “กรุงกัวลาลัมเปอร์” สักเท่าไหร่
สนามเซปัง ออกแบบโดย “Hermann Tilke” ชาวเยอรมัน สร้างบนพื้นที่ที่เดิมเป็นหนองน้ำ ใกล้ๆกับสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มีที่นั่งรองรับผู้ชมในสนามได้ 80,000 คน ซึ่งถ้าหากรวมพื้นที่รองรับอื่นสนามแห่งนี้สามารถจุคนได้กว่า 100,000 คนเลยทีเดียว
สำหรับเอฟวันมาเลเซียปีนี้จัดติดต่อกันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้ชื่อ “ปิโตรนาส มาเลเซีย เอฟวัน กรังปรีซ์ 2015” หรือ “2015 Formula 1 PETRONAS Malaysia Grand Prix” โดยจัดขึ้นในช่วงวันที่ 27-29 มีนาคม 58 ที่ผ่านมา
เอฟวันมาเลเซียที่สนามเซปังเป็นการแข่งขันในสนามที่ 2 (สนามแรกคือ “ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์” ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย) โดยปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่มีความพิเศษมาก เพราะมีการจัดขึ้นภายใต้ธีม “Experience F1 Like Never Before…สัมผัส F1 แบบไม่เหมือนใคร” ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการจัดการแข่งขันเอฟวันควบคู่ไปกับงานคาร์นิวัล หรือ “F1 คาร์นิวัล” หรือ “สปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์” ที่ภายในงานได้เพิ่มสีสันกิจกรรม งานรื่นเริง และความบันเทิงต่างๆเข้ามา รวมไปถึงปิดท้ายกันด้วยคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง(จะเป็นใคร ขออุบไว้ก่อน)
F1 คาร์นิวัล ถือเป็นอีกมิติใหม่ของการแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย ซึ่งทางผู้จัดต้องการเอาใจผู้ชมกลุ่มครอบครัวในทุกเพศทุกวัย รวมถึงต้องการเปิดตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวให้กว้างขวาง และหลากหลายยิ่งขึ้น โดยมีทาง"การท่องเที่ยวมาเลเซีย"เป็นผู้ร่วมส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมมีโอกาสได้ตีตั๋วเข้าไปร่วมลุ้นในมหกรรมความเร็ว แรง มัน กับผู้คนอีกจำนวนมากหลายหมื่นคนในการแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย 2015 กับเขาด้วย
F1 คาร์นิวัล
จากที่พักในกัวลาลัมเปอร์ผมกับคณะออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าสู่สนามเซปังเพื่อเลี่ยงรถติด ก่อนจะใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงมาถึงยังสนามเซปังที่เริ่มมีความคึกคักให้เห็นจากเหล่าแฟนๆนักนิยมความเร็ว รวมถึงจากเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาสัมผัสกับมหกรรมความเร็วระดับโลกในครั้งนี้ กับตั๋วเข้าชมที่เริ่มต้นตั้งแต่ราคาประมาณ 900 บาทไปจนถึงหลักหมื่น ตามแต่มุมมอง ความสะดวกสบาย และกำลังทรัพย์ของเรา โดยก่อนเข้าสู่สนามก็จะมีการบิวด์อารมณ์กันด้วยบรรดาสินค้าของที่ระลึกต่างๆมากมาย ทั้งเสื้อ หมวก หนังสือ เข็มกลัด แก้วน้ำ แว่นตา ฯลฯ
จากนั้นเมื่อแสดงตั๋วเข้างานก็จะได้พบกับบรรยากาศความคึกคักจากผลิตภัณฑ์ยานยนต์ การแสดงรถยนต์บ้างพอหอมปากหอมคอ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นบรรดาสปอนเซอร์ทั้งหลาย ซึ่งก็มีสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่งของบ้านเราร่วมเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ของเอฟวันด้วย
นอกจากนี้เมื่อเข้ามาภายในงานเราจะได้พบกับบูทสินค้าของที่ระลึกต่างๆอีกเพียบ ซึ่งก็ได้รับความสนใจผู้เข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก
ภายในงานยังมีสีสันหลักอีกส่วนหนึ่งซึ่งปีนี้จัดขึ้นพิเศษเป็นปีแรกอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นก็คือ งานคาร์นิวัลที่มีชิงช้าสวรรค์ตั้งเด่นหราให้ได้ขึ้นไปนั่งสนุกสนานกัน ขณะที่ส่วนการละเล่นอื่นๆใน F1 คาร์นิวัล ที่น่าสนใจก็อย่างเช่น การแสดงดนตรี,ปราสาทผีสิงจำลอง, โซนเล่นน้ำฉ่ำซ่า,ปาโป่ง รวมถึงโซนอาหารเครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งดูแล้วให้บรรยากาศคล้ายกับเทศกาลงานวัดในบ้านเราไม่น้อย
เร็ว แรง มัน เอฟวันมาเลเซีย
การแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย 2015 รอบสุดท้ายหรือรอบไฟนัลในปีนี้ ที่ตรงกับวันที่ 29 มี.ค. 58 มีกำหนดแข่งขันกันในช่วงเวลา 15.00-17.00 น. ซึ่งเป็นปีแรกที่เลื่อเวลาจากแต่เดิมที่จัดขึ้นในเวลา 16.00-18.00 น. ขึ้นมาอีกหนึ่งชั่วโมง ทั้งนี้ก็เพื่อ“หนีฝน” ที่มักจะตกเป็นประจำในช่วงเย็นๆ อีกทั้งยังเป็นการเซฟ ช่วยรักษาความปลอดภัยของเหล่านักแข่ง เพราะเมื่อปีที่แล้ว“จูลส์ เบียงคี” นักแข่งรถเอฟวันชาวฝรั่งเศส ต้องประสบอุบัติเหตุขั้นโคม่า จากสนามแข่งซูซูกะ เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากเหตุการณ์นี้หลายฝ่ายเชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้เบียงคีประสบอุบัติเหตุนั้น มาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน มีฝนตกหนัก ถนนลื่น จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น
ทั้งนี้ก่อนการแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย 2015 รอบสุดท้าย ในวันที่ 27 และ 28 ได้มีการฝึกซ้อมและจัดแข่งขันรอบควอลิฟายขึ้น โดยตัวเต็งอย่าง“ลูอิส แฮมิลตัน” ทำเวลาดีที่สุด
งานนี้ก่อนแข่งรอบไฟนัล เกจิผู้สันทัดกรณีต่างบอกว่า นี่เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง 2 นักแข่ง ดาวดังแห่งยุคอย่าง “ลูอิส แฮมิลตัน”(Lewis Hamilton) แชมป์โลก 2 สมัยและแชมป์จากฤดูกาลที่แล้ว(ผู้สร้างสถิติเป็นแชมป์เอฟวันที่อายุน้อยที่สุด)นักแข่งชาวอังกฤษจากทีมเมอร์เซเดส กับ “เซบาสเตียน เวทเทล”(Sebastian Vettel) นักแข่งชาวเยอรมันจากทีมเฟอร์รารี เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย
อย่างไรก็ดีในวันแข่งขันเอฟวันมาเลเซีย 2015 รอบไฟนัลนั้น ในช่วงเที่ยงและบ่ายได้มีการอุ่นเครื่องบิวด์อารมณ์เรียกน้ำย่อยด้วยการแข่งขันรถธรรมดา 2 ช่วงสั้นๆ(9 รอบสนาม/20 นาทีี)ที่ดูแล้วให้อารมณ์คล้าย Fast ในหนังได้ดีทีเดียว
จากนั้นก็มาถึงเวลาสำคัญกับการแข่งขันในรอบไฟนัล โดยก่อนการแข่งขันได้มีรถแห่นักแข่งโชว์ตัว และมีพิธีการแสดงเปิดการแข่งขันแบบกระชับเรียบง่าย เพราะใจของผู้ชมส่วนใหญ่ที่เข้ามาเฝ้ารอในสนามเซปังจนเนืองแน่นนั้นก็มุ่งเป้าไปที่การแข่งขันรอบไฟนัลด้วยกันทั้งนั้น
แล้วเวลาแห่งความมันก็ระเบิดขึ้นในเวลา 15.00 น. -17.00 น. ด้วยการแข่งขันจำนวน 56 รอบสนาม ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า หนึ่งในตัวเต็ง(2)อย่าง “เซบาสเตียน เวทเทล” จากทีมเฟอร์รารี มาเป็นที่หนึ่ง คว้าชัยได้เปิดแชมเปญฉลอง ตามมาด้วยอันดับสองคือ“ลูอิส แฮมิลตัน” จากทีมเมอร์เซเดส และอันดับสาม คือ “นิโก้ รอสเบิร์ก” จากทีมเมอร์เซเดส เช่นเดียวกัน โดยอันดับ 2 และ 3 ทำเวลาช้ากว่าเว็ตเทลประมาณ 8 และ 12 วินาทีตามลำดับ
งานนี้เรียกว่าเวทเทล สามารถดับความอหังการของแฮมิลตันแชมป์สนามที่แล้ว(ออสเตรเลีย)ได้เป็นอย่างดี และก็ทำให้การแข่งขันเอฟวันในปีนี้ทวีความเข้มข้นขึ้น
อย่างไรก็ดีสำหรับผมผู้ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ หากแต่เป็นแฟนห่างๆของการแข่งขันรถเอฟวัน ผลการแข่งขันดูจะไม่สำคัญเท่ากับบรรยากาศในการแข่งขัน(ปานประหนึ่งอารมณ์ร่ำสุราของโกว้เล้ง) เพราะบรรยากาศ สีสันการเชียร์ กับกองเชียร์นับหลายหมื่นคน รวมถึงการขับเคี่ยวประลองความเร็วของนักแข่งระดับโลกนั้นมันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เสียงรถแต่ละคันคำรามเครื่องกระหึ่มก้อง แต่ละคันวิ่งกันด้วยระดับความเร็วแบบสุดติ่ง ชนิดเพียงแค่กะพริบตาหรือสมาธิหลุดไป รถคันที่เราเล็งอยู่ก็วิ่งฉิวผ่านหน้าหายไปเสียแล้ว
นอกจากนี้บรรยากาศของแฟนๆ กองเชียร์ ที่เข้ามาชมกันอย่างคึกคักสนุกสนาน ทั้งกองเชียร์เจ้าบ้านชาวมาเลย์ และกองเชียร์ชาติต่างๆที่นิยมชมชมชอบในความเร็ว ซึ่งแน่นอนว่างานนี้มีแฟนๆนักนิยมความเร็วชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวไทยนำธงไตรรงค์ของเรามาโบกสะบัดร่วมเชียร์รวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง
ขณะที่หลังการแข่งขันนั้น ทางมาเลย์เขาปิดท้ายกันด้วยคอนเสิร์ตของ 2 วง บอยแบนด์และเกิร์ลแบนด์เกาหลีชื่อดัง อย่าง วงไชนี(SHINee) และ เกิลส์เจเนอเรชัน(Girls' Generation) ที่สามารถเรียกเสียงกรี๊ดของแฟนเพลงและติ่งเกาหลีได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีสายฝนพรำลงมา ซึ่งต้องยอมรับว่าเอฟวันมาเลเซียในปีนี้ ไม่ได้เป็นเฉพาะมหกรรมกีฬาแห่งความเร็วเท่านั้น หากแต่มันได้กลายเป็นบิ๊กอีเวนต์ในระดับโลกของมาเลเซียไปแล้ว
สำหรับเมืองไทยที่มีข่าวว่ามีความพยายามที่จะจัดการแข่งขันเอฟวันในบ้านเราอยู่เป็นระยะๆนั้น งานคงต้องติดตามดูและรอลุ้นกันต่อไป
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com