“วันตรุษจีน” มาถึงอีกแล้ว ช่วงนี้ย่านเยาวราชคงกำลังคึกคักกันน่าดู ฉันเองแม้จะเป็นคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็อยากจะมีส่วนร่วมในบรรยากาศวัน ตรุษจีนกับเขาบ้าง ก็เลยจะขออินเทรนด์ด้วยการไปไหว้พระในวัดจีน หรือศาลเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงวันตรุษจีนกะเขาด้วย
วันนี้ฉันจะตระเวนไหว้ศาลเจ้าย่านเยาวราชทั้ง 8 ศาลเจ้าด้วยกัน เหตุผลที่ต้องไหว้แปดแห่งก็เพราะว่าเลขแปด หรือที่อ่านตามภาษาจีนว่า "ฝาด" นั้น หมายถึงความร่ำรวย มั่งคั่ง ก็แบบเดียวกับที่คนไทยชอบเลขเก้าเป็นพิเศษเพราะออกเสียงตรงกับคำว่าก้าวหน้านั่นแล อันศาลเจ้าทั้งแปดแห่งที่ฉันจะไปไหว้นี้
เริ่มต้นกันที่ "วัดมังกรกมลาวาส" หรือชื่อจีนว่า "วัดเล่งเน่ยยี่" วัดจีนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยาวราช ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ตรงกันข้ามกับตลาดเยาวราช วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2414 โดยพระอาจารย์จีนวังสมาธิวัตร (สกเห็ง) เพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธลัทธิมหายาน และต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนชื่อให้เป็นวัด มังกรกมลาวาสในภายหลัง
ภายในวัดเล่งเน่ยยี่นี้มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปสีทองแบบจีน มีวิหารอยู่ด้านหน้า ประดิษฐานรูปท้าวจตุโลกบาลเป็นรูปหล่อเขียนสี แต่งกายแบบนักรบจีน และยังมีรูปปั้นของเทพเจ้าตามความเชื่อในลัทธิเต๋าและเทพเจ้าพื้นเมืองอื่นๆ ของจีน นอกจากนั้นยังมีวิหารอีก 3 หลัง คือวิหารอวโลกิเตศวร ประดิษฐานรูปเจ้าแม่กวนอิม วิหารปฐมบูรพาจารย์ ประดิษฐานรูปเหมือนของพระอาจารย์จีนวังสมาธิวัตร และวิหารสังฆปรินายก ประดิษฐานเซียนหลักโจ้ว ซึ่งเป็นหมู่เทพซึ่งเชื่อกันว่าจะให้ความคุ้มครอง ช่วยในเรื่องสุขภาพ การค้า และความรักได้ด้วย
วัดมังกรฯ นี้มีคนไปไหว้กันเยอะตลอดเวลา ควันธูปลอยฟุ้งไปหมด แต่ช่วงนี้ในวัดอาจจะมีคนที่เกิดในปีขาล ปีวอก ปีมะเส็ง และปีกุล ไปกันมากหน่อย เพราะผู้ที่เกิดในปีที่ว่ามาถือเป็นดวงที่ "ชง" หรือไม่ถูกกับปีวอกลิงปีนี้ ต้องมาสะเดาะเคราะห์ที่วัดมังกรฯ นี้ ดังนั้นถ้าใครกลัวว่าดวงปีนี้จะไม่ดีอยากจะมาไหว้ก็ขอเชิญได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไหว้ไม่เป็นหรือทำตามขั้นตอนไม่ถูก เพราะเขามีคำแนะนำเขียนบอกไว้อย่างละเอียด
จากวัดมังกรฯ ฉันเดินไปในตลาดเยาวราชเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังตรอกเล็กๆ ที่ชื่อว่าตรอกอิสรานุภาพ เพื่อไป ยัง”ศาลเจ้าเล่งบ้วยเอี้ย” ศาลเจ้าที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งในเยาวราช สำหรับประวัติของศาลเจ้านี้บอกไว้ว่า จากหลักฐานที่พบทำให้ทราบว่าศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นก่อน พ.ศ.2201 หรือตรงกับสมัยอยุธยาตอนกลาง ที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีเทพเจ้าเล่งบ้วยเอี้ย เป็นที่เคารพสักการะของชาวจีนทั้งหลาย
ที่นี่ฉันได้เห็นคนเอาผ้าแดงมาผูกไว้บริเวณขาของโต๊ะบูชาไว้จนเต็มไป หมด ด้วยความสงสัยไม่ทราบธรรมเนียมจีนจึงไปสอบถามมาได้ความว่า ผ้าแดงนี้เมื่อเขียนชื่อ-นามสกุล หรือสิ่งที่ต้องการขอ แล้วจึงนำไปผูกไว้เพื่อเป็นการฝากตัวเองหรือญาติมิตรไว้ให้เทพเจ้าเล่งบ้วย เอี้ยคุ้มครองดูแล เป็นการฝากเนื้อฝากตัวว่างั้นเถอะ
จากนั้นเดินทางต่อไปยังตลาดเก่าเยาวราชเพื่อไปไหว้ “ศาลเจ้าพ่อกวนอูและเทพเจ้าม้า” สำหรับเทพเจ้ากวนอูนั้น คนไทยคงรู้จักท่านจากเรื่องสามก๊ก เทพเจ้ากวนอูนั้นเป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรม ปัญญา และสัจจะ ส่วนเทพเจ้าม้านั้นก็มีคนนิยมมาไหว้เพื่อขอให้ท่านช่วยในเรื่องของหน้าที่ การงาน เชื่อว่าจะได้เป็นเจ้าคนนายคนและมีลูกน้องบริวารที่ดี หากมีลูกลูกก็จะเลี้ยงง่าย ไม่ดื้อ และคนที่มาไหว้เทพเจ้าม้านี้ก็จะไหว้ผักสด เช่นผักกาดหรือผักบุ้ง
มาต่อกันที่ศาลเจ้าแห่งที่สี่ ที่ “วัดบำเพ็ญจีนพรต” (ย่ง ฮก ยี่) ซึ่งเป็นวัดที่เล็กที่สุดที่อยู่ในเยาวราช อยู่ในตรอกเต๊า มีพื้นที่เท่าๆ กับตึกแถวเพียงห้องเดียวเท่านั้น วัดแห่งนี้เคยเป็นศาลเจ้าร้างมาก่อน ต่อมาได้มีพระจากเวียดนามมาบูรณะจนกลายเป็นวัดบำเพ็ญจีนพรต และได้รับป้ายนามพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ด้วย
ที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่พระพุทธรูป และพระอรหันต์สิบแปดองค์ที่ทำจากกระดาษ หรือที่เรียกว่า เปเปอร์มาเช่ แต่ดูสวยงามไม่แพ้พระพุทธรูปหล่อ หรือปูนปั้นเลย ปัจจุบันวัดบำเพ็ญจีนพรตมีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ 9 รูปด้วยกัน
หยุดพักเหนื่อยดื่มน้ำท่ากันสักครู่ แล้วไปต่อกันที่ “มูลนิธิเทียนฟ้า” ไม่ไกลจากซุ้มเฉลิมพระเกียรติ มูลนิธิแห่งนี้เป็นมูลนิธิแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงมอบทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ พร้อมตู้เก็บพระไตรปิฎก บทสวดมนต์ 2 ตู้ให้กับมูลนิธิแห่งนี้ และปัจจุบันตู้ก็ยังคงตั้งอยู่ 2 ข้างขององค์เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพร องค์ประธานของศาลเจ้าแห่งนี้อยู่
สำหรับเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้แกะสลักจากไม้เนื้อ หอมแล้วลงรักปิดทอง รูปร่างกำยำล่ำสัน ซึ่งมีประวัติเล่าว่า จริงๆ แล้วท่านเป็นผู้ชาย แต่ไม่สามารถช่วยเหลือสตรีได้ จึงเนรมิตกายเป็นผู้หญิง ผู้ที่มาไหว้มักขอพรให้มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน
เดินทางต่อมายังถนนทรงวาด มี ”ศาลเจ้าเล่าปุนเถ่ากง” ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวจีนแต้จิ๋วอายุ 200 กว่าปี ที่เมื่อมีงานเทศกาลหรืองานสารท ก็จะมีผู้คนจากทั่วสารทิศมากราบไหว้ท่าน เชื่อว่าหากได้สักการะแล้วจะเหมือนมีผู้คอยดูแลทุกข์สุขให้ โดยในอดีตนั้นเรือสำเภาที่มาจากเมืองจีนก่อนจะมาขึ้นที่ท่าเรือตรงนี้จะต้อง จุดประทัดบูชาเทพเจ้าเสียก่อน
จากนั้นไปไหว้ “ศาลเจ้าโจวซือกง” ย่านตลาดน้อย เทพเจ้าองค์สำคัญของชาวจีนฮกเกี้ยน และเป็นเทพแห่งหมอยาด้วย รูปปั้นของเทพเจ้าองค์นี้มีลักษณะที่ผิดแปลกจากรูปปั้นอื่น เพราะมีลักษณะสีดำทั้งองค์ ผู้คนนิยมมาไหว้ท่านเพราะมีความเชื่อกันว่าถ้าได้มาไหว้เทพองค์นี้แล้วจะหาย จากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ก็การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐมิใช่หรือ
และศาลเจ้าแห่งที่แปด ที่สุดท้ายที่จะไปไหว้กันในวันนี้ก็คือ "ศาลเจ้าไต้ฮงกง" ที่อยู่ตรงกันข้ามกับสถานีตำรวจพลับพลาชัย ศาลเจ้าไต้ฮงกงหรือที่รู้จักกันดีในนามของ มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เป็นอีกที่ที่มีผู้คนมาทำบุญสะเดาะเคราะห์และต่อดวงชะตาด้วยการบริจาคซื้อ โลงศพกันมาก แต่ก่อนที่จะไปทำบุญก็ต้องมากราบไหว้เจ้าไต้ฮงกงกันก่อน ซึ่งตามประวัติท่านเป็นนักบวชที่กลายเป็นเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ คอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
เหนื่อยไม่ใช่เล่นเหมือนกันกับการตระเวนเยาวราชเพื่อไหว้ศาลเจ้าทั้ง แปดแห่ง แต่จริงๆ แล้วศาลเจ้าต่างๆ ในย่านเยาวราชยังมีอีกมากมายไม่น้อยกว่า 20 ศาล แต่สำหรับฉันแค่แปดแห่งนี้ก็น่าจะพอสำหรับการต้อนรับเทศกาลตรุษจีน เอาเป็นว่า ขอกล่าวคำว่า "ซินเจียอยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้" ไว้กับคนไทยเชื้อสายจีนทุกคนเลยก็แล้วกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com