โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com) เฟซบุ๊ก Travel-Unlimited-เที่ยวถึงไหนถึงกัน
“ยิ่งสูงยิ่งหนาว”
ประโยคนี้เป็นทั้งสัจธรรมและความจริง
สัจธรรม-เมื่อคนเราดำรงวิถีอยู่ในความสูงของ ลาภ ยศ สรรเสริญ รอบข้างแม้ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แต่จะมีใครเล่าที่จริงใจ ยิ่งมีตำแหน่ง ชื่อเสียง หัวโขนอันสูงส่ง หลายคนกลับอ้างว้างเดียวดาย โดดเดี่ยวกระไรปานนั้น!?!
ความจริง-เมื่อเราไปอยู่บนพื้นที่สูง อากาศย่อมหนาวเย็นกว่าเบื้องล่างเป็นธรรมดา ยิ่งขึ้นไปบนยอดเขาสูงมากขึ้น อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นลงเป็นเงาตามตัว
และนี่ก็เป็นความจริงอีกครั้งหนึ่งที่ผมได้ขึ้นไปสัมผัสกับบรรยากาศยิ่งสูงยิ่งหนาว บนพื้นที่ที่ได้ชื่อว่าสูงสุดในประเทศไทยนั่นก็คือยอด “ดอยอินทนนท์”
1...
ดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เดิมเรียกขานกันว่า “ดอยหลวง” ที่หมายถึงขุนเขาที่มีขนาดใหญ่(หลวง : ภาษาเหนือหมายถึงใหญ่) กับอีกชื่อหนึ่ง คือ “ดอยอ่างกา” เพราะมีเรื่องเล่าขานกันว่า ที่นี่มีแอ่งน้ำจืดที่ฝูงกาจำนวนมากชอบลงไปเล่นน้ำ จึงเป็นที่มาของ “ดอยอ่างกา”
ดอยหลวงในอดีตอยู่ในการดูแลของเจ้าผู้ครองนคร อันเป็นไปตามการปกครองสมัยนั้นที่ป่าไม้ทางภาคเหนือต่างขึ้นอยู่ในอาณัติของเจ้าผู้ครองนคร จนกระทั่งมาถึงในสมัย“พระเจ้าอินทรวิชยานนท์” ผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับป่าไม้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับผืนป่าดอยหลวงที่มีความรักเป็นพิเศษ ถึงขนาดรับสั่งว่า หากสิ้นพระชนม์ไป ขอให้เอาอัฐิส่วนหนึ่งไปบรรจุไว้บนยอดดอยหลวง
ครั้นเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลงจึงมีการนำอัฐิส่วนหนึ่งไปบรรจุไว้บริเวณยอดดอย ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อดอยหลวงเป็น“ดอยอินทนนท์” ในเวลาต่อมา
ดอยอินทนนท์เป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาถนนธงชัย และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย เพราะเทือกเขาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ได้พาดผ่านมายังเนปาล ภูฏาน พม่า และมาสิ้นสุดยังเทือกเขาทางภาคเหนือของบ้านเรา ทำให้ดอยอินทนนท์ถูกยกเป็นดัง “ต้นทางสู่หิมาลัย” หรือ “ประตูสู่หิมาลัย”ที่น่าสนใจยิ่ง
2...
ดอยอินทนนท์ มีระดับความสูง 2,565.3341 เมตร สูงที่สุดในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ในเขตดอยทั้งในและนอกอุทยานฯนั้นมากไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวอันหลากหลาย โดยจุดท่องเที่ยวเด่นๆนั้น มีดังนี้
น้ำตกใหญ่ 3 แห่ง ไล่เรียงจากพื้นล่างทางตีนดอยขึ้นไป เริ่มจาก “น้ำตกแม่ยะ” เป็นน้ำตกสายกว้างใหญ่สวยงามสูงราว 280 เมตร มีสายน้ำขาวโพลนไหลลดหลั่นลงมาตามหน้าผากว้างเป็นชั้นๆร่วม 30 ชั้น เป็นอีกหนึ่งน้ำตกใหญ่อันสวยงามในอันดับต้นๆของเมืองไทย ซึ่งก่อนที่จะมีการค้นพบน้ำตกทีลอซู น้ำตกแม่ยะเคยถูกยกให้เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในเมืองไทยมาก่อน
ถัดขึ้นมาเป็น “น้ำตกแม่กลาง” มีความสูงประมาณ 100 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ให้เล่นน้ำหลายแห่ง โดยบริเวณรอบๆก็ร่มรื่นน่าพักผ่อน ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในเชียงใหม่
ส่วนสูงขึ้นมาอีกจะเป็น “น้ำตกวชิรธาร” ที่มีความสูงประมาณ 100 เมตร มีสายน้ำไหลโจนทะยานขาวฟูฟ่องลงมาจากหน้าผาสู่แอ่งน้ำเบื้องล่างพร้อมๆกับปล่อยละอองไอน้ำฟุ้งกระจาย ในยามที่แสงอาทิตย์สาดส่องจะเกิดเป็นสายรุ้งโค้งงามบนละอองไอน้ำ วันไหนแดดดีจะมีรุ้งบนไอน้ำปรากฏถึง 2 ตัวทีเดียว
นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำตกขนาดกลางที่น่าสนใจอีก 2 แห่ง คือ “น้ำตกสิริภูมิ” อันชุ่มฉ่ำแห่งสถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์ และ“น้ำตกผาดอกเสี้ยว” อันโรแมนติกในเส้นทางเดินเที่ยวชมนาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง โดยน้ำตกแห่งนี้มีอีกหนึ่งชื่อเรียกขานคือ “น้ำตกรักจัง” เพราะถูกใช้เป็นฉากของภาพยนตร์ไทยเรื่อง “รักจัง” ที่มีคู่พระ-คู่นาง อย่าง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ และพอลล่า เทเลอร์ มาใช้สะพานไม้หน้าน้ำตกแห่งนี้จู๋จี๋กัน
ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอื่นๆก็มี “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” ที่มีไฮไลท์อยู่ที่ผาแง่มน้อย จุดชมวิว และดงดอกกุหลาบพันปีที่จะเปิดให้เที่ยวชม(อีกครั้งหลังพักปิดตามฤดูกาล)ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้, “ดอยผาตั้ง” ที่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์เมืองไทยของททท., “ถ้ำบริจินดา” ถ้ำขนาดใหญ่ที่ภายในงดงามไปด้วยหินงอกหินย้อย, “จุดชมวิว” ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่ กม.41 จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่ กม.42
ส่วนใครที่ชอบดูนกดอยอินทนน์ถือเป็นแหล่งดูนกขึ้นชื่อในอันดับต้นๆของเมืองไทย มีนกเฉพาะถิ่นและนกหายากให้เลือกส่องกันมากมาย อาทิ นกปลีกล้วยลาย, นกศิวะหางสีตาล, นกกินปลีหางยาวเขียว, นกกระจิ๊ดคอสีเทา, นกติ๊ดแก้มเหลือง, นกกะรางหัวแดง รวมไปถึงนกหายากอีกหลายชนิด
ในขณะที่พืชพันธุ์ไม้แห่งดอยอินทนนท์นั้นก็น่าสนใจไม่น้อย มีพืชเฉพาะถิ่น พืชพันธุ์หายาก ให้ค้นหากันเพียบ ส่วนที่ถือเป็นดาวเด่นแห่งช่วงหน้าหนาวของทุกปีก็คือดอก“กุหลาบพันปี” ทั้งสีขาวสีแดง และดอก“นางพญาเสือโคร่ง” หรือที่ได้รับฉายาว่า“ซากุระเมืองไทย” ที่จะพร้อมใจกันออกดอกสีชมพูสะพรั่งสวยงาม
ด้านแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น(Man Made) แต่มีความเป็นธรรมชาติสูงก็คือ “บ้านแม่กลางหลวง” หมู่บ้านชาวปกากะญอที่มีแปลงข้าวเป็นทุ่งนาขั้นบันไดอันสวยงาม(แต่ต้องไปให้ถูกฤดูกาล) ที่ถูกใช้เป็นฉากถ่ายหนังและละครหลายเรื่อง อีกทั้งยังมีกาแฟสดรสเด็ดให้จิบกัน
ขณะที่ “สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์” นั้นก็ร่มรื่นโดดเด่นไปด้วยโรงเรือนปลูกพืชผักแบบขั้นบันไดลัดเลาะไปตามเนินเขา อีกทั้งยังมีอาหารอร่อยๆให้เลือกกิน นำโดยเมนูปลาเรนโบว์ เทราต์ อันเลื่องชื่อ
ส่วนเมื่อขึ้นมาใกล้ยอดดอยก็จะพบกับ 2 พระมหาธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่ดอยอินทนนท์ ได้แก่ “พระมหาธาตุนภเมทนีดล” และ “พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ”
พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล กองทัพอากาศสร้างขึ้นถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 8 เหลี่ยม หมายถึงมรรคผล 8 มีความสูง 60 เมตร
ส่วนพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ กองทัพอากาศสร้างถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2535 เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 12 เหลี่ยม แทนความหมายอัจฉริยะธรรม 12 ประการ
พระธาตุทั้ง 2 มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปในท่าประทับยืนดูสบายตาสบายใจ
เดิมการขึ้นไปบนพระธาตุทั้งสองต้องเดินขึ้นบันไดมากขั้นขึ้นไป ทำให้ทางกองทัพอากาศได้จัดทำบันไดเลื่อนเอาไว้อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เดินขึ้นบันไดไม่ไหว ให้ได้ขึ้นไปสักการะพระธาตุทั้งสองได้สะดวกขึ้น
3...
ความที่ดอยอินทนนท์เป็นขุนเขาที่มีจุดที่สูงที่สุดในเมืองไทย ทางอุทยานฯจึงได้ทำป้าย “สูงสุดแดนสยาม” ไปติดตั้งไว้บริเวณยอดดอย ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่ด้วย นับเป็นอีกหนึ่งป้ายยอดฮิตที่มีคนนิยมไปถ่ายรูปคู่ ทั้งถ่ายเดี่ยว เซลฟี่ ถ่ายหมู่ ถ่ายป้าย และแอบถ่ายคนอื่น
ส่วนที่ใกล้ๆกันนั้น หากเดินไปตามทางก็จะพบกับ “สถูปของพระเจ้าอินทรวิชยานนท์” ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่อันร่มรื่นเขียวครึ้ม มีหมุดวัดระดับสูงสุดในสยามปักอยู่ที่ด้านหลัง และมีสะพานไม้สายสั้นๆที่พาเดินผ่านป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม มีต้นไม้ใหญ่ที่ตามลำต้นเต็มไปด้วยมอสเฟินขึ้นปกคลุม ซึ่งนี่ถือเป็นการอุ่นเครื่องสำหรับ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา” ที่เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าอันสวยงามและน่าทึ่งมากของเมืองไทย
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เป็นเส้นทางเดินสบายๆไปตามสะพานไม้ที่สร้างทอดตัวเข้าไปในผืนป่าซึ่งสร้างได้อย่างลงสวยงาม ไม่ประดักประเดิด โดยผู้สร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติสายนี้ก็คือ “ไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์” นักสัตววิทยาชาวแคนาดาที่มาเป็นอาสาสมัครประจำที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และได้ทุ่มเททำงานให้กับพื้นที่ดอยแห่งนี้อย่างมาก ก่อนจะเสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกามีระยะทางประมาณ 300 เมตร เป็นเส้นทางวงรอบ ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง หากถ่ายรูปด้วยก็ราวๆ 1 ชั่วโมง เป็นเส้นทางเดินสบายๆไปบนสะพานไม้ ที่สร้างทอดผ่านไปในผืนป่าอ่างกา ป่าที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติประเภทพรุน้ำจืดที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย
ครั้นเมื่อเดินเข้าไปป่าอ่างกา บรรยากาศในนั้นจะให้อารมณ์แตกต่างไปจากป่าทั่วๆไป เพราะนี่เป็นป่าที่มีความพิเศษเฉพาะตัว อันเนื่องมาจากมีอากาศหนาวเหน็บและมีความชื้นสูง จึงเต็มไปด้วย มอส เฟิน ฝอยลม โดนต้นไม้น้อยใหญ่ล้วนต่างถูกมอสขึ้นปกคลุมแน่นทึบไปหมด(รวมไปถึงราวสะพานทางเดินด้วย) เกิดเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะพิเศษที่หลายๆคนเรียกมันว่า“ต้นไม้ใส่เสื้อผ้า” เพราะมีมอสเป็นเสื้อคลุมสวมดังกำมะหยี่สีเขียวชั้นดี
ขณะที่ตามพื้นดินโขดหินก็มี “ข้าวตอกฤาษี” ที่จัดเป็นมอสไฮโซ เพราะมันเป็นมอสที่เกิดเฉพาะในที่สูงระดับ 1,000 เมตรขึ้นไป ที่สำคัญคือ “ข้าวตอกฤาษีเป็นมอสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย” ซึ่งสามารถพบได้เป็นจำนวนมากในเส้นทางศึกษาธรรมชาติสายนี้
ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะพาผ่านจุดสนใจต่างๆ พร้อมป้ายฐานให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็น ป่าพรุ ข้าวตอกฤาษี การพึ่งพาอาศัยกัน ที่เดินเที่ยวชมกันเพลิน แถมระหว่างทางยังได้ยินเสียงนกร้องเป็นระยะๆ ตามจุดต่างๆ ซึ่งที่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมนกชั้นดี มีนักดูนกเดินทางมาส่องนกกันไม่น้อยทีเดียว
และด้วยลักษณะพิเศษของของผืนป่าอ่างกาที่มีบรรยากาศย้อนยุคน่าตื่นตาตื่นใจ จึงทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น“ป่าโบราณ” หรือบางคนก็เรียก “ป่าดึกดำบรรพ์” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งความน่าทึ่งกึ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติซึ่งหาชมได้ยากมากในเมืองไทย
อย่างไรก็ดีความที่ป่าแห่งนี้อยู่ใกล้กับป้ายสูงสุดแดนสยาม ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกมุ่งเป้าไปถ่ายรูปคู่กับป้ายแต่อย่างเดียว
หลายๆคนเมื่อมาถ่ายรูปกับป้ายสูงสุดแดนสยามแล้วแล้วก็จรลีเดินทางกลับ โดยบ้างไม่ใส่ใจไยดี บ้างละเลยมองข้ามต่อผืนป่าอันชวนทึ่งแห่งนี้ไป นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง แต่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสะท้อนว่า...
คนไทยจำนวนมากนิยมถ่ายรูปคู่กับป้ายมากกว่าถ่ายรูปคู่กับป่า
*****************************************
ดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ใน อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) โดยก่อนถึง อ.จอมทอง ประมาณ 2 กม.จะมีทางเลี้ยวขวาขึ้นดอยอินทนนท์และอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์(ทางหลวงหมายเลข 1009) สอบถามรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 0- 5326- 8550
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
“ยิ่งสูงยิ่งหนาว”
ประโยคนี้เป็นทั้งสัจธรรมและความจริง
สัจธรรม-เมื่อคนเราดำรงวิถีอยู่ในความสูงของ ลาภ ยศ สรรเสริญ รอบข้างแม้ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แต่จะมีใครเล่าที่จริงใจ ยิ่งมีตำแหน่ง ชื่อเสียง หัวโขนอันสูงส่ง หลายคนกลับอ้างว้างเดียวดาย โดดเดี่ยวกระไรปานนั้น!?!
ความจริง-เมื่อเราไปอยู่บนพื้นที่สูง อากาศย่อมหนาวเย็นกว่าเบื้องล่างเป็นธรรมดา ยิ่งขึ้นไปบนยอดเขาสูงมากขึ้น อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นลงเป็นเงาตามตัว
และนี่ก็เป็นความจริงอีกครั้งหนึ่งที่ผมได้ขึ้นไปสัมผัสกับบรรยากาศยิ่งสูงยิ่งหนาว บนพื้นที่ที่ได้ชื่อว่าสูงสุดในประเทศไทยนั่นก็คือยอด “ดอยอินทนนท์”
1...
ดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เดิมเรียกขานกันว่า “ดอยหลวง” ที่หมายถึงขุนเขาที่มีขนาดใหญ่(หลวง : ภาษาเหนือหมายถึงใหญ่) กับอีกชื่อหนึ่ง คือ “ดอยอ่างกา” เพราะมีเรื่องเล่าขานกันว่า ที่นี่มีแอ่งน้ำจืดที่ฝูงกาจำนวนมากชอบลงไปเล่นน้ำ จึงเป็นที่มาของ “ดอยอ่างกา”
ดอยหลวงในอดีตอยู่ในการดูแลของเจ้าผู้ครองนคร อันเป็นไปตามการปกครองสมัยนั้นที่ป่าไม้ทางภาคเหนือต่างขึ้นอยู่ในอาณัติของเจ้าผู้ครองนคร จนกระทั่งมาถึงในสมัย“พระเจ้าอินทรวิชยานนท์” ผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับป่าไม้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับผืนป่าดอยหลวงที่มีความรักเป็นพิเศษ ถึงขนาดรับสั่งว่า หากสิ้นพระชนม์ไป ขอให้เอาอัฐิส่วนหนึ่งไปบรรจุไว้บนยอดดอยหลวง
ครั้นเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลงจึงมีการนำอัฐิส่วนหนึ่งไปบรรจุไว้บริเวณยอดดอย ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อดอยหลวงเป็น“ดอยอินทนนท์” ในเวลาต่อมา
ดอยอินทนนท์เป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาถนนธงชัย และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย เพราะเทือกเขาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ได้พาดผ่านมายังเนปาล ภูฏาน พม่า และมาสิ้นสุดยังเทือกเขาทางภาคเหนือของบ้านเรา ทำให้ดอยอินทนนท์ถูกยกเป็นดัง “ต้นทางสู่หิมาลัย” หรือ “ประตูสู่หิมาลัย”ที่น่าสนใจยิ่ง
2...
ดอยอินทนนท์ มีระดับความสูง 2,565.3341 เมตร สูงที่สุดในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ในเขตดอยทั้งในและนอกอุทยานฯนั้นมากไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวอันหลากหลาย โดยจุดท่องเที่ยวเด่นๆนั้น มีดังนี้
น้ำตกใหญ่ 3 แห่ง ไล่เรียงจากพื้นล่างทางตีนดอยขึ้นไป เริ่มจาก “น้ำตกแม่ยะ” เป็นน้ำตกสายกว้างใหญ่สวยงามสูงราว 280 เมตร มีสายน้ำขาวโพลนไหลลดหลั่นลงมาตามหน้าผากว้างเป็นชั้นๆร่วม 30 ชั้น เป็นอีกหนึ่งน้ำตกใหญ่อันสวยงามในอันดับต้นๆของเมืองไทย ซึ่งก่อนที่จะมีการค้นพบน้ำตกทีลอซู น้ำตกแม่ยะเคยถูกยกให้เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในเมืองไทยมาก่อน
ถัดขึ้นมาเป็น “น้ำตกแม่กลาง” มีความสูงประมาณ 100 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ให้เล่นน้ำหลายแห่ง โดยบริเวณรอบๆก็ร่มรื่นน่าพักผ่อน ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในเชียงใหม่
ส่วนสูงขึ้นมาอีกจะเป็น “น้ำตกวชิรธาร” ที่มีความสูงประมาณ 100 เมตร มีสายน้ำไหลโจนทะยานขาวฟูฟ่องลงมาจากหน้าผาสู่แอ่งน้ำเบื้องล่างพร้อมๆกับปล่อยละอองไอน้ำฟุ้งกระจาย ในยามที่แสงอาทิตย์สาดส่องจะเกิดเป็นสายรุ้งโค้งงามบนละอองไอน้ำ วันไหนแดดดีจะมีรุ้งบนไอน้ำปรากฏถึง 2 ตัวทีเดียว
นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำตกขนาดกลางที่น่าสนใจอีก 2 แห่ง คือ “น้ำตกสิริภูมิ” อันชุ่มฉ่ำแห่งสถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์ และ“น้ำตกผาดอกเสี้ยว” อันโรแมนติกในเส้นทางเดินเที่ยวชมนาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวง โดยน้ำตกแห่งนี้มีอีกหนึ่งชื่อเรียกขานคือ “น้ำตกรักจัง” เพราะถูกใช้เป็นฉากของภาพยนตร์ไทยเรื่อง “รักจัง” ที่มีคู่พระ-คู่นาง อย่าง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ และพอลล่า เทเลอร์ มาใช้สะพานไม้หน้าน้ำตกแห่งนี้จู๋จี๋กัน
ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอื่นๆก็มี “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน” ที่มีไฮไลท์อยู่ที่ผาแง่มน้อย จุดชมวิว และดงดอกกุหลาบพันปีที่จะเปิดให้เที่ยวชม(อีกครั้งหลังพักปิดตามฤดูกาล)ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้, “ดอยผาตั้ง” ที่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์เมืองไทยของททท., “ถ้ำบริจินดา” ถ้ำขนาดใหญ่ที่ภายในงดงามไปด้วยหินงอกหินย้อย, “จุดชมวิว” ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่ กม.41 จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่ กม.42
ส่วนใครที่ชอบดูนกดอยอินทนน์ถือเป็นแหล่งดูนกขึ้นชื่อในอันดับต้นๆของเมืองไทย มีนกเฉพาะถิ่นและนกหายากให้เลือกส่องกันมากมาย อาทิ นกปลีกล้วยลาย, นกศิวะหางสีตาล, นกกินปลีหางยาวเขียว, นกกระจิ๊ดคอสีเทา, นกติ๊ดแก้มเหลือง, นกกะรางหัวแดง รวมไปถึงนกหายากอีกหลายชนิด
ในขณะที่พืชพันธุ์ไม้แห่งดอยอินทนนท์นั้นก็น่าสนใจไม่น้อย มีพืชเฉพาะถิ่น พืชพันธุ์หายาก ให้ค้นหากันเพียบ ส่วนที่ถือเป็นดาวเด่นแห่งช่วงหน้าหนาวของทุกปีก็คือดอก“กุหลาบพันปี” ทั้งสีขาวสีแดง และดอก“นางพญาเสือโคร่ง” หรือที่ได้รับฉายาว่า“ซากุระเมืองไทย” ที่จะพร้อมใจกันออกดอกสีชมพูสะพรั่งสวยงาม
ด้านแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น(Man Made) แต่มีความเป็นธรรมชาติสูงก็คือ “บ้านแม่กลางหลวง” หมู่บ้านชาวปกากะญอที่มีแปลงข้าวเป็นทุ่งนาขั้นบันไดอันสวยงาม(แต่ต้องไปให้ถูกฤดูกาล) ที่ถูกใช้เป็นฉากถ่ายหนังและละครหลายเรื่อง อีกทั้งยังมีกาแฟสดรสเด็ดให้จิบกัน
ขณะที่ “สถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์” นั้นก็ร่มรื่นโดดเด่นไปด้วยโรงเรือนปลูกพืชผักแบบขั้นบันไดลัดเลาะไปตามเนินเขา อีกทั้งยังมีอาหารอร่อยๆให้เลือกกิน นำโดยเมนูปลาเรนโบว์ เทราต์ อันเลื่องชื่อ
ส่วนเมื่อขึ้นมาใกล้ยอดดอยก็จะพบกับ 2 พระมหาธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่ดอยอินทนนท์ ได้แก่ “พระมหาธาตุนภเมทนีดล” และ “พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ”
พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล กองทัพอากาศสร้างขึ้นถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 8 เหลี่ยม หมายถึงมรรคผล 8 มีความสูง 60 เมตร
ส่วนพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ กองทัพอากาศสร้างถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2535 เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 12 เหลี่ยม แทนความหมายอัจฉริยะธรรม 12 ประการ
พระธาตุทั้ง 2 มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปในท่าประทับยืนดูสบายตาสบายใจ
เดิมการขึ้นไปบนพระธาตุทั้งสองต้องเดินขึ้นบันไดมากขั้นขึ้นไป ทำให้ทางกองทัพอากาศได้จัดทำบันไดเลื่อนเอาไว้อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เดินขึ้นบันไดไม่ไหว ให้ได้ขึ้นไปสักการะพระธาตุทั้งสองได้สะดวกขึ้น
3...
ความที่ดอยอินทนนท์เป็นขุนเขาที่มีจุดที่สูงที่สุดในเมืองไทย ทางอุทยานฯจึงได้ทำป้าย “สูงสุดแดนสยาม” ไปติดตั้งไว้บริเวณยอดดอย ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่ด้วย นับเป็นอีกหนึ่งป้ายยอดฮิตที่มีคนนิยมไปถ่ายรูปคู่ ทั้งถ่ายเดี่ยว เซลฟี่ ถ่ายหมู่ ถ่ายป้าย และแอบถ่ายคนอื่น
ส่วนที่ใกล้ๆกันนั้น หากเดินไปตามทางก็จะพบกับ “สถูปของพระเจ้าอินทรวิชยานนท์” ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่อันร่มรื่นเขียวครึ้ม มีหมุดวัดระดับสูงสุดในสยามปักอยู่ที่ด้านหลัง และมีสะพานไม้สายสั้นๆที่พาเดินผ่านป่าอันร่มรื่นเขียวครึ้ม มีต้นไม้ใหญ่ที่ตามลำต้นเต็มไปด้วยมอสเฟินขึ้นปกคลุม ซึ่งนี่ถือเป็นการอุ่นเครื่องสำหรับ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา” ที่เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าอันสวยงามและน่าทึ่งมากของเมืองไทย
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เป็นเส้นทางเดินสบายๆไปตามสะพานไม้ที่สร้างทอดตัวเข้าไปในผืนป่าซึ่งสร้างได้อย่างลงสวยงาม ไม่ประดักประเดิด โดยผู้สร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติสายนี้ก็คือ “ไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์” นักสัตววิทยาชาวแคนาดาที่มาเป็นอาสาสมัครประจำที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และได้ทุ่มเททำงานให้กับพื้นที่ดอยแห่งนี้อย่างมาก ก่อนจะเสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกามีระยะทางประมาณ 300 เมตร เป็นเส้นทางวงรอบ ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง หากถ่ายรูปด้วยก็ราวๆ 1 ชั่วโมง เป็นเส้นทางเดินสบายๆไปบนสะพานไม้ ที่สร้างทอดผ่านไปในผืนป่าอ่างกา ป่าที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติประเภทพรุน้ำจืดที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย
ครั้นเมื่อเดินเข้าไปป่าอ่างกา บรรยากาศในนั้นจะให้อารมณ์แตกต่างไปจากป่าทั่วๆไป เพราะนี่เป็นป่าที่มีความพิเศษเฉพาะตัว อันเนื่องมาจากมีอากาศหนาวเหน็บและมีความชื้นสูง จึงเต็มไปด้วย มอส เฟิน ฝอยลม โดนต้นไม้น้อยใหญ่ล้วนต่างถูกมอสขึ้นปกคลุมแน่นทึบไปหมด(รวมไปถึงราวสะพานทางเดินด้วย) เกิดเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะพิเศษที่หลายๆคนเรียกมันว่า“ต้นไม้ใส่เสื้อผ้า” เพราะมีมอสเป็นเสื้อคลุมสวมดังกำมะหยี่สีเขียวชั้นดี
ขณะที่ตามพื้นดินโขดหินก็มี “ข้าวตอกฤาษี” ที่จัดเป็นมอสไฮโซ เพราะมันเป็นมอสที่เกิดเฉพาะในที่สูงระดับ 1,000 เมตรขึ้นไป ที่สำคัญคือ “ข้าวตอกฤาษีเป็นมอสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย” ซึ่งสามารถพบได้เป็นจำนวนมากในเส้นทางศึกษาธรรมชาติสายนี้
ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะพาผ่านจุดสนใจต่างๆ พร้อมป้ายฐานให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็น ป่าพรุ ข้าวตอกฤาษี การพึ่งพาอาศัยกัน ที่เดินเที่ยวชมกันเพลิน แถมระหว่างทางยังได้ยินเสียงนกร้องเป็นระยะๆ ตามจุดต่างๆ ซึ่งที่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมนกชั้นดี มีนักดูนกเดินทางมาส่องนกกันไม่น้อยทีเดียว
และด้วยลักษณะพิเศษของของผืนป่าอ่างกาที่มีบรรยากาศย้อนยุคน่าตื่นตาตื่นใจ จึงทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น“ป่าโบราณ” หรือบางคนก็เรียก “ป่าดึกดำบรรพ์” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งความน่าทึ่งกึ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติซึ่งหาชมได้ยากมากในเมืองไทย
อย่างไรก็ดีความที่ป่าแห่งนี้อยู่ใกล้กับป้ายสูงสุดแดนสยาม ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกมุ่งเป้าไปถ่ายรูปคู่กับป้ายแต่อย่างเดียว
หลายๆคนเมื่อมาถ่ายรูปกับป้ายสูงสุดแดนสยามแล้วแล้วก็จรลีเดินทางกลับ โดยบ้างไม่ใส่ใจไยดี บ้างละเลยมองข้ามต่อผืนป่าอันชวนทึ่งแห่งนี้ไป นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง แต่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสะท้อนว่า...
คนไทยจำนวนมากนิยมถ่ายรูปคู่กับป้ายมากกว่าถ่ายรูปคู่กับป่า
*****************************************
ดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ใน อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) โดยก่อนถึง อ.จอมทอง ประมาณ 2 กม.จะมีทางเลี้ยวขวาขึ้นดอยอินทนนท์และอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์(ทางหลวงหมายเลข 1009) สอบถามรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 0- 5326- 8550
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com