xs
xsm
sm
md
lg

ตื่นตาโบสถ์ใต้น้ำ อันซีน “วัดบ้านเก่า” สังขละบุรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วัดบ้านเก่า หรือ วัดวังก์วิเวการามเดิมที่จมอยู่ใต้น้ำ
ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่มีนักท่องเที่ยวอยากจะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศที่บริสุทธิ์ และความเป็นธรรมชาติของเมืองแห่งนี้ นอกจากจะเป็นเมืองที่มีป่าเขาและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำซองกาเลียกั้นกลางระหว่างเมืองสังขละบุรีฝั่งไทยและฝั่งมอญ ซึ่งชาวบ้านทั้งสองฝั่งจะข้ามไปมาหาสู่กันด้วย “สะพานมอญ” หรือ “สะพานอุตตมานุสรณ์”
มัคคุเทศก์น้อยพาชมวัดบ้านเก่า
เมืองสังขละบุรี เดิมนั้นตั้งอยู่บนพื้นราบ บริเวณที่เป็นแม่น้ำซองกาเลียที่มองเห็นในปัจจุบัน แต่เมื่อมีการสร้างเขื่อน น้ำก็ท่วมถึงหมู่บ้านต่างๆ ชาวบ้านจึงต้องอพยพขึ้นมาอยู่ด้านบน ทิ้งเมืองสังขละเก่าให้จมอยู่ใต้บาดาล แต่หากเมื่อยามน้ำแล้ง น้ำในแม่น้ำและเขื่อนก็จะลดลงไปเป็นอันมาก จนกระทั่งซากเก่าแก่ของวัดและพื้นที่บางแห่งโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็นอย่างที่เรากำลังจะไปชมกัน

สำหรับซากวัดเก่าที่โผล่พ้นน้ำในยามหน้าแล้งนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของสังขละบุรี และถือเป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ ที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
กุฏิหลังเก่าของหลวงพ่ออุตตมะ ใช้เหล็กจากทางรถไฟมาสร้าง
จากบริเวณสะพานมอญ จะมีร้านค้าหลายร้านที่ให้บริการล่องเรือออกไปชมซากวัดเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำ โดยเรือจะล่องออกมาตามแม่น้ำซองกาเลีย จนมาถึงบริเวณ “สามสบ” หรือ “สามประสบ” อันเป็นจุดรวมของลำน้ำสามสาย คือ ซองกาเลีย รันตี และบิคลี่ ตรงมาอีกนิดก็จะเป็นบริเวณของวัดวังก์วิเวการามเก่า หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดบ้านเก่า”
ด้านหน้าโบสถ์วัดบ้านเก่า
“วัดบ้านเก่า” หรือเมืองบาดาลนี้ เป็นวัดเก่าที่หลวงพ่ออุตตมะสร้างขึ้น ก่อนจะจมอยู่ใต้ผืนน้ำในเขื่อน แต่ก็จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นในช่วงหน้าแล้งของทุกปี (ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ซากที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่ก็คือ พระอุโบสถหลังเก่า กุฏิของหลวงพ่ออุตตมะ และหอระฆัง
ภายในโบสถ์วัดบ้านเก่า ยังพอมองเห็นร่องรอยเดิมๆ อยู่บ้าง
เมื่อเหยียบขึ้นบนผืนดินบริเวณวัดบ้านเก่า จะมีมัคคุเทศก์ชาวมอญตัวน้อยมาแนะนำวัดบ้านเก่าและพาไปชมยังสถานที่ต่างๆ อย่างที่กุฏิเดิมของหลวงพ่ออุตตมะ มัคคุเทศก์น้อยก็ชี้ชวนให้ดูซากเก่าๆ ที่ยังเหลืออยู่ บอกว่าตรงนั้นเอาไว้ใช้ทำอะไร ตรงนี้คืออะไร แต่ที่น่าสนใจก็คือ กุฏิหลังนี้ใช้เหล็กจากทางรถไฟสายมรณะที่ไม่ได้ใช้แล้วมาทำเป็นคานสร้างกุฏิ ซึ่งก็ยังมีหลักฐานให้เห็นได้อย่างชัดเจน เดินมาอีกนิดก็จะเป็นพระอุโบสถหลังเก่าที่ยังมีโครงสร้างบางส่วนให้เห็นอยู่ ภายในมีภาพถ่ายของหลวงพ่ออุตตมะตั้งอยู่ให้ได้สักการะกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น