เป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลกไซเบอร์ หลังจากมีภาพป้ายประกาศจากกรมศุลกากรที่ติดตั้งอยู่บริเวณด่านศุลกากร สนามบินสุวรรณภูมิทั้งขาเข้าและขาออก โดยในประกาศนั้นแจ้งถึงผู้โดยสารและลูกเรือที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมีเนื้อหาว่า
“ของใช้ส่วนตัว หมายถึง ของที่นำมาใช้กับร่างกาย เช่น เสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า โดยมีลักษณะไม่เกินกว่าการใช้เอง มีราคารวมกันไม่เกิน 10,000 บาท โดยต้องไม่มีลักษณะทางการค้า หากของใช้ส่วนตัวนำเข้ามาเกินกว่าการใช้เอง ต้องชำระภาษีโดยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อนการตรวจโดยเครื่อง x-ray มิฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายศุลกากร
เสบียง อาหาร อาหารเสริม และเครื่องสำอาง ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีและต้องมีใบอนุญาตนำเข้า
บุหรี่/ยาสูบ ได้รับการยกเว้น 200 มวน
สุรา/ไวน์ ได้รับการยกเว้น 1 ลิตร
ของฝากญาติ ของได้รับบริจาคมา ของสะสม ของมือสอง ของฝากเจ้านาย ของเอามาใช้เอง กล่องเปล่านาฬิกา หรือกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่ถือว่าเป็นของใช้ส่วนตัว ผู้โดยสารและลูกเรือต้องชำระภาษี โดยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อนการตรวจโดยเครื่อง x-ray มิฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายศุลกากร ของมีราคา เช่น กระเป๋า นาฬิกาแบรนด์เนม หากมีราคาเกิน 10,000 บาท ต้องชำระภาษี”
ทั้งนี้ ทางสำนักงานศุลกากรแจ้งว่า เป็นกฎระเบียบที่มีอยู่แล้ว แต่นำมาติดประกาศเพื่อเตือนผู้โดยสารและลูกเรือ และสำนักงานศุลกากรจะมีการตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมามีการหิ้วสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขายโดยหลีกเลี่ยงภาษีจำนวนมาก
โดยกฎหมายศุลกากรได้กำหนดโทษผู้กระทำผิดฐานลักลอบหนีศุลกากรสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ไว้สูงสุดคือ ให้ริบของที่ลักลอบหนีศุลกากรและปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ รวมค่าภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำและปรับ
ซึ่งภายหลังจากที่แชร์กันทั่วโลกอินเตอร์เน็ต ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และพ่อค้าแม่ค้าที่เกรงว่าอาจจะต้องเสียภาษีเพิ่มเติม
ล่าสุดนี้ นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยการติดป้ายประกาศมีการติดตั้งเพิ่มเติมบริเวณขาเข้ามาได้ประมาณ 3 สัปดาห์ จากเดิมที่ติดป้ายประกาศเฉพาะบริเวณขาออกนอกประเทศเท่านั้น โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นนโยบายของตน แต่เป็นนโยบายของอธิบดีคนเก่า จึงได้สั่งให้ปลดป้ายออกแล้ว เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความกังวล เชื่อว่าการติดป้ายดังกล่าวนั้นเป็นเพียงการให้ความรู้กับประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่มาตรการเข้มงวดที่จะต้องตรวจสอบประชาชนที่เดินทาง แต่ยังคงใช้วิธีสุ่มตรวจตามปกติ
“การติดป้ายดังกล่าว ได้ดำเนินการมาประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว ซึ่งเป็นนโยบายของอธิบดีกรมศุลกากรคนเข้า ส่วนตนในฐานะที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ไม่มีนโยบายดังกล่าว และเรื่องการตรวจจับสินค้านำเข้ามาเพื่อการพาณิชย์ไม่ได้ใช้ส่วนตัว ก็เป็นกฎหมายที่กรมศุลกากรดำเนินการสุ่มตรวจเป็นประจำอยู่แล้ว”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com