xs
xsm
sm
md
lg

สวย ขาว ใส “โบราไกย์” เกาะดีที่สุดในโลกแห่งฟิลิปปินส์/ ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
โบราไกย์เกาะชื่อดังของฟิลิปปินส์ที่ได้รับรางวัลทางการท่องเที่ยวมากมาย
แม้คน“ฟิลิปปินส์”กับ“ไทย”โดยภาพรวมจะมีหน้าตาผิวพรรณละม้ายคล้ายคลึงกันมาก(ชนิดที่บางคนยากจะแยกออกว่าเป็นเป็นไทยหรือฟิลิปปินส์หากไม่ได้พูดจาส่งภาษาออกมา)

แต่ในด้านการรับรู้ของคนไทยส่วนใหญ่ต่อฟิลิปปินส์โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวนั้น คุณ“ศุกฤกษ์ ศูรางกูร” นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ได้บอกว่า “ฟิลิปปินส์เป็น 1 ใน 2 ของชาติในอาเซียน(เช่นเดียวกับบรูไน)ที่คนไทยยังรู้จักเขาน้อยอยู่”

และนั่นจึงทำให้ “สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว”(Thai Travel Agents Association : TTAA ) ได้จับมือกับ “กรมการท่องเที่ยวประเทศฟิลิปปินส์”(Philippines Department of Tourism) จัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างไทย-ฟิลิปปินส์ขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การเปิดโลกเกาะ“โบราไกย์” เพื่อให้เป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น
ปี 2012 โบราไกย์ได้รับรางวัลเกาะที่ดีที่สุดในโลก
สำหรับการทัวร์ฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ ผมกับคณะโชคดีที่ได้ “เรสติจิน จุนเนส วิเวโร”(Restigin Jeunesse F.Vivero) หรือ อาร์.เจ. (R.J.) หนุ่มน้อยชาวฟิลิปปินส์ที่มีเติบโตเรียนหนังสือในเมืองไทย มาช่วยเป็นไกด์คอยให้ข้อมูลซึ่งก็ทำให้เราเข้าใจหลากหลายเรื่องราวในดินแดนตากาล็อกมากยิ่งขึ้น

1...

จากเมืองไทยผมกับคณะ TTAA ออกเดินทางสู่“กรุงมะนิลา” เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ด้วยสายการบิน“เซบู แปซิฟิก”(Cebu Pacific Airlines) สายการบินราคาประหยัดสัญชาติฟิลิปปินส์ที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนตากาล็อก จากนั้นเราเดินทางต่ออีกครั้งด้วยสายการบินเจ้าเดิมสู่เมือง“คาลิโบ”(Kalibo) เมืองท่าสำคัญแห่งเกาะปาไนย์(Panay) เพื่อไปนั่งรถแล้วต่อเรือ“บังก้า”ข้ามไปยังเกาะสู่“โบราไกย์”จุดหมายหลักของเราในทริปนี้
ทะเลสวยใส หาดสะอาดน่าเดิน เป็นจุดเด่นสำคัญแห่งโบราไกย์และกลุ่มเกาะใกล้เคียง
โบราไกย์เป็นชื่อเรียกในภาษาฟิลิปปินส์ ขณะที่หลายๆคนนิยมเรียกชื่อว่า“โบราเคย์”(Boracay) ตามตัวสะกดภาษาอังกฤษ

ชื่อโบราไกย์ในข้อมูลของวิกีพีเดีย ระบุว่า “โบรา”(Bora)เป็นภาษาตากาล็อกแปลว่า “สีขาว” หรือ “นุ่น” โบราไกย์จึงหมายถึง“หาดทรายขาว”หรือ“หาดทรายนุ่น” ขณะที่ข้อมูลตรงจากไกด์ท้องถิ่นที่ให้ผ่าน R.J.นั้น โบราไกย์หมายถึง “เกาะที่มีคลื่นที่สวยงาม” โดยมีตำนานรองรับที่มาของชื่อโบราไกย์ว่า

นานมาแล้วเกาะแห่งนี้ยังไม่มีชื่อเรียกขานอย่างเป็นทางการ กระทั่ง มีคู่รักจากต่างถิ่นคู่หนึ่งเข้ามาอยู่ที่เกาะ และวันหนึ่งในยามน้ำลดพวกเขามองเห็นเกลียวคลื่นที่สวยงามซัดเข้ามายังชายหาด ชายหนุ่มจึงบอกกับหญิงสาวว่า “ที่รักที่นี่มีคลื่นที่สวยงามมาก” ซึ่งในภาษาถิ่นออกเสียงว่า “โบราอังกุสไกย์”(โบรา = คลื่น,อังกูส = สวยงาม, ไกย์ = ที่รัก)

คำกล่าวของชายหนุ่มต่อหญิงสาวคนรักนี้มีชาวเกาะมาได้ยิน จึงหยิบยืมนำไปเรียกเป็นชื่อเกาะ ก่อนที่ต่อมาจะกร่อนเสียง(แบบบ้านเรา)เป็น “โบราไกย์” ดังในปัจจุบัน
นักปั้นทรายตัวน้อยแห่งโบราไกย์
โบราไกย์เริ่มเป็นที่รู้จัก มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวสัมผัสความงามในราวปี ค.ศ.1970 หลังภาพยนตร์เรื่อง “Too late the Hero” ที่มาใช้เกาะโบราไกย์เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำ

จากนั้นเกาะแห่งนี้ก็ได้บ่มเพาะชื่อเสียงมาเรื่อยๆ จนมีฐานะเป็นเกาะท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอันดับต้นๆของฟิลิปปินส์ แต่ทว่ากลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสำหรับคนไทย จนกระทั่งเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาโบราไกย์ได้รับรางวัลจากการโหวตของสำนักท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยเฉพาะการคว้าแชมป์“เกาะที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012” จากนิตยสาร “ทราเวล แอนด์ เลเชอร์”(Travel + Leisure) ซึ่งก็ได้สร้างกระแสให้โบราไกย์เป็นเกาะสุดฮอตที่ความแรงโด่งดังมาถึงเมืองไทย กระตุ้นให้ใครหลายๆคนอยากจะเดินทางข้ามประเทศไปสัมผัสเกาะงามแห่งนี้
หาดลาปุส-ลาปุส ชายหาดส่วนตัวที่มีช่องหินทะลุเป็นเอกลักษณ์
2…

หลังนั่งเรือประมาณ 20 นาที ข้ามจากเกาะปาไนย์สู่เกาะโบราไกย์ สัมผัสแรกที่ชวนตื่นเต้นและสร้างความวี้ดว้ายให้กับหลายคนในคณะก็คือ น้ำทะเลที่นี่สีสวยและใสแจ๋วมาก จะว่ามันใสเหมือนตามเกาะของทะเลอันดามันบ้านเรา มันก็ไม่เหมือนเสียทีเดียวคือมันมีความต่างในรายละเอียดที่ต้องไปเห็น สัมผัส ถึงโทนสีของน้ำทะเล ถึงจะรู้ว่ามันคล้ายแต่ไม่เหมือน นับเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์จากธรรมชาติที่สร้างสีสันความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับเราได้ไม่น้อย

โบราไกย์เป็นเกาะไม่ใหญ่ มีพื้นที่ 1,083 เฮคตาร์ หรือประมาณ 10 ตารางกิโลเมตรกว่าๆ เป็นเกาะที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกระดูกสุนัข มีความยาวประมาณ 7 กม. มีส่วนที่แคบที่สุดราว 1 กม. เกาะโบราไกย์แบ่งเป็น 3 เขตหลัก(ตำบล) คือ มานก มานก(Manoc) , มาลาบัจ(Malabag) และ ยาปั๊ก(Yapak) บนเกาะมีชายหาดกระจายอยู่รอบเกาะในหลายจุดด้วยกัน
สีสันยามราตรี ที่หาดไวท์ บีช แห่งโบราไกย์
บรรยากาศบนเกาะโบราไกย์นั้นดูๆไปก็คล้ายกับเกาะสมุย เกาะเสม็ด ในบ้านเราอยู่ไม่น้อยเลย เพราะนี่เป็นเกาะท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ ที่บนเกาะดูคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวเกาะที่มีอาชีพหลักเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงเป็นที่ตั้งของโรงแรม รีสอร์ท เกสเฮ้าต์ ร้านอาหาร ผับบาร์ ร้านขายของที่ระลึก และสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวมากมาย

สำหรับหาดชื่อดังที่เป็นไฮไลท์สำคัญของเกาะโบราไกย์ก็คือ “ไวท์ บีช” (White Beach) หรือ ถ้าเรียกแบบไทยๆก็คือ“หาดทรายขาว” ที่ว่ากันว่าใครที่มาโบราไกย์แล้วไม่ไปที่ไวท์ บีช ก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึงโบราไกย์โดยสมบูรณ์
ไวท์ บีช หาดยอดนิยมอันดับหนึ่งที่คว้ามาหลายรางวัล
ไวท์ บีช เป็นหาดชื่อดังเคยคว้ารางวัลชายหาดยอดเยี่ยมระดับโลกมาหลายต่อหลายครั้ง หาดแห่งนี้มีหาดทรายขาวละเอียดเดินนุ่มแน่นเท้าทอดยาวไปตลอดแนวราว 4 กม. มีน้ำทะเลสวยใสที่ไล่จากโทนฟ้าอ่อนของน้ำตื้นไปสู่ฟ้าเข้มของทะเลลึก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อได้มาสัมผัสกับไวท์ บีช แล้วต่างก็ตกหลุมรักในหาดทรายขาวแห่งนี้ด้วยกันทั้งนั้น

ในแนวยาว 4 กม.ของไวท์ บีช มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซนด้วยกัน คือ สเตชั่น(Station) 1,2 และ 3 ไล่มาจากด้านเหนือสู่ใต้
สเตชั่น 1 เป็นที่ตั้งของวิลลี่ ร็อก หินศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ริมชายหาด
สเตชั่น 1 มีแนวชายหาดที่กว้างสุด เป็นที่ตั้งของ “วิลลี่ ร็อก”(Willy’s Rock) กองหินที่โผล่ขึ้นมาริมชายหาดซึ่งชาวฟิลิปปินส์เชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธ์ มีการสร้างรูปปั้นพระแม่มารีอยู่บนกองหินนี้เพื่อให้ผู้นับถือสักการะ ที่สเตชั่น 1 โรงแรมรีสอร์ทส่วนใหญ่จะเป็นระดับไฮท์เอ็นที่คุณภาพทั่วไปถือว่าดีที่สุดใน 3 โซน

สเตชั่น 2 นับเป็นโซนแห่งสีสันและความคึกคัก เพราะเป็นย่านการค้า ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร โดยมี “ดีมอลล์”(D’Mall) กับถนนคนเดินเป็นแหล่งช้อปปิ้งสำคัญ ขณะที่ในยามราตรีบริเวณสเตชั่น 2 จะคึกคักไปด้วยร้านอาหาร ผับ บาร์เบียร์ ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวกันตรงริมหาดทราย ให้นักท่องเที่ยวนั่งดื่ม กิน เดินเล่น ช้อปปิ้ง หรือเสพบรรยากาศอื่นๆกันตามใจชอบ โดยในหลายร้านมีการแสดงดนตรีสดๆเล่นตอกย้ำให้เห็นกันว่า คนฟิลิปปินส์นั้นมีดนตรีอยู่ในสายเลือด
หาดไวท์ บีช ยามเย็นคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ก็ยังมีโชว์ควงกระบองไฟ ที่รูปแบบการโชว์ การควง อาจจะคล้ายๆกับทางบ้านเรา แต่ที่ผมเห็นเป็นสีสันต่างออกไปก็คือนักควงกระบองไฟบางคนเป็นสาวหน้าตาน่ารักน่ามองไม่น้อย ส่วนที่พิเศษกว่าก็คือนักควงกระบองไฟจำนวนมากจะเป็นสาวประเภทสอง ที่นอกจากจะมีลีลาการควงกระบองไฟอันสุดสะเด่าแล้ว ลีลาการเล่นหยอกล้อกับลูกค้าผู้ชายก็จัดว่าได้โล่ห์ไม่แพ้กัน

สเตชั่น 3 หน้าหาดจะแคบสุดในบรรดา 3 โซน มีบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ มีการพัฒนาน้อยกว่า 2 สเตชั่น 1 และ 2 แต่ก็เป็นจุดพักสำคัญของเหล่าแบ็กแพ็กเกอร์ เพราะมีที่พักราคาประหยัดให้เลือกกันไม่น้อยเลย
ตะวันลับฟ้าที่หาดไวท์ บีช
ทั้ง 3 โซนของไวท์ บีช ถือเป็นหาดสาธารณะ ที่มีนักท่องเที่ยวมาทำกิจกรรมต่างๆมากมาย ทั้งเล่นน้ำ อาบแดด ดื่มกิน ทำกิจกรรมทางน้ำต่างๆ รวมถึงชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุชมพระอาทิตย์ตกทะเลที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ยามเย็นจะมีคนมาเฝ้ารอชม ถ่ายภาพ พระอาทิตย์กันเพียบ และแน่นอนว่าสาวๆหลายคนต้องไม่พลาดการเซลฟี่ ถ่ายภาพตัวเองกับฉากหลังเป็นท้องทะเลยามพระอาทิตย์ตกด้วย

นับได้ว่า ไวท์ บีชเป็นหาดแห่งสีสันที่นอกจากสีสันความสวยของน้ำทะเล ความละเอียดขาวของชายหาด และความคึกคักจากนักท่องเที่ยว ร้านรวง และกิจกรรมต่างๆแล้ว ไวท์ บีช ยังมีความขาวจากสาวๆเกาหลี ญี่ปุ่น มาช่วยตอกยี่ห้อไวท์ บีช ให้รู้กันว่าที่นี่ขาวจริงๆ ซึ่งก็ทำให้การเดินเล่นบนชายหาดของหนุ่มๆบางคนดูน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น

นอกจากไวท์ บีช หาดยอดนิยมเบอร์หนึ่งแล้ว เกาะโบราไกย์ยังมีหาดน่าสนใจ ชวนให้ไปสัมผัส ได้แก่
ย่านช้อปปิ้ง ถนนคนเดิน ดีมอลล์
หาดบูลาบอก”(Bulabog Beach) หาดอันดับสอง ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะตรงข้ามกับ ไวท์ บีช เป็นหาดที่มีหน้าหาดแคบ และคลื่นแรง จึงเป็นจุดสำคัญสำหรับกิจกรรมทางน้ำต่างๆ อาทิ เจ็ทสกี กระดานโต้คลื่น เรือใบ เซิร์ฟ ร่มร่อน เป็นต้น

"หาดปูก้า" (Puka Beach) ตั้งอยู่ทางด้านเหนือสุดของเกาะ ที่นอกจากจะเป็นหาดที่สงบเงียบเหมาะแก่การพักผ่อนแล้ว ยังมีวิถีของชาวบ้าน ชาวเกาะให้สัมผัส มีเครื่องประดับที่ทำจากหอยปูคา ที่ชาวเกาะเชื่อว่าเป็นเครื่องรางนำโชค ใครพกติดตัวแล้วจะโชคดีมีชัย ขายให้นักท่องเที่ยวอยู่ทั่วไป

หาดลาปุส-ลาปุส” (Lapus-Lapus Beach) เป็นหาดส่วนตัวของโรงแรม Fairways and Bluewater ที่พักระดับ 5 ดาว ที่มีแนวชายหาดที่มีน้ำสวยใส หาดทรายขาวละเอียด ทอดตัวโค้งไปบรรจบกับช่องหินทะลุ หรือ “ลาปุส-ลาปุส” อันเป็นที่มาของชื่อหาด ที่มีลักษณะคล้ายประตูหินทะลุที่เกาะไข่ แห่งอุทยานแห่งชาติตะรุเตา หรือช่องหินทะลุที่ทะเลประจวบฯในบ้านเรา
โบราไกย์กับสีสันสดใสของอาคารบ้านเรือน
3...

จากบนเกาะ เรานั่งเรือบังก้าไปเที่ยวแบบวันเดย์ทริปกันตามจุดน่าสนใจใกล้ๆเกาะโบราไกย์กันบ้าง

บังก้า (Bunga) เป็นเรือที่มีโครงยื่นออกมาเหมือนขาแมงมุม ซึ่งบ้านเราไม่มี แต่นี่เป็นเรือที่นิยมใช้กันทั่วไปในฟิลิปปินส์ เนื่องจากมีคลื่นลมแรง เรือจึงต้องมีขามาคอยช่วยพยุงตัว ช่วยแก้เรื่องโคลงเคลงของเรือ แต่ไม่ช่วยกันคลื่นสาดกระเซ็น นั่นจึงทำให้พวกเราโดนคลื่นซัดสาดเปียกปอนไปตามๆกัน
เรือบังก้า พาหนะหลักในการเดินทางที่โบราไกย์
สำหรับจุดท่องเที่ยวหลักของเราในทริปนี้ มี 2 จุดใหญ่ ใน 2 เกาะ นั่นก็คือการดำน้ำที่ “เกาะจระเข้” กับ “เกาะคริสตัล โคฟ” โดยเราออกจากจุดขึ้นเรือที่ สเตชั่น 1 ในช่วงสายของวัน นั่งเจ้าบังก้าฝ่าคลื่นไปทางเหนือ ระหว่างทางที่ผ่านหาดปูก้า R.J. ชี้ให้ดูเกาะใกล้ๆที่อยู่เยื้องจากหาดไปหน่อย พร้อมกับบอกว่า นั่นคือ “เกาะคาราบาว”(แปลเป็นไทยกคือ เกาะควาย)

บร๊ะ งานนี้ผมหูผึ่งรีบมองตามพร้อมกับสอดส่ายสายตากวาดไปมา เผื่อหวังว่าบางทีอาจจะได้เห็นน้าแอ๊ดที่เกาะแห่งนี้กันบ้างคร้าบ พี่น้องเอ๊ย!!!

ผ่านจากเกาะคาราบาว เจ้าเรือบังก้าแล่นฝ่าคลื่นไปอีกไม่นานก็ถึงเกาะจระเข้ ที่ชื่อของมันทำเอาหลายคนผวา เพราะคิดไปว่าแถวนี้อาจจะมีจระเข้เยอะ จึงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อเกาะ แต่ R.J. เฉลยว่า เขาตั้งชื่อเกาะตามรูปพรรณสัณฐานของเกาะที่มองด้านหนึ่งแล้วเหมือนจระเข้ไม่น้อย
ดำน้ำตื้นดูปะการังที่เกาะจระเข้
เกาะจระเข้เป็นจุดดำน้ำตื้นชั้นดี น้ำสวยใส กระแสคลื่นไม่แรง โลกใต้ทะเลยังมีปะการังที่สมบูรณ์อยู่มากพอดู และก็มีปะการังที่ค่อนข้างหลากหลายทีเดียว แต่ว่าปลาที่นี่ในวันนั้นมีให้ชมกันน้อยไปหน่อย ส่วนที่มีบางอย่างคล้ายบ้านเราก็คือ มีชาวเรือบางคนดำไปเก็บปะการังขึ้นมา ประมาณว่าจะเอาไปประดับ ซึ่งจากการสอบถาม(ผ่าน R.J.) เขาบอกว่าปะการังที่นี่มันมีเยอะแยะ ไม่นานมันก็งอกขึ้นมาใหม่ อาฮ้า!?! เรื่องนี้อย่าทำเป็นเล่นไป เก็บกันไปคนละต้น 2 ต้น หลายๆคน ปะการังก็สูญสิ้นได้ เพราะหลายๆประเทศก็เจอสภาพการณ์แบบนี้กันมาแล้ว

หลังเล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการังที่เกาะจระเข้กันเป็นที่เพลิดเพลิน คณะเรามุ่งหน้าต่อไปยัง “เกาะคริสตัล โคฟ”(Crytal Cove Island) ที่บนเกาะมีลักษณะของโคฟ คือส่วนเว้าริมเกาะน้ำทะเลไหลเข้าถึง หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่าถ้ำคริสตัลหรือถ้ำมรกตก็ได้ เพราะยามน้ำทะเลสะท้อนแสงแดดเมื่อมองจากภายในโคฟที่ต้องมุดลงไป จะเห็นสะท้อนแสงเป็นสีเขียวสวยงามให้อารมณ์ถ้ำมรกตได้ดีทีเดียว
เกาะเมจิก
เกาะคริสตัล โคฟ นอกจากจะมีถ้ำมรกตให้มุดลงไปเที่ยวชมกัน 2 ถ้ำแล้ว บนเกาะยังมีที่พัก สิ่งปลูกสร้าง ที่เป็นจุดแวะพักกินข้าวเที่ยงของทัวร์หลายๆคณะ ขณะที่บนเส้นทางไปถ้ำที่ 2 มีจุดชมวิว มองออกไปเห็นเกาะเล็กๆ ชื่อว่า “เกาะเมจิก”(Magic Island) ที่ก็ถือว่าเป็นเกาะที่มีเวทย์มนต์คอยสะกดให้คนที่ผ่านไปมาต้องยกกล้องถ่ายรูปเกาะนี้กันเป็นจำนวนมาก

4...

ในทริปแม้ผมจะยังเที่ยวเกาะโบราไกย์ได้ไม่ทั่ว แต่จากการได้สัมผัสมนต์เสน่ห์บางส่วนของเกาะแห่งนี้ ก็ต้องถือว่านี่เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีความน่าสนใจมากในอาเซียน ซึ่งหากคนไทยอยากจะมาเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างจากประเทศในกลุ่มอาเซียนก็น่าสนใจไม่น้อย หรือหากใครจะมองว่าโบราไกย์เป็นคู่แข่งทางการท่องเที่ยวของเกาะดังๆในบ้านเราก็สุดแท้แต่จะมอง
กิจกรรมท้าทาย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมมองเกาะโบราไกย์แล้วอดชื่นชมไม่ได้นั่นก็คือ เรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งแม้เกาะโบราไกย์จะมีคนมาเที่ยวกันมาก แต่ในเรื่องการรักษา การจัดการสิ่งแวดล้อม ความสะอาดบนชายหาดนี่ต้องยกนิ้วให้ เพราะโบราไกย์เป็นเกาะที่ขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องความสะอาดของชายหาด

บนเกาะโบราไกย์มีข้อห้ามคือ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนชายหาด ทั้งนี้เพื่อป้องกันคนทิ้งขยะ ทำชายหาดเลอะเทอะ ส่วนถ้าใครทิ้งขยะบนชายหาดแล้วถูกจับได้ เขาปรับกันหนักถึง 1,500 เปโซกันเลยทีเดียว
แล่นใบยามเย็น
สำหรับประเด็นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและความสะอาดนี่ ผมอยากให้เกิดขึ้นกับเกาะ ท้องทะเล และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในบ้านเรามั่งจัง

เพราะนั่นจะเป็นการคืนความสะอาด ความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวหลายๆแห่ง ให้กลับมาอยู่คู่เมืองไทย ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องทำอย่างจริงจัง มันถึงจะเกิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้

****************************************
เกาะโบราไกย์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลาราว 315 กม. ตัวเกาะตั้งอยู่ในจังหวัดอากลัน(Aklan) แห่ง“เกาะปาไนย์”(Panay)

การเดินทางจากกรุงมะนิลาเดินทางด้วยเครื่องบินสู่เมืองคาลิโบ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวสู่เกาะโบราไกย์ จากนั้นนั่งรถยนต์อีกประมาณ 2 ชม. สู่จังหวัดจังหวัดอากลัน เพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าเรือคาติกลัน(Caticlan) เพื่อเดินทางข้ามเกาะประมาณ 15-20 นาที สู่ท่าเรือกักบัน(Cagban)บนเกาะโบราไกย์

เวลาที่ฟิลิปปินส์เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ฟิลิปปินส์ใช้เงินสกุลเปโซ อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 มิ.ย. 54 เงินไทย 100 บาท คิดเป็น 134.82 เปโซ หรือคิดง่ายๆในการจับจ่ายซื้อของ เงิน 100 เปโซ ตกประมาณ 80 บาทไทย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น