เมื่อพูดถึง “จังหวัดเชียงราย” หลายคนจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่สวยงามและโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ซึ่งเป็นความฝันของใครหลายคนที่จะมาสัมผัส ซึ่ง “ตะลอนเที่ยว” นั้นก็ได้มีโอกาสมาเยือนจังหวัดแห่งนี้อยู่หลายครั้ง และในครั้งนี้ก็ได้มีโอกาสกลับมาเยือนจังหวัดเชียงรายอีกครั้ง ด้วยการมาร่วมกิจกรรมสำรวจเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยว ของคณะอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยครั้งนี้จะขอพาเที่ยวในละแวกเขตอำเภอเมืองจังหวัดเชียงรายกัน
เริ่มต้นการเที่ยวครั้งนี้ ด้วยการเดินทางมาสักการะ “พระราชานุสาวรีย์พญามังราย” ตั้งอยู่บริเวณห้าแยกพ่อขุน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนตะลอนเที่ยวเมืองเชียงราย ซึ่งพญามังราย นั้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา และเป็นผู้สร้างจังหวัดเชียงรายแห่งนี้ขึ้นมา โดยตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่เล่าไว้ว่า “พญามังรายทรงเสด็จตามช้างมาทางทิศตะวันออกแล้วเห็นชัยภูมิเหมาะแก่การสร้างเมืองริมฝั่งแม่น้ำกก จึงสร้างเป็นเวียงล้อมรอบดอยจอมทองไว้ในปี พ.ศ. 1805”
ต่อด้วยการมาไหว้พระสวดมนต์ที่ “วัดพระแก้ว” วัดเก่าแก่ของจังหวัดเชียงราย ที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง โดยประวัติวัดพระแก้วนั้น เมื่อครั้งอดีตชื่อว่า “วัดป่าเยี้ยะ” ต่อมาในปี พ.ศ.1977 ได้เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าพระเจดีย์และได้พบ ”พระแก้วมรกต” หลังจากนั้นชาวเมืองเชียงรายจึงได้เรียกชื่อวัดแห่งนี้ว่า “วัดพระแก้ว” จนถึงปัจจุบัน
ภายในวัดเป็นที่ตั้งของพระวิหารทรงเชียงแสน ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐาน “พระเจ้าล้านทอง” พระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิราบยอดพระศกเป็นดอกบัวตูมอยู่ในเปลวเพลิง เป็นพระพุทธรูปในสกุลช่างศิปปาละที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในประเทศไทย
ยังเป็นที่ตั้งของ “หอพระหยก” อาคารทรงล้านนาโบราณที่ประดิษฐาน "พระพุทธรตนากร นวุติวัสสานุสรณ์มงคล" หรือ "พระหยกเชียงราย" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ถูกสร้างขึ้น เนื่องในมหามงคลสมัย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา ในปี พ.ศ. 2534 ซึ่งองค์พระนั้นเป็นหยกจากประเทศแคนาดา และถูกนำมาแกะสลักที่นครปักกิ่ง ประเทศประชาชนจีน พระพุทธรูปหยกองค์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นองค์แทนพระแก้วมรกตองค์จริง ที่ได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ภายในวัดพระแก้วแห่งนี้ ก็ยังมีโบราณสถานที่สำคัญอีกมากมายให้ได้ชม เช่น “พระเจดีย์” พระเจดีย์ฐานรูปแปดเหลี่ยมที่ได้พบพระแก้วมรกตภายใน ,“โฮงหลวงแสงแก้ว” พิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระพุทธรูปสำคัญ เป็นต้น
เสร็จจากการไหว้พระทำบุญ ก็จะขอพามาชม “บ้าน จอมพล ป. พิบูลสงคราม ” หรือ “พิพิธภัณฑ์จังหวัดทหารบกเชียงราย” ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง บ้านหลังนี้นับเป็นบ้านที่สร้างด้วยปูนหลังแรกของจังหวัดเชียงราย เป็นสถาปัตยกรรมสวิสในยุค ค.ศ. 1942 ที่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักรับรองของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเดินทางมาตรวจราชการที่ภาคเหนือและเป็นศูนย์บัญชาการภาคพายัพ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของค่ายเม็งรายและได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมและเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย
บรรยากาศบริเวณรอบบ้านนั้นมีความร่มรื่นและถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ไกลถึง “ดอยโหยด” หรือ “ดอยศาลารอยพระบาท” ภายในค่ายเม็งรายมหาราช ในเขตอำเภอเมือง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรอยพระบาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งพระองค์ได้ประทับรอยพระบาทของพระองค์ ลงบนแผ่นปูนปลาสเตอร์ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ทหารเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 เมื่อคราวเกิดความขัดแย้งแนวคิดทางการเมืองในจังหวัดเชียงราย
สถานที่ท่องเที่ยวถัดมา เราจะไปเที่ยวและชมงานศิลปะกันที่ “บ้านดำ” หรือ “พิพิธภัณฑ์บ้านดำ” ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างงดงาม ด้วยฝีมือของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ โดยถูกใช้เป็นที่จัดแสดงผลงานด้านศิลปะของอาจารย์ถวัลย์ ไว้มากมายหลายชิ้น ทั้งทางด้านภาพเขียน และด้านปฏิมากรรม
พิพิธภัณฑ์บ้านดำเป็นที่ตั้งของกลุ่มบ้านที่เป็นสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบล้านนา ทุกหลังทาด้วยสีดำ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “บ้านดำ” และยังเป็นสีที่ อาจารย์ถวัลย์โปรดปราน ในบ้านแต่ละหลังจะประดับด้วยไม้แกะสลักถูกออกแบบให้มีเอกลักษณ์และศิลปะแบบล้านนา แล้วยังได้ประดับด้วยเขาสัตว์ เช่น เขาควาย เขากวาง ให้ได้ชม อีกบรรยากาศโดยรอบก็ยังร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ หากใครที่ชื่นชอบงานศิลปะแล้วก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายที่น่าสนใจ
“ดอยดินแดง” ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมชมงานศิลปะที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย โดยเป็นที่จัดแสดงผลงานการปั้นเซรามิกของอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเซรามิกชาวเชียงราย
พื้นที่ภายในนั้นเป็นที่ตั้งของบ้านดินที่ได้ถูกตกแต่งและประดับด้วยเซลามิกดูแล้วสวยงามแปลกตา โดยได้มีบ้านดินอยู่หลายหลังด้วย ซึ่งแต่ละหลังก็จะถูกแบ่งเป็นห้องสตูดิโอเก็บรวบรวมผลงาน, ห้องแสดงงานเซรามิกอาร์ต, ห้องแสดงสินค้า, ร้านกาแฟ ให้ผู้ที่มาเยือนได้เพลิดเพลินกับการชมงานเซรามิก และยังสามารถเลือกซื้อเซรามิกที่ถูกใจติดไม้ติดมือกลับบ้านได้อีกด้วย
(คลิกอ่านเรื่องเที่ยว “ดอยดินแดง” ได้ที่ลิงก์นี้)
หลังจากเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมงานศิลปะกันมาแล้ว ตะลอนเที่ยวก็ไม่ลืมที่จะไปชมความงามของธรรมชาติ เพราะจังหวัดเชียงรายนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของป่าเขาและแม่น้ำ ซึ่งก็มีอยู่หลากหลายวิธีในการชื่นชมธรรมชาติให้ได้เลือก
วิธีที่ตะลอนเที่ยวขอแนะนำนั้นคือกิจกรรม “ล่องเรือแม่น้ำกก” โดยเป็นวิธีที่สามารถชมความงดงามของธรรมชาติ ที่พูดได้ว่าครบทุกมุมมอง ซึ่งสามารถที่จะได้เห็นทัศนียภาพได้ทั้งแม่น้ำ ภูเขา ป่าไม้ และยังสัมผัสอากาศบริสุทธิ์และลมเย็นสบายระหว่างเส้นทางการล่องเรือ ซึ่งแม่น้ำกกนั้นมีต้นน้ำอยู่ในบริเวณเทือกเขาชายแดนพม่า ไหลเข้าเขตไทยที่อำเภอแม่อายจังหวัดเชียงใหม่ และไหลผ่านตัวเมืองเชียงรายไปบรรจบกับแม่น้ำโขงที่บ้านสบกก อำเภอเชียงแสน
เส้นทางล่องเรือนั้นจะเริ่มจากสะพานแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นท่าจอดเรือรับจ้างที่มีเรือไว้ให้บริการอยู่หลายลำ ระยะเวลาในการล่องเรือนั้นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ตลอดสองฝากฝั่งของแม่น้ำกกนั้น เราจะได้เห็นทัศนียภาพที่งดงามของป่าเขา และวิถีชีวิตของชาวบ้าน นอกจากนี้ระหว่างทางยังสามารถแวะชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่างๆ เช่น อีก้อ ลีซอ หรือจะแวะบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรเพื่อนั่งช้างชมวิว, วนอุทยานโป่งน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยมชมบ่อและห้องอาบน้ำแร่ได้อีกด้วย
ระหว่างเส้นทางการล่องเรือนั้น ตะลอนเที่ยวได้แวะเที่ยวที่ “บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร” เพื่อที่จะมาเปลี่ยนพาหนะในการชมธรรมชาติของจังหวัดเชียงรายด้วยการนั่งช้าง ที่ชุมชนแห่งนี้เป็นศูนย์กลางชาวเขาในแถบอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นที่ตั้งของบ้านชาวกะเหรี่ยง ชาวเขาเผ่าอาข่าและลาหู่ ซึ่งได้ร่วมกันเปิดเป็นปางช้างไว้บริการนักท่องเที่ยว สำหรับนั่งเพื่อเที่ยวชมธรรมชาติและหมู่บ้านชาวเขา
การนั่งช้างชมวิวทิวทัศน์นั้น นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการเที่ยวชมธรรมชาติของจังหวัดเชียงราย เพราะนอกจากจะได้เห็นทั้งแม่น้ำและขุนเขาแล้ว เราได้ใกล้ชิดกับช้างสัตว์ใหญ่ใจดีที่จะพาเราเดินเที่ยวไปตามแม่น้ำกก ซึ่งสามารถเห็นทัศนียภาพได้อย่างกว้างไกล และระหว่างทางก็จะมีชาวบ้านมายืนขายผัก-ผลไม้สำหรับให้ช้างกิน ซึ่งเราก็ไม่ลืมที่จะซื้อเพื่อให้เป็นรางวัลสำหรับพาหนะยักษ์ใหญ่ใจดีกิน
เสร็จจากภารกิจตะลอนเที่ยวชมความงามธรรมชาติกันแล้ว ก็จะขอปิดท้ายเพื่อไปพักให้หายเหนื่อยกันที่นอกเขตเมือง ซึ่งที่ที่เราจะไปกันนั้นคือ “ไร่ชาฉุยฟง” ที่ตั้งอยู่อำเภอแม่จันและอำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งที่ไร่ชาแห่งนี้เป็นเหล่งปลูกชาของบริษัทฉุยฟง ทัศนียภาพไร่ชาโดยรอบนั้นเป็นไร่ชากว้างใหญ่สุดสายตา ซึ่งมีร้านเครื่องดื่มให้บริการด้วย โดยเราสามารถที่จะนั่งจิบชาพร้อมชมวิวทิวทัศน์ไร่ชาที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดตามสันเขา อีกทั้งหากใครมาได้จังหวะก็จะได้เห็นขั้นตอนการเก็บใบชาอีกด้วย หรือใครที่สนใจผลิตภัณฑ์จากใบชาก็มีให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
เสร็จสิ้นการตะลอนเที่ยวในครั้งนี้ ก็จะขอบอกว่า ในเขตอำเภอเมืองและอำเภออื่นๆ ของจังหวัดเชียงรายนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจอยู่อีกมากมาย หากใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแล้วก็อย่าได้รอช้า เก็บกระเป๋าแล้วออกมาสัมผัสเชียงรายกันเถอะ
****************************************************************************************************************************************
พิพิธภัณฑ์จังหวัดทหารบกเชียงราย (บ้านจอมพล ป. พิบูลสงคราม) : เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ยกเว้นวันหยุด นักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-17.00 น.
พิพิธภัณฑ์บ้านดำ : เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
ดอยดินแดง : เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน (ยกเว้นวันอาทิตย์) เวลา 08.30-16.00 น.
บริการล่องเรือชมแม่น้ำกก : เช่าเรือเหมาลำราคา 800 บาท สามารถนั่งได้ 6 คน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร-นั่งช้างชมธรรมชาติ : ช้าง 1 เชือกนั่งได้ 2 คน นั่งช้างเดินรอบหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร, ลงแม่น้ำกก ครึ่งชั่วโมง ราคา 200 บาท, นั่งช้างเดินรอบหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร, บ้านชาวเขา, ลงแม่น้ำกก 1 ชั่วโมง ราคา 400 บาท
**********************************************************************************
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com