xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยว-กินริมน้ำ ชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง 2 วัดทอง ที่ "คลองสาน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ “ท่าเรือคลองสาน”
“คลองสาน” ย่านเล็กๆ ฝั่งธนบุรี หนึ่งในหลายๆ ย่านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า 100 ปี โดยเมื่อครั้งอดีตย่านแห่งนี้มีฐานะเป็นอำเภอบางลำภูล่าง อยู่ในเขตปกครองของจังหวัดธนบุรี และได้เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบุปผาราม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอคลองสาน ในปี พ.ศ. 2459
ร้านค้ามากมายภายใน “ท่าเรือคลองสานพลาซ่า”
และในปี พ.ศ. 2481 ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรียุบรวมอำเภอและยุบอำเภอลงเป็นกิ่งอำเภอ โดยอำเภอคลองสานได้ถูกลดฐานะลงเป็น กิ่งอำเภอคลองสาน ขึ้นกับอำเภอบางยี่เรือ (พ.ศ. 2482 อำเภอบางยี่เรือได้เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอธนบุรี) ต่อมาในพื้นที่กิ่งอำเภอคลองสาน ได้มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ในปี พ.ศ. 2500 จึงได้มีพระราชกฤษฎีกาตั้ง อำเภอคลองสานขึ้นอีกครั้ง
เสื้อผ้าหนึ่งในหลากหลายสินค้าที่ “ท่าเรือคลองสานพลาซ่า”
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2514 ได้มีประกาศคณะปฏิวัติให้รวมจังหวัดพระนครกับจังหวัดธนบุรี เข้าเป็นจังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรีและมีฐานะเป็นกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2515 แบ่งพื้นที่ออกเป็นเขตและแขวงแทนอำเภอและตำบล อำเภอคลองสานจึงเปลี่ยนฐานะเป็น “เขตคลองสาน” กรุงเทพมหานคร
มีอาหารมากมายหลายชนิดให้ได้เลือกชิม
ปัจจุบันนับได้ว่าย่านแห่งนี้ เป็นย่านที่คึกคักไม่แพ้ย่านอื่นๆ เพราะเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว วัดวาอาราม โรงพยาบาล โดยเฉพาะบริเวณท่าเรือคลองสาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ท่าเรือคลองสานพลาซ่า” แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมของวัยรุ่นและคนวัยทำงาน รวมทั้งผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาในละแวกนั้น โดยเป็นที่ตั้งของร้านค้ามากมายและสินค้าหลากหลายชนิดทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงให้ได้จับจ่ายติดไม้ติดมือกลับบ้าน โดยมีร้านค้าเรียงรายตั้งแต่ริมแม่น้ำมาจนถึงถนนเจริญนคร
ร้านค้าเรียงราย ภายใน “ท่าเรือคลองสานพลาซ่า”
อีกทั้งยังมีร้านอาหารหลากชนิด ทั้งของคาวหวาน ผลไม้ ให้ได้เลือกชิมเลือกซื้อ และด้านในสุดฝั่งแม่น้ำก็ยังเป็นที่ตั้ง “มูลนิธิพุทธคยา” ซึ่งประดิษฐานรูปปั้นหลวงพ่อโต ให้ผู้ที่ผ่านไปมาได้แวะเวียนสักการะกันอีกด้วย

คลิกติดตามเรื่องกิน “ย่านคลองสาน” ได้ที่ลิงค์นี้
“หลวงพ่อโต” ประดิษฐานภายมูลนิธิ พุทธคยา
พระอุโบสถ “วัดทองธรรมชาติวรวิหาร”
ช้อปปิ้งเสร็จแล้วหากใครอยากไหว้พระ ไม่ไกลกันนั้นก็ยังเป็นที่ตั้งของวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา คือ “วัดทองนพคุณ” และ “วัดทองธรรมชาติวรวิหาร” สถานที่สงบเงียบให้ได้แวะเวียนไปไหว้พระทำบุญ ซึ่งภายในพระอุโบสถของทั้งสองวัดนั้นมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามให้ได้ชมกันอีกด้วย
พระพุทธชินชาติ มาศธรรมคุณ
“วัดทองธรรมชาติวรวิหาร” เป็นวัดโบราณที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เมื่อครั้งอดีตเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดทองบน” คู่กับวัดทองนพคุณซึ่งนิยมเรียกกันว่าวัดทองล่าง ในสมัยรัชกาลที่ 1 กรมหลวงนรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพธิ์) หรือพระองค์เจ้าหญิงกุ พระขนิษฐาในรัชกาลที่ 1 และกรมหมื่นนรินทรพิทักษ์ พระภัสดา ได้ทรงร่วมมือกันปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ แต่ยังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ การก่อสร้างก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะกรมหมื่นนรินทรพิทักษ์สิ้นพระชนม์ลง จนมาในสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร เป็นแม่กองสานต่อการปฏิสังขรณ์วัดจนเสร็จสมบูรณ์ และได้พระราชทานชื่อวัดว่า "วัดทองธรรมชาติ"
ภาพจิตกรรมฝาผนัง “เทพชุมนุม” ภายในพระอุโบสถวัดทองธรรมชาติวรวิหาร
พระประธานภายในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันได้พระราชทานนามแก่พระประธานองค์นี้ว่า "พระพุทธชินชาติ มาศธรรมคุณ" และในส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถนั้น เป็นภาพไตรภูมิ และในส่วนฝาผนังตรงข้ามพระประธานเป็นภาพพระพุทธประวัติตอนมารผจญ ส่วนด้านข้างของพระอุโบสถก็เป็นภาพเทพชุมนุมและภาพพุทธประวัติ
ภาพจิตกรรมฝาผนัง “พุทธประวัติตอนมารผจญ” ภายในพระอุโบสถวัดทองธรรมชาติวรวิหาร
พระอุโบสถ “วัดทองนพคุณ”
“วัดทองนพคุณ” วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนปลายเช่นกัน โดยต่อมาพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน) ได้เป็นผู้บูรณะซ่อมแซม และถวายให้เป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ 3 และหลังจากนั้นก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 4
พระพุทธรูปปั้นปางมารวิชัย พระประธานภายในพระอุโบสถ “วัดทองนพคุณ”
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปั้นปางมารวิชัยเป็นองค์พระประธาน และที่ฝาผนังด้านหลังองค์พระประธานนั้น มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ได้วาดเป็นลวดลายพระวิสูตรหรือผ้าม่าน มีเหล่าเทวดาคลี่พระวิสูตรออกมาทั้งด้านซ้ายและขวา นับได้ว่าเป็นภาพฝาผนังที่สวยงามและมีเอกลักษณ์อย่างมาก
ภาพจิตกรรมฝาผนัง “เทวดาคลี่พระวิสูตร” งดงามอย่างมีเอกลักษณ์
บริเวณด้านหน้า “โรงพยาบาลสมเด็จเข้าพระยา” ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่
ในละแวกใกล้เคียงวัดทั้งสอง ก็ได้เป็นที่ตั้งของ “โรงพยาบาลสมเด็จเข้าพระยา” โดยเป็นโรงพยาบาลทางจิตเวชแห่งแรกของเมืองไทย หรือที่คนสมัยก่อนรู้จักกันในชื่อ "บ้านหลังคาแดง" ซึ่งภายในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็เป็นที่ตั้งของ "พิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา" และในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการรักษาทางจิตเวชให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชม
“ศาลพระโพธิสัตว์จตุคามรามเทพ และ บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์”
อีกทั้งภายในพื้นที่ของโรงพยาบาลนั้นร่มรื่นและร่มเย็นด้วยแมกไม้โบราณนานาพันธุ์เช่น ต้นอิน ต้นจัน ซึ่งแต่ละต้นนั้นมีขนาดใหญ่หลายคนโอบ และยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลพระโพธิสัตว์จตุคามรามเทพ และ บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์” ให้ผู้ที่ได้แวะเวียนมาสักการะและขอพร
บรรยากาศภายใน  พิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (แฟ้มภาพ)
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีประวัติอย่างยาวนาน และเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง หากใครที่มีเวลาว่างและกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวกลางกรุงฯ ย่านคลองสานแห่งนี้ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

**********************************************************************************

การเดินทาง : รถโดยสารประจำทางสาย 3, 4, 6, 7, 9, 19, 37, 40, 42, 43, 57, 85, 88, 89, 105, 111, 149 และ ปอ.6, 8, 89, 167

ทางน้ำ : เรือด่วนเจ้าพระยา - ท่าเรือสี่พระยา และต่อเรือข้ามฟาก -ท่าเรือคลองสาน

สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เลขที่ 112 ถ.สมเด็จเจ้าพระยา แขวงคลองสาน กรุงเทพฯ เวลาทำการ09.00-15.00 น. เว้นวันหยุดราชการ การเข้าชมต้องทำจดหมายขออนุญาตกับทางโรงพยาบาลก่อนเข้าชม สอบถามโทร 0-2437-1298, 0-2437-0200 ต่อ 4114,4115

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น