“อัลปาก้า วิว” ร้านนั่งชิลล์ กิน-ดื่ม ชมวิวฟาร์มสัตว์

ทันทีที่ “ตระเวนกิน” เดินเข้ามายังร้านอาหารที่ชื่อว่า “อัลปาก้า วิว ฟาร์ม แอนด์ ควิซีน” (Alpaca View Farm & Cuisine) ที่ตั้งอยู่ตรง ซ.ลาดพร้าว-วังหิน 71 เราก็สัมผัสได้ถึงความโอ่โถงกว้างขวาง และบรรยากาศของร้านที่เหมือนกับว่าเรากำลังหลุดเข้าไปยังฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หรือสวนสัตว์ขนาดย่อมๆ เลยก็ว่าได้

เพราะภายในร้าน “อัลปาก้า วิว” มีการจัดตกแต่งร้านสไตล์คันทรี่ สร้างบรรยากาศเหมือนฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดยมีเจ้าตัวอัลปาก้า ซึ่งเป็นสัตว์ในตระกูลอูฐ ที่มีถิ่นอาศัยอยู่แถบอเมริกาใต้ ชอบอาศัยอยู่ตามภูเขาสูง กินอาหารโดยวิธีเคี้ยวเอื้องคล้ายวัว มีขนเป็นเส้นใยที่สามารถนำมาทำเครื่องนุ่งห่มได้

เจ้าตัวอัลปาก้านี้ ทางร้านได้นำเข้ามาจากอเมริกาใต้ 4 ตัว และก็จัดสรรพื้นที่ให้อัลปาก้าอยู่ ซึ่งทางร้านให้แขกที่มากินอาหารสามารถถ่ายรูปคู่ได้ด้วย และด้วยความที่มีอัลปาก้าถึง 4 ตัวเป็นตัวเด่น จึงได้นำมาตั้งเป็นชื่อร้านด้วยเลย และภายในร้านก็ยังมีสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่เลี้ยงไว้ และมีให้ได้ชม ให้ได้ถ่ายรูปคู่ด้วยอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นแกะ ม้า ลาแคระ นกแก้วมาคอร์ กระต่าย เป็ดแมนดาริน หมูแคระออสเตรเลีย

เรียกว่าได้ว่าภายในพื้นที่ร้านอันกว้างขวาง ทางร้านได้จัดสรรให้มีโต๊ะนั่งแบบเปิดโล่งโปร่งสบายรับลมธรรมชาติเย็นๆ นั่งกินข้าวไปด้วย ได้ดูอัลปาก้าและสัตว์น่ารักๆ ในฟาร์มตัวอื่นๆ อย่างเพลิดเพลินใจ และก็ยังมีโซนสนามเด็กเล่น มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ มากมาย แถมยังมีนักร้องมาคอยเล่นดนตรีขับกล่อมบทเพลงเพราะๆ ให้ฟังทุกวัน เริ่มเล่นตั้งแต่ 18.00-1.30 น.

แต่ถ้าใครชอบนั่งแบบตากแอร์เย็นสบาย ทางร้านก็มีโซนโต๊ะนั่งด้านในห้องกระจกติดแอร์เย็นฉ่ำให้บริการ หรือถ้าใครชื่นชอบการร้องคาราโอเกะก็มีโซนคาราโอเกะฟาร์มอยู่ทางด้านหลังให้ได้เลือกใช้บริการ ได้โชว์เสียงร้องไปด้วยพร้อมกับกินอาหารแบบอิ่มเอมใจ

พอพูดถึงอาหารแล้ว ก็ต้องบอกว่าที่นี่มีอาหารหลากหลาย มีทั้งอาหารไทย จีน ยุโรป เรียกว่านานาชาติก็ว่าได้ ทางร้านได้คัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีความสดสะอาด มาปรุงเป็นเมนูอาหารรสเลิศกว่า 100 รายการ ที่คิดต้นสูตรเฉพาะขึ้นมาโดยเฉพาะ ให้ได้เลือกสั่งมาลองลิ้มกัน และก็ยังจะมีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนสับเปลี่ยนมาอยู่เรื่อยๆ

อย่างในมื้อนี้เราขอแนะนำเมนูจานเด่นที่ชวนลิ้มรสก็มีอยู่หลายเมนู เปิดประเดิมความอร่อยกันด้วยเมนูนี้ ปลาเก๋าหยกลวกจิ้ม (180 บาท) ทางร้านคัดสรรปลาเก๋าหยกสดๆ ที่ดีมีคุณภาพ นำมาแล่เอาแต่เนื้อไปลวกในน้ำที่มีเครื่องเทศสมุนไพร เพื่อดับกลิ่นคาวปลา ลวกจนเนื้อปลาสุกได้ที่ เสิร์ฟมาร้อนๆ พร้อมกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวที่ปรุงรสตามสูตรพิเศษของเชฟ ลองลิ้มปลาเก๋าหยกเนื้อนุ่มแน่น สัมผัสได้ถึงความหวานและสดของเนื้อปลาที่ดี จิ้มกินกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวหอมๆ ออกเค็มนิดๆ

ตามติดมาด้วยจานนี้ กุ้งอร่อยเว้ยเฮ้ย (180 บาท) แค่ชื่อก็กินขาด เป็นกุ้งขาวที่ยัดไส้ด้วยเนื้อกุ้งบดปรุงรส แล้วนำมาห่อกับแผ่นเกี๊ยว นำไปทอดจนเหลืองกรอบ แล้วเสียบไม้เสิร์ฟมา รองจานด้วยเส้นหมี่ขาวทอดกรอบ มี กินแล้วเคี้ยวแผ่นเกี๊ยวกรอบกรุบ เนื้อกุ้งเต็มปากเต็มคำได้รสกลมกล่อม และมีน้ำจิ้มบ๊วยมาให้จิ้มกินเพิ่มรสชาติด้วย

จากนั้นมาชิม ขาหมูเยอรมัน 2 สไตล์ (350 บาท) ทางร้านนำขาหมูที่ผ่านการหมักเครื่องสมุนไพรตามสูตรเฉพาะ แล้วนำไปต้มก่อนที่จะนำมาทอดให้กรอบ แล้วก็แบ่งขาหมูส่วนหนึ่งนำไปผัดกับเครื่องแกงเขียวหวานแบบแห้งๆ กินแล้วขาหมูกรอบนอกนุ่มใน ชุ่มรสชาติเครื่องแกงเขียวหวานรสดี และอีกส่วนหนึ่งก็ทำซอสพริกไทยดำมาราดบนขาหมูที่ทอดกรอบไว้แล้ว กินแล้วสัมผัสได้ถึงขาหมูหนังกรอบเนื้อนุ่มได้รสชาติซอสพริกไทยดำรสกลมกล่อมปาก

ต่อด้วยเมนู หมึกไข่ผัดพริกไทยดำกระทะร้อน (190 บาท) เป็นหมึกกล้วยมีไข่ตัวใหญ่สดๆ นำมาหั่นแล้วคลุกแป้งนิดหน่อย แล้วนำไปผัดกับเครื่องพริกไทยดำ ใส่พริก 3 สี เห็ดหอม หอมใหญ่ แครอท และพริกไทยอ่อน เสิร์ฟมาในกระทะร้อน ส่งกลิ่นพริกไทยดำหอมๆ โชยขึ้นจมูก ส่งชิ้นหมึกไข่เข้าปากเคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มหนึบหนับปากของหมึกที่สด และชุ่มเครื่องพริกไทยดำรสจัดจ้านถึงใจ

ส่งท้ายแนะนำเมนูนี้ ห่อหมกรวมทะเล (180 บาท) ที่จัดเสิร์ฟมาแบบเก๋ไก่อยู่ในกระดาษฟรอยด์ห่อเป็นรูปไก่ ข้างในเป็นห่อหมกที่มีเครื่องอย่าง กุ้ง หมึก หอย เนื้อปลาช่อนทะเล ทุกอย่างนำมาผัดกับพริกแกง ใส่ไข่ และใส่กะทิสด เป็นห่อหมกแบบแห้งๆ ที่ชิมแล้วถูกปากดีราติห่อหมกเข้มข้นถึงเครื่องแกง

ทั้งหมดที่แนะนำมานี้เป็นเมนูจานเด่นที่อยากนำเสนอให้ลองสั่งมาชิมกันดู แต่ถ้าหากว่าแฟนๆ นักกินมากันหลายคน อาจจะไม่พออิ่ม ก็ขอแนะนำว่ายังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่น่าสั่งมากินกันอีก อาทิ กุ้งอัลปาก้าสูตรพิเศษ (250 บาท) เอ็นหอยผัดฉ่ากระทะร้อน (220 บาท) ปลากะพงทอดน้ำปลา (350 บาท) ออส่วนหอยนางรมกระทะร้อน (160 บาท) และอีกสารพัดอาหารรสดี ที่ชวนให้สั่งมากินควบคู่ไปกับการนั่งชมสัตว์น่ารักๆ มากมายที่มีอยู่ในฟาร์มของทางร้าน “อัลปาก้า วิว”

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“อัลปาก้า วิว ฟาร์ม แอนด์ ควิซีน” (Alpaca View Farm & Cuisine) ตั้งอยู่ที่ 11 ซ.ลาดพร้าว-วังหิน 71 ถ.ลาดพร้าว แขวง/เขตลาดพร้าว กทม. การเดินทางถ้ามาจากเสนานิคม ให้ตรงมาจนถึงสี่แยกวังหิน เลี้ยวขวาเข้าถ.ลาดพร้าว-วังหิน และตรงมาจนถึงสี่แยกโลตัสวังหิน เลยโลตัสมาประมาณ 200 ม. จะเห็นซ.ลาดพร้าว-วังหิน 71 และจะเห็นร้านอัลปาก้าอยู่ทางขวามือ ติดริมถนน มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 17.00-02.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร. มาจองโต๊ะก่อน โทร. 08-1884-1443, 08-5332-2255, 0-2931-1191 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/AlpacaView
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
คลิก!! อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยัง ร้าน “อัลปาก้า วิว ฟาร์ม แอนด์ ควิซีน”(Alpaca View Farm & Cuisine)
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com