โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
สัญญาณของฤดูร้อนมาพร้อมกับสีสดใสของดอกไม้พื้นถิ่นที่เบ่งบาน ไม่ว่าจะเป็นดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ เหลืองอินเดีย ตะแบก คูน หรือราชพฤกษ์ และกัลปพฤกษ์ ฯลฯ ซึ่งวันนี้ฉันจะขอพามาชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่กำลังผลิบานเป็นช่วงสุดท้าย ก่อนที่จะร่วงโรยหมดไป
“ชมพูพันธุ์ทิพย์” หรือชื่อเรียกอื่นๆ คือ ตาเบบูยา ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา เป็นไม้ขนาดใหญ่มีดอกสีชมพูอ่อน ชมพูสด และขาว ในบ้านเราจะออกดอกในช่วงกลางถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม โดยใช้ระยะเวลาบานประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่ดอกจะร่วงโรยไป
สำหรับในปีนี้ที่อากาศหนาวเป็นพิเศษ แถมยังหนาวนาน ก็ทำให้ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ออกดอกช้าและไม่ได้ผลิบานพร้อมๆ กันหมดทุกต้น แต่จะค่อยๆ ทยอยบาน ทำให้ในช่วงนี้เรายังได้ชมดอกสีชมพูสวยๆ ใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสน กันแบบเป็นหย่อมๆ โดยฉันได้ไปเก็บภาพมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มี.ค.) แต่ได้ยินว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังมีดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ให้ชมกันอย่างสวยงามอยู่
ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน นั้นมีอายุกว่า 30 ปีแล้ว โดยเริ่มปลูกมาพร้อมๆ กับการจัดตั้งวิทยาเขตกำแพงแสน และสำหรับจุดชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ก็มีหลักๆ 2 แห่ง คือ ที่บริเวณริมถนนวัฒนา เสถียรสวัสดิ์ หรือที่นักศึกษาเรียกกันว่า “ถนนหลังมอ” บริเวณนี้มีการปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ไว้มากกว่า 200 ต้น ตามแนวถนนระยะทางกว่า 2 กม. เมื่อดอกไม้สีชมพูเบ่งบานให้ชมที่นี่จึงมีทั้งนักศึกษาและนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปชมความสวยงามกันเป็นที่คึกคัก
ส่วนจุดชมดอกไม้อีกแห่งหนึ่งคือบริเวณรอบๆ สระน้ำพระพิรุณ ซึ่งปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์กลางสนามหญ้าบนลานกว้าง กลีบดอกสีชมพูที่ร่วงหล่นเต็มสนามหญ้าก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกัน
อย่างที่บอกว่าดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสนในปีนี้จะทยอยบาน แต่ช่วงที่ผลิบานสวยที่สุดก็ไม่น่าจะเกิน 4-5 วันนี้ ฉันจึงขอแนะนำว่าหากใครอยากชมก็ควรมาในวันเสาร์-อาทิตย์นี้น่าจะเหมาะที่สุด
แต่หากมาไม่ทันดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะภายใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสนนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์การเรียนรู้ที่น่าสนใจให้ชมกันอีกมาก เพราะที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เน้นการศึกษาทางด้านเกษตร และมีนโยบายเปิดรั้วมหาวิทยาลัยสู่ชุมชนให้ผู้ที่สนใจไม่ใช่เฉพาะนักศึกษาเท่านั้น แต่ใครก็ตามที่สนใจเกี่ยวกับด้านการเกษตรก็สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้กันได้เต็มที่
อย่างในวันนี้นอกจากฉันจะมาชมดอกไม้แล้ว ก็ยังได้มาชม “อุทยานแมลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนากีฏวิทยาอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง ม.เกษตรศาสตร์ อุทยานแมลงที่นี่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนของ “โดมแมลง” จัดแสดงแมลงในธรรมชาติภายในอาคารรูปโดมพื้นที่ราว 1,000 ตร.ม. สูง 15 ม. ภายในปลูกต้นไม้ดอกไม้ตามระบบนิเวศวิทยาของแมลง ข้างในโดมแมลงนี้ฉันได้เห็นผีเสื้อนับร้อยบินวนอยู่ตามกอดอกไม้ แต่จริงๆ แล้วมีผีเสื้ออยู่ถึง 300-600 ตัว และมีอยู่ 9-10 ชนิด โดยเป็นผีเสื้อเขตร้อนในประเทศไทยเรานี่เอง
อีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนของนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ไม่ไกลกัน จัดอยู่ภายในอาคารชั้นเดียวประกอบด้วยการจัดแสดงแมลงสตัฟฟ์ แมลงหายาก ที่นี่ฉันได้เห็นผีเสื้อสีสันสวยงามแปลกตาหลายตัว รวมถึง “ผีเสื้อภูฏาน” หรือ “สมิงเชียงดาว” ผีเสื้อเฉพาะถิ่นที่พบที่ดอยเชียงดาวเท่านั้น และสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยหลายสิบปีแล้ว นอกจากผีเสื้อแล้วก็ยังมีแมลงอื่นๆ อย่างตั๊กแตนประเภทต่างๆ ด้วง และแมลงอีกหลายชนิดด้วยกัน
ชมแมลงสวยๆ งามๆ กันไปแล้ว มาชมสัตว์ที่อาจจะไม่สวยงาม แต่ก็มีความน่ารักและมีคุณค่าทางเศรษฐกิจอย่าง “เหี้ย” กันบ้าง ที่ “ฟาร์มวารานัส” ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจ ในรั้ว ม.เกษตรฯ กำแพงแสน โดยฟาร์มแห่งนี้เกิดขึ้นเพื่อศึกษาวิจัยการเลี้ยงและใช้ประโยชน์จากตัววารานัส (Varanus salvator) หรือตัวเหี้ย เพื่อผลเชิงเศรษฐกิจ
เรียกเจ้าตัวนี้ว่า “เหี้ย” หลายคนอาจจะบอกว่าฉันไม่สุภาพ แต่คำว่าเหี้ยเป็นคำไทยแท้แต่โบราณ ที่กลายมาเป็นคำด่าทอหยาบคาย แท้จริงแล้วเหี้ยเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน หนังเหี้ยเอาไว้ใช้ทำผลิตภัณฑ์เครื่องหนังต่างๆ ได้สวยงามและมีราคาแพงกว่าหนังจระเข้เสียอีก แต่เนื่องจากการเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจึงต้องมีการศึกษาและวิจัยการเพาะพันธุ์เหี้ยเพื่อการเกษตรฯ นำไปสู่การขอยกเว้นจากการเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเลี้ยงได้เหมือนจระเข้ งูบางชนิด เพื่อสร้างอาชีพทางเลือกใหม่ให้กับเกษตรกรไทยต่อไป
นักท่องเที่ยวที่มาชมฟาร์มวารานัสแห่งนี้จะได้ชมความเป็นอยู่ของบรรดาเหี้ยที่เลี้ยงไว้ โดยฟาร์มได้จัดพื้นที่ให้เป็นเหมือนเกาะกลางน้ำมีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ บนเกาะปลูกต้นไม้และมีสนามหญ้า เพื่อให้เหี้ยได้อยู่อย่างตามธรรมชาติ เราจะได้เห็นเหี้ยประมาณ 80-90 ตัว ในอิริยาบถต่างๆ ทั้งนอนอาบแดดอยู่บนสนามหญ้า ลงไปลอยคออยู่ในน้ำ หรือปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้อย่างสบายใจ
อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสนที่อยากแนะนำก็คือ "คาวบอยแลนด์" ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สาธิตเป็นที่ดูงานที่จัดอบรมให้แก่เกษตรกรเป็นหลัก รวมไปถึงนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจด้วยเช่นเดียวกัน โดยในคาวบอยแลนด์นี้มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ แบ่งเป็นสำนักงานและลานแสดงและประกวดโคเรียกว่า "อารีน่า" ซึ่งเป็นที่ฟังบรรยายเกี่ยวกับโคและชมการแสดงสาธิตการคล้องโค โดยใช้เชือกผูกเงื่อนเป็นห่วงแล้วก็โยนเชือกเพื่อคล้องโค เมื่อคล้องโคได้แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะโชว์การล้มโค เพื่อที่จะตัดเขา ตีตรา ฉีดยา การทำหมันโค เป็นต้น
ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ยังเป็นสถานที่พัฒนาพันธุ์ “โคเนื้อกำแพงแสน” โคเนื้อพันธุ์แรกของไทยซึ่งเป็นวัวลูกผสมระหว่างพันธุ์พื้นเมือง พันธุ์อเมริกันบราห์มัน และพันธุ์ชาร์โรเล่ส์ จนกลายเป็นวัวพันธุ์กำแพงแสนที่เจริญเติบโตดี คุณภาพเนื้อดี กินอร่อย
ถ้าอยากรู้ว่าจะอร่อยจริงหรือไม่นั้น ก็สามารถพิสูจน์กันได้ทันที ที่ร้าน “เท็กซัส สเต็ก” ที่อยู่ใกล้ๆ กับคาวบอยแลนด์นี่เอง ที่ร้านใช้เนื้อโคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน จากฟาร์มของ ม.เกษตรฯ กำแพงแสนมาปรุงเป็นสเต๊กในสไตล์อเมริกัน และนำมาปรับปรุงรสชาติให้เข้ากับลิ้นของคนไทย รับรองได้ในคุณภาพของเนื้อและความอร่อย ซึ่งก็มีสเต๊กให้เลือกหลายจาน ทั้งเชอร์ลอย สเต๊ก ทีโบน สเต๊ก และอีกหลายๆ จานเนื้อ แต่ใครที่ไม่กินเนื้อ ก็มีสเต๊กหมู สเต๊กปลา และพาสต้า รวมถึงอาหารไทยต่างๆ ให้บริการด้วยเช่นกัน
ทีแรกกะจะพามาชมแค่ดอกไม้ แต่กลับเจอแหล่งท่องเที่ยวมากมายในรั้ว ม.เกษตรฯ กำแพงแสน อย่างนี้ไม่มาไม่ได้เสียแล้วล่ะ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“อุทยานแมลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ต้องติดต่อล่วงหน้าก่อนเข้าชม สอบถามรายละเอียดโทร. 0-3428-1066, 0-2942- 8010-9 ต่อ 3903
“ฟาร์มวารานัส” ตั้งอยู่ภายในสถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจ เปิดให้เที่ยวชมได้ทุกวัน เวลาตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไป แต่เวลาที่แนะนำให้มาชมเป็นช่วงเวลา 16.00-18.00 น. (เพราะเป็นช่วงเวลาให้อาหาร) ถ้ามาชมเป็นหมู่คณะและต้องการให้มีผู้นำชมสามารถติดต่อได้ที่ โทร.0-3435-1398
"คาวบอยแลนด์" ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ผู้ที่สนใจอยากเรียนรู้เรื่องโคหรืออยากเที่ยวชมคาวบอยแลนด์ ต้องแจ้งมาก่อนล่วงหน้า โดยมีอัตราค่าบริการในราคาเหมา 1,500 บาท/กลุ่ม (กี่คนก็ได้) ส่วนบริการม้าขี่คิดค่าบริการ 120 บาท/ชม. นอกจากนี้มีรับอบรมการเลี้ยงโคเนื้อ อบรมผสมเทียม และอบรมสุขภาพสัตว์ หากไม่ได้ติดต่อมาล่วงหน้าจะมีกิจกรรมพาไปดูขั้นตอนต่างๆ การเลี้ยงโคเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-3435-2046-7
"เท็กซัส สเต็ก" อยู่ติดกับคาวบอยแลนด์ เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. สามารถจอดรถได้บริเวณลานจอดรถ ทางร้านรับจัดงานเลี้ยง และยินดีรับบัตรเครดิต โทร. 0-3435-5553
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โทร. 0-2942-8010-9, 0-3428-1053-6 หรือที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม (รับผิดชอบพื้นที่สมุทรสงคราม, นครปฐม, สมุทรสาคร) โทร.0- 3475-2847-8
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ได้รู้จัก...แล้วจะรัก “เหี้ย”
ครบวงจรเรื่องโค ที่ "คาวบอยแลนด์"
"เท็กซัส สเต็ก" ทีเด็ดเนื้อโคขุน อร่อยละมุนหลากเมนู
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com
สัญญาณของฤดูร้อนมาพร้อมกับสีสดใสของดอกไม้พื้นถิ่นที่เบ่งบาน ไม่ว่าจะเป็นดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ เหลืองอินเดีย ตะแบก คูน หรือราชพฤกษ์ และกัลปพฤกษ์ ฯลฯ ซึ่งวันนี้ฉันจะขอพามาชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่กำลังผลิบานเป็นช่วงสุดท้าย ก่อนที่จะร่วงโรยหมดไป
“ชมพูพันธุ์ทิพย์” หรือชื่อเรียกอื่นๆ คือ ตาเบบูยา ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา เป็นไม้ขนาดใหญ่มีดอกสีชมพูอ่อน ชมพูสด และขาว ในบ้านเราจะออกดอกในช่วงกลางถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม โดยใช้ระยะเวลาบานประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่ดอกจะร่วงโรยไป
สำหรับในปีนี้ที่อากาศหนาวเป็นพิเศษ แถมยังหนาวนาน ก็ทำให้ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ออกดอกช้าและไม่ได้ผลิบานพร้อมๆ กันหมดทุกต้น แต่จะค่อยๆ ทยอยบาน ทำให้ในช่วงนี้เรายังได้ชมดอกสีชมพูสวยๆ ใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสน กันแบบเป็นหย่อมๆ โดยฉันได้ไปเก็บภาพมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มี.ค.) แต่ได้ยินว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังมีดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ให้ชมกันอย่างสวยงามอยู่
ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน นั้นมีอายุกว่า 30 ปีแล้ว โดยเริ่มปลูกมาพร้อมๆ กับการจัดตั้งวิทยาเขตกำแพงแสน และสำหรับจุดชมดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ก็มีหลักๆ 2 แห่ง คือ ที่บริเวณริมถนนวัฒนา เสถียรสวัสดิ์ หรือที่นักศึกษาเรียกกันว่า “ถนนหลังมอ” บริเวณนี้มีการปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ไว้มากกว่า 200 ต้น ตามแนวถนนระยะทางกว่า 2 กม. เมื่อดอกไม้สีชมพูเบ่งบานให้ชมที่นี่จึงมีทั้งนักศึกษาและนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปชมความสวยงามกันเป็นที่คึกคัก
ส่วนจุดชมดอกไม้อีกแห่งหนึ่งคือบริเวณรอบๆ สระน้ำพระพิรุณ ซึ่งปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์กลางสนามหญ้าบนลานกว้าง กลีบดอกสีชมพูที่ร่วงหล่นเต็มสนามหญ้าก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกัน
อย่างที่บอกว่าดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสนในปีนี้จะทยอยบาน แต่ช่วงที่ผลิบานสวยที่สุดก็ไม่น่าจะเกิน 4-5 วันนี้ ฉันจึงขอแนะนำว่าหากใครอยากชมก็ควรมาในวันเสาร์-อาทิตย์นี้น่าจะเหมาะที่สุด
แต่หากมาไม่ทันดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะภายใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสนนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์การเรียนรู้ที่น่าสนใจให้ชมกันอีกมาก เพราะที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เน้นการศึกษาทางด้านเกษตร และมีนโยบายเปิดรั้วมหาวิทยาลัยสู่ชุมชนให้ผู้ที่สนใจไม่ใช่เฉพาะนักศึกษาเท่านั้น แต่ใครก็ตามที่สนใจเกี่ยวกับด้านการเกษตรก็สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้กันได้เต็มที่
อย่างในวันนี้นอกจากฉันจะมาชมดอกไม้แล้ว ก็ยังได้มาชม “อุทยานแมลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนากีฏวิทยาอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง ม.เกษตรศาสตร์ อุทยานแมลงที่นี่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนของ “โดมแมลง” จัดแสดงแมลงในธรรมชาติภายในอาคารรูปโดมพื้นที่ราว 1,000 ตร.ม. สูง 15 ม. ภายในปลูกต้นไม้ดอกไม้ตามระบบนิเวศวิทยาของแมลง ข้างในโดมแมลงนี้ฉันได้เห็นผีเสื้อนับร้อยบินวนอยู่ตามกอดอกไม้ แต่จริงๆ แล้วมีผีเสื้ออยู่ถึง 300-600 ตัว และมีอยู่ 9-10 ชนิด โดยเป็นผีเสื้อเขตร้อนในประเทศไทยเรานี่เอง
อีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนของนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ไม่ไกลกัน จัดอยู่ภายในอาคารชั้นเดียวประกอบด้วยการจัดแสดงแมลงสตัฟฟ์ แมลงหายาก ที่นี่ฉันได้เห็นผีเสื้อสีสันสวยงามแปลกตาหลายตัว รวมถึง “ผีเสื้อภูฏาน” หรือ “สมิงเชียงดาว” ผีเสื้อเฉพาะถิ่นที่พบที่ดอยเชียงดาวเท่านั้น และสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยหลายสิบปีแล้ว นอกจากผีเสื้อแล้วก็ยังมีแมลงอื่นๆ อย่างตั๊กแตนประเภทต่างๆ ด้วง และแมลงอีกหลายชนิดด้วยกัน
ชมแมลงสวยๆ งามๆ กันไปแล้ว มาชมสัตว์ที่อาจจะไม่สวยงาม แต่ก็มีความน่ารักและมีคุณค่าทางเศรษฐกิจอย่าง “เหี้ย” กันบ้าง ที่ “ฟาร์มวารานัส” ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจ ในรั้ว ม.เกษตรฯ กำแพงแสน โดยฟาร์มแห่งนี้เกิดขึ้นเพื่อศึกษาวิจัยการเลี้ยงและใช้ประโยชน์จากตัววารานัส (Varanus salvator) หรือตัวเหี้ย เพื่อผลเชิงเศรษฐกิจ
เรียกเจ้าตัวนี้ว่า “เหี้ย” หลายคนอาจจะบอกว่าฉันไม่สุภาพ แต่คำว่าเหี้ยเป็นคำไทยแท้แต่โบราณ ที่กลายมาเป็นคำด่าทอหยาบคาย แท้จริงแล้วเหี้ยเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน หนังเหี้ยเอาไว้ใช้ทำผลิตภัณฑ์เครื่องหนังต่างๆ ได้สวยงามและมีราคาแพงกว่าหนังจระเข้เสียอีก แต่เนื่องจากการเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจึงต้องมีการศึกษาและวิจัยการเพาะพันธุ์เหี้ยเพื่อการเกษตรฯ นำไปสู่การขอยกเว้นจากการเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเลี้ยงได้เหมือนจระเข้ งูบางชนิด เพื่อสร้างอาชีพทางเลือกใหม่ให้กับเกษตรกรไทยต่อไป
นักท่องเที่ยวที่มาชมฟาร์มวารานัสแห่งนี้จะได้ชมความเป็นอยู่ของบรรดาเหี้ยที่เลี้ยงไว้ โดยฟาร์มได้จัดพื้นที่ให้เป็นเหมือนเกาะกลางน้ำมีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ บนเกาะปลูกต้นไม้และมีสนามหญ้า เพื่อให้เหี้ยได้อยู่อย่างตามธรรมชาติ เราจะได้เห็นเหี้ยประมาณ 80-90 ตัว ในอิริยาบถต่างๆ ทั้งนอนอาบแดดอยู่บนสนามหญ้า ลงไปลอยคออยู่ในน้ำ หรือปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้อย่างสบายใจ
อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวใน ม.เกษตรฯ กำแพงแสนที่อยากแนะนำก็คือ "คาวบอยแลนด์" ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สาธิตเป็นที่ดูงานที่จัดอบรมให้แก่เกษตรกรเป็นหลัก รวมไปถึงนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจด้วยเช่นเดียวกัน โดยในคาวบอยแลนด์นี้มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ แบ่งเป็นสำนักงานและลานแสดงและประกวดโคเรียกว่า "อารีน่า" ซึ่งเป็นที่ฟังบรรยายเกี่ยวกับโคและชมการแสดงสาธิตการคล้องโค โดยใช้เชือกผูกเงื่อนเป็นห่วงแล้วก็โยนเชือกเพื่อคล้องโค เมื่อคล้องโคได้แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะโชว์การล้มโค เพื่อที่จะตัดเขา ตีตรา ฉีดยา การทำหมันโค เป็นต้น
ที่ ม.เกษตรฯ กำแพงแสน ยังเป็นสถานที่พัฒนาพันธุ์ “โคเนื้อกำแพงแสน” โคเนื้อพันธุ์แรกของไทยซึ่งเป็นวัวลูกผสมระหว่างพันธุ์พื้นเมือง พันธุ์อเมริกันบราห์มัน และพันธุ์ชาร์โรเล่ส์ จนกลายเป็นวัวพันธุ์กำแพงแสนที่เจริญเติบโตดี คุณภาพเนื้อดี กินอร่อย
ถ้าอยากรู้ว่าจะอร่อยจริงหรือไม่นั้น ก็สามารถพิสูจน์กันได้ทันที ที่ร้าน “เท็กซัส สเต็ก” ที่อยู่ใกล้ๆ กับคาวบอยแลนด์นี่เอง ที่ร้านใช้เนื้อโคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน จากฟาร์มของ ม.เกษตรฯ กำแพงแสนมาปรุงเป็นสเต๊กในสไตล์อเมริกัน และนำมาปรับปรุงรสชาติให้เข้ากับลิ้นของคนไทย รับรองได้ในคุณภาพของเนื้อและความอร่อย ซึ่งก็มีสเต๊กให้เลือกหลายจาน ทั้งเชอร์ลอย สเต๊ก ทีโบน สเต๊ก และอีกหลายๆ จานเนื้อ แต่ใครที่ไม่กินเนื้อ ก็มีสเต๊กหมู สเต๊กปลา และพาสต้า รวมถึงอาหารไทยต่างๆ ให้บริการด้วยเช่นกัน
ทีแรกกะจะพามาชมแค่ดอกไม้ แต่กลับเจอแหล่งท่องเที่ยวมากมายในรั้ว ม.เกษตรฯ กำแพงแสน อย่างนี้ไม่มาไม่ได้เสียแล้วล่ะ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“อุทยานแมลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ต้องติดต่อล่วงหน้าก่อนเข้าชม สอบถามรายละเอียดโทร. 0-3428-1066, 0-2942- 8010-9 ต่อ 3903
“ฟาร์มวารานัส” ตั้งอยู่ภายในสถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจ เปิดให้เที่ยวชมได้ทุกวัน เวลาตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไป แต่เวลาที่แนะนำให้มาชมเป็นช่วงเวลา 16.00-18.00 น. (เพราะเป็นช่วงเวลาให้อาหาร) ถ้ามาชมเป็นหมู่คณะและต้องการให้มีผู้นำชมสามารถติดต่อได้ที่ โทร.0-3435-1398
"คาวบอยแลนด์" ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ผู้ที่สนใจอยากเรียนรู้เรื่องโคหรืออยากเที่ยวชมคาวบอยแลนด์ ต้องแจ้งมาก่อนล่วงหน้า โดยมีอัตราค่าบริการในราคาเหมา 1,500 บาท/กลุ่ม (กี่คนก็ได้) ส่วนบริการม้าขี่คิดค่าบริการ 120 บาท/ชม. นอกจากนี้มีรับอบรมการเลี้ยงโคเนื้อ อบรมผสมเทียม และอบรมสุขภาพสัตว์ หากไม่ได้ติดต่อมาล่วงหน้าจะมีกิจกรรมพาไปดูขั้นตอนต่างๆ การเลี้ยงโคเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-3435-2046-7
"เท็กซัส สเต็ก" อยู่ติดกับคาวบอยแลนด์ เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. สามารถจอดรถได้บริเวณลานจอดรถ ทางร้านรับจัดงานเลี้ยง และยินดีรับบัตรเครดิต โทร. 0-3435-5553
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โทร. 0-2942-8010-9, 0-3428-1053-6 หรือที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม (รับผิดชอบพื้นที่สมุทรสงคราม, นครปฐม, สมุทรสาคร) โทร.0- 3475-2847-8
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ได้รู้จัก...แล้วจะรัก “เหี้ย”
ครบวงจรเรื่องโค ที่ "คาวบอยแลนด์"
"เท็กซัส สเต็ก" ทีเด็ดเนื้อโคขุน อร่อยละมุนหลากเมนู
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com