สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ เผยผลตรวจสอบคุณภาพทรายเกาะเสม็ด พบชายหาดอ่าวพร้าวยังมีน้ำมันตกค้างสูงกว่าหาดปกติ 15 เท่า ไม่ชี้ชัดว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่ รอผลตรวจซ้ำเดือน มี.ค. นี้
ดร.สมภพ รุ่งสุภา จากสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยความก้าวหน้าผลงานวิจัยในโครงการสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยาทางทะเล หลังปริมาณน้ำมันดิบจำนวนมากรั่วไหลจากท่อส่งน้ำมันดิบลงสู่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง ในช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว (2556)
ผลจากการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลจาก 13 จุด โดยรอบทั้งจุดเกิดเหตุ บริเวณเกาะเสม็ด ชายฝั่ง และจุดที่ไกลออกไปตามที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ในเดือน ส.ค. และ พ.ย. ที่ผ่านมา พบว่าคุณภาพของน้ำทะเลที่ตรวจวัดได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน หากมองด้วยตาจะไม่พบคราบน้ำมันหลงเหลืออยู่ในพื้นทะเล
ส่วนผลจากการตรวจสอบปริมาณน้ำมันหรือปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน (ศัพท์ทางวิชาการตามมาตรฐานกรมควบคุมมลพิษ) ในน้ำในอ่าวระยอง เกาะเสม็ด ปากน้ำแกลง มีค่าเฉลี่ย 1.20 ไมโครกรัมต่อลิตร อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน มีเพียงบางจุดที่พบสารประกอบน้ำมันเกินค่ามาตรฐานถึง 9.08 ไมโครกรัมต่อลิตร คือด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเสม็ด ระหว่างท่าเรือบ้านเพ และเกาะเสม็ด โดยปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนที่พบคาดว่ามาจากน้ำมันที่รั่วไหลจากเรือขนส่งข้ามเกาะ
แต่สำหรับผลการตรวจสอบที่อ่าวพร้าว พบปริมาณปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนในตะกอนดินบริเวณชายฝั่งทะเลและชายหาด มีน้ำมันที่ยังคงตกค้างอยู่ที่ผิวหน้าทรายและในผิวทราย ในปริมาณมากกว่าหาดทรายปกติ (อ่าวหวาย) ถึง 15 เท่า
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานการตรวจสอบคราบน้ำมันในผิวดิน นักวิจัยจึงไม่สามารถตอบได้ว่า ค่าดังกล่าวเกินกว่ามาตรฐานหรือไม่ จึงไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่าจะเป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศวิทยาและประชาชนหรือไม่ และเพื่อเป็นการยืนยันจึงได้มีการเก็บตัวอย่างซ้ำจุดเดิมอีกครั้งในเดือน พ.ย.56 หลังเกิดปัญหา 5 เดือน เพื่อตรวจยืนยันว่าปริมาณปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนในตะกอนดินที่จุดเดิมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่เนื่องจากขั้นตอนการวิเคราะห์ซับซ้อนและต้องใช้เวลานาน จึงคาดว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดภายในปลายเดือน มี.ค. 57
“จนถึงวันนี้ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่มากระทบ ทั้งคราบน้ำมันที่มีอยู่เดิม และคราบน้ำมันที่รั่วไหลในปริมาณน้อยแต่ต่อเนื่อง แม้จะยังพบสัตว์หน้าดินอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าไม่เหมือนเดิม ซึ่งจะต้องติดตามต่อไปในระยะยาว” ดร.สมภพกล่าว
ดร.สมภพกล่าวว่า แนวทางการกำจัดคราบน้ำมันในหาดทรายวันนี้ จำเป็นต้องบำบัดซ้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูให้กลับคืนสู่ภาวะปกติให้ได้มากที่สุด โดยสิ่งที่นักวิจัยกำลังศึกษาก็เพื่อยืนยันว่ายังมีคราบน้ำมันหลงเหลืออยู่หรือไม่ น้ำมันสลายตัวได้จริงหรือเปล่า ตลอดจนการเปลี่ยนแปลง และผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งในระยะยาว
“เกาะเสม็ดในวันนี้ ยังคงต้องการการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะยาวต้องป้องกัน ณ จุดเกิดเหตุ และจุดที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ตลอดจนฝึกซ้อมเจ้าหน้าที่ และนำมาตรการป้องกันที่มีอยู่มาใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์จริง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้นับเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับประเทศไทย” ดร.สมภพกล่าว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com