เกาะเสม็ดเตรียมเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้ได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. นี้ หลังทส.ตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ได้มาตรฐาน พร้อมกันนี้ ทส.ยัน ไม่จำเป็นต้องฟ้องค่าชดเชยน้ำมันรั่วเกาะเสม็ดจาก PTTGC เพราะแสดงความรับผิดชอบ จึงไม่รู้จะฟ้องร้องเพื่ออะไร
นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันดิบรั่วกลางทะเล จ.ระยอง ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออ่าวพร้าว อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด ทำให้ต้องปิดพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าวเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ รวมถึงตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลในบริเวณโดยรอบไม่ให้เป็นอันตราย โดยในวันนี้ผลจากการติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อม พบว่าทุกอ่าวรอบเกาะเสม็ดอยู่ในเกณฑ์ได้มาตรฐาน มีค่าจีพีเอสต่ำกว่า 1 ไมโครกรัมต่อลิตร ค่าปรอทต่ำกว่า 0.1 ไมโครกรัมต่อลิตร มีการฟื้นตัวของปะการัง และสัตว์น้ำบริเวณชายหาด
ดังนั้น กระทรวงฯ จึงเห็นสมควรเปิดบริการนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้ได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนติดตามและประเมินผลต่อเนื่องอีก 1 ปี ถึงผลกระทบของน้ำมันต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง 7 ด้าน ทั้งด้านสมุทรศาสตร์ แนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล หิน หาดทราย ป่าชายเลน สัตว์ทะเลหายาก และมลพิษ เพื่อให้พื้นที่โดยรอบกลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ทส.จะไม่ฟ้องร้องเอาผิดหรือเรียกค่าชดเชยกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล กรณีเป็นผู้ก่อเหตุน้ำมันดิบรั่วบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง เนื่องจากตามหลักกฎหมายของ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ได้ระบุว่า ผู้ใดที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ผู้นั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่กรณีของ พีทีทีซีจี ทส.ยังไม่ได้ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าชดเชย บริษัทก็แสดงความรับผิดชอบแล้ว จึงไม่รู้จะฟ้องร้องเพื่ออะไร
ทั้งนี้ บริเวณชายหาดและหินตลอดแนวชายหาด ปะการังมีการฟื้นตัวดีขึ้น พบหอยเม่นทะเลจิ๋วใต้ทะเล และหอย ปูลม ปลาตัวเล็ก กลับมาอาศัยบริเวณชายหาด หาดหินด้วย ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางธรรมชาติกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว จึงเห็นควรที่จะเปิดอ่าวพร้าวให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
นายกัญจน์ ปทุมราช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและบำรุงรักษา บริษัท พีทีที กล่าวว่า การจ่ายค่าชดเชยให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหล ได้ทยอยจ่ายเงินชดเชยเกินร้อยละ 50 จากที่ลงทะเบียนไว้ รวมเป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายชดเชยรายละ 3 หมื่นบาท