อากาศเย็นทั่วทุกภาคของประเทศในช่วงนี้ค่อยทำให้หน้าหนาวของปีนี้สดใสสมเป็นฤดูหนาวจริงๆ แต่หากใครอยากไปสัมผัสความเย็นยะเยือกแบบสะใจ แถมยังได้ชมธรรมชาติและทิวทัศน์อันงดงามของภาคเหนือ ต้องตาม “ตะลอนเที่ยว” ออกเดินทางไปสู่จังหวัด “แม่ฮ่องสอน” ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองสามหมอก” ที่ไม่ว่าจะฤดูไหนก็จะมีหมอกให้เห็นไม่ขาดซึ่งเป็นเสน่ห์ของที่นี่และมาครั้งใดก็ไม่เคยผิดหวังเลยทีเดียว
ในทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” ขอไปไหว้พระเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่จะไปเที่ยวให้ทั่วแม่ฮ่องสอน ซึ่งวัดที่สำคัญในเมืองแม่ฮ่องสอนที่ใครไปใครมาต้องแวะเวียนมากราบไหว้นั่นก็คือ “วัดพระธาตุดอยกองมู” วัดคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญและถือเป็นวัดพระธาตุวัดแรกใน จ.แม่ฮ่องสอน เดิมชื่อ “วัดปลายดอย” ตั้งอยู่บนยอดดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ภายในวัดประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ คือ พระเจดีย์องค์ใหญ่ เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ส่วนพระธาตุองค์เล็กสร้างโดยพระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก
ส่วนวิหารวัดพระธาตุดอยกองมูสร้างขึ้นพร้อมกับพระธาตุเจดีย์องใหญ่ ตกแต่งด้วยโลหะฉลุลวดลายตามแบบศิลปะไทใหญ่ โดยผู้ที่มาสักการะจะนำชุดบูชาธาตุทั้ง 4 ที่จะมีดอกไม้วางอยู่บนแผ่นไม้ที่เปรียบเป็นดังสะพานไม้ที่ทำให้ก้าวต่อไปได้ รวมทั้งยังมีกิ่งไม้มัดรวมกันไว้ซึ้งแสดงถึงการค้ำจุน ซึ่งนำไปบูชาพระธาตุ เพื่อความเป็นมงคล นอกจากนี้ที่ “วัดพระธาตุดอยกองมู” แห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย
ไหว้พระกันไปแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวในเมืองแม่ฮ่องสอน นั่นก็คือ “สะพานซูตองเป้” สะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่บ้านกุงไม้สัก อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน “ซูตองเป้” มาจากภาษาไทยใหญ่ แปลว่า อธิษฐานสำเร็จ โดยสะพานไม้ไผ่ที่มีความยาวถึง 500 เมตรนี้เกิดจากแรงกายแรงใจของพระปลัดจิตตพัฒน์ อัคคปัญโญ และชาวบ้านกุงไม้สักที่ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุจากสวนธรรมภูสมะและชาวบ้านสัญจรไปมาข้ามแม่น้ำแม่สะงาและทุ่งนาได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
แต่บางตำนานเล่าถึงที่มาของการสร้างสะพานว่า มีคู่รักคู่หนึ่งซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ ทั้งสองจึงหาทางเพื่อที่จะได้มาพบกันโดยฝ่ายชายสร้างสะพานไม้ไผ่ข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อไปหาคนรัก นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า ซูตองเป้ ซึ่งก็คือสะพานสู่ความสำเร็จนั่นเอง โดยตำนานนี้ได้รับการสนับสนุนตรงที่มีรูปตากับยายคู่หนึ่งอยู่ตรงทางไปสู่สะพานด้วย
ที่ “สะพานซูตองเป้” แห่งนี้ยามเช้าจะมีพระสงฆ์เดินข้ามสะพานมาบิณฑบาตเป็นแนวยาว ซึ่งเป็นภาพที่งดงามมาก และถ้ามาที่นี่ตอนหน้าฝนจะพบกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ที่มีทั้งทุ่งนาเขียวชอุ่ม แม่น้ำไหลผ่าน นอกจากที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติและถ่ายรูปสวยๆ ที่สะพานไม้แล้วยังสามารถทำบุญตักบาตรได้อีกด้วย
จากจุดนี้ “ตะลอนเที่ยว” ขอเดินทางต่อไปที่ “ปางอุ๋ง” แต่ก่อนที่จะถึงปางอุ๋งนั้น เราได้แวะชมบรรยากาศของชุมชนจีนยูนนานหรือจีนฮ่อชุดเดียวกับกองพล 93 (ก๊กมินตั๋ง) ที่อพยพมาอยู่เมืองไทยเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ “บ้านรักไทย” ซึ่งที่นี่มีทัศนียภาพที่สวยงาม มีอ่างเก็บน้ำอยู่ตรงกลางหมู่บ้าน ล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างบ้านแบบจีน คือเป็นบ้านดิน หลังคามุงด้วยใบตองตึง ข้อดีของมันในยามหนาวคือข้างในบ้านจะอุ่นมาก แต่ถ้ายามร้อนข้างในจะเย็นสบาย ซึ่งนับว่าสถาปัตยกรรมสไตล์จีนนี้เป็นเสน่ห์ของที่นี่เลยที่เดียว นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอาหารจีนยูนนานที่ ขอเน้นว่าต้องมากินให้ได้ นั่นคือ หมูพันปีที่ทานคู่กับผักกาดดองสูตรยูนนาน และที่นี่ยังมีสินค้าจากประเทศจีนมากมายให้ได้เลือกซื้อ
และก็มาถึงไฮไลท์ของ “ตะลอนเที่ยว” นั่นก็คือ “ปางอุ๋ง” หรือ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” ที่ตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในเนื่องจากอดีตมีปัญหาการบุกรุกพื้นที่และตัดไม้ทำลายป่าในบริเวณป่าเหนืออ่างเก็บน้ำห้วยปางตอง และฝายปางอุ๋ง จนทำให้สภาพป่านั้นไม่สามารถที่จะฟื้นตัวได้เองตามธรรมชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีจึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้มีการฟื้นฟูป่าบริเวณเหนืออ่างเก็บน้ำห้วยปางตองและฝายปางอุ๋ง ให้กลับสู่สภาพเดิม จึงได้มีการจัดโครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ซึ่งนับเป็นเวลา 28 ปีแล้ว ที่โครงการแห่งนี้ได้เปลี่ยนจากป่าเสื่อมโทรมมากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม มีทัศนียภาพที่เป็นเอกลักษณ์ และมีอากาศที่เย็นตลอดทั้งปี
ที่ปางอุ๋งนี้นี่มีทิวทัศน์และธรรมชาติที่งดงาม โดยมีจุดเด่นเป็นป่าสนสองใบและสนสามใบที่สูงโปร่ง กับฉากของอ่างเก็บน้ำที่จะมีหงส์สีขาวและหงส์สีดำว่ายเล่นน้ำ และมีสายหมอกปกคลุมในยามเช้าเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับผิวน้ำ สะท้อนไปยังกิ่งก้านของทิวสน ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพสวยๆเก็บไว้ทันที เมื่อยามที่อากาศไร้แสงแดดก็จะมีคนนั่งแพชมธรรมชาติรอบๆอ่างเก็บน้ำ
ด้วยบรรยากาศที่โรแมนติกของที่นี่ทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะต้องทิ้งสมอปักหมุด กางเต็นท์กันที่นี่ โดยที่นี่มีสถานที่กางเต็นท์กว่า 100 หลัง แต่สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยชื่นชอบการนอนกลางดินกินกลางทรายเท่าไรนักก็มีโฮมสเตย์ของหมู่บ้านรวมไทยซึ่งอยู่ใกล้กับทางเข้าไปยังปางอุ๋งให้ได้เลือกพักโดยมีราคาเริ่มต้นที่ราว 400 บาท นอกจากนี้ในหมู่บ้านก็ยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกันติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
แน่นอนว่าอากาศที่แม่ฮ่องสอนและปางอุ๋งนั้นหนาวเหน็บ แต่ถึงอย่างไร “ตะลอนเที่ยว” ก็สุขใจที่ได้มารับลมหนาว และได้ท่องเที่ยวในสถานที่สวยงามอย่างนี้ จนอยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวที่ “แม่ฮ่องสอน” นี้ด้วยกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร 0 5361 2982-3, 0 5361 2984
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com