“กลุ่มติดตามน้ำมัน ปตท.รั่ว” เตรียมลงพื้นที่ระยอง 30 ก.ย. ชวนชาวบ้านร่วมโชว์ผลกระทบวิกฤตน้ำมันรั่ว หลังรัฐไร้คำตอบตั้งกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบ ขณะที่นายกสมาคมประมงพื้นบ้านจี้ ปตท.แสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้
ผ่านไปแล้ว 2 เดือนสำหรับเหตุการณ์น้ำมัน ปตท.รั่วที่ทะเลระยอง แม้ว่าจะมีการรณรงค์เรียกร้องจากประชาชนหลายหมื่นคนผ่าน Change.org ให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบกรณีน้ำมัน ปตท.รั่ว เพื่อหาผู้รับผิดชอบ แต่รัฐบาลกลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ขณะที่ความเดือดร้อนที่แสนสาหัสของชาวบ้านทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากสารเคมีที่เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ
นายบุญปลอด สรเกิด อายุ 45 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า ก่อนเหตุน้ำมันรั่วจะมีรายได้เฉลี่ยอย่างน้อย 60,000 บาทต่อเดือน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีรายได้เข้ามาเลย เพราะไม่มีปลา เมื่อสัปดาห์ที่แล้วออกเรือได้ 3 วัน ได้ปลาหมึกแค่ 12 กิโลกรัม กับปลาอินทรีย์อีก 1 ตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้อย่างน้อยต้องได้วันละ 20-30 กิโลกรัม สภาพแบบนี้ทำให้รู้สึกท้อแท้มาก เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทะเลจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ขณะที่นายสันต์ เข็มจรูญ อายุ 49 ปี อาชีพประมงพื้นบ้าน สะท้อนความรู้สึกแบบเดียวกันว่า หลังจากวิกฤตน้ำมันรั่ว ทำให้เสียโอกาสในการทำประมงอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถหาปลาได้เหมือนเดิม และอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบมาให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบจากสารเคมี เพราะตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าปลาที่จับได้มีการปนเปื้อนหรือไม่ ทำให้รู้สึกลำบากใจ กลัวว่าปลาที่จับมาได้จะมีอันตรายต่อผู้บริโภค และไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงอยากให้มีการแก้ไขโดยเร่งด่วนก่อนที่จะสายไปกว่านี้
นางสาวสุภาภรณ์ มาลัยลอย ตัวแทนกลุ่มติดตามน้ำมัน ปตท.รั่ว กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก แต่รัฐบาลยังไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้ยื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 32,000 คนที่ลงชื่อผ่าน Change.org สนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลยังคงเมินเฉย ซึ่งแสดงถึงความไม่จริงใจของรัฐบาลในการแก้ปัญหา ยืนยันว่าทางกลุ่มฯ จะเดินหน้ากดดันให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้จนถึงที่สุด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มีความชัดเจน และมีมาตรการควบคุมตรวจสอบไม่ให้เหตุนี้เกิดซ้ำอีกในอนาคต
ทั้งนี้ทางกลุ่มติดตามน้ำมัน ปตท.รั่ว จะลงพื้นที่ระยองในวันที่ 30 ก.ย. เพื่อร่วมกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อจัดงาน “ วิกฤตน้ำมันรั่ว : 2 เดือนผ่านไป การฟื้นฟูเสม็ดสำเร็จแล้วจริงหรือ” โดยชาวบ้านจะจัดกิจกรรมทำความสะอาดทะเล ด้วยการเก็บก้อนน้ำมันทาร์บอล กระดองหมึกและซากสัตว์น้ำ เพื่อแสดงถึงผลกระทบของเหตุการณ์น้ำมันรั่วว่ายังคงมีอยู่ รวมถึงมีเวทีสาธารณะโดยประชาชนในพื้นที่และนักวิชาการเพื่อพูดคุยปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
ด้าน นายจตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้าน จ.ระยอง กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้เพื่อจะบอกความจริงให้กับสังคมรู้ว่า สภาพเหตุการณ์จริงที่ระยองยังไม่ปกติเหมือนในโฆษณาที่ ปตท.กำลังป่าวประกาศอยู่ในตอนนี้ เพราะความจริงมันยังตรงกันข้าม โดยเฉพาะเรื่องสัตว์น้ำที่ ปตท. บอกว่าไม่มีผลกระทบ แต่ทำไมหมึกกระดองตายเป็นแสนๆตัว จนชาวประมงไม่สามารถหาปลาได้ เต่าตนุซึ่งเป็นสัตว์อนุรักษ์ตายไปกว่า 10 ตัว และยังมีก้อนน้ำมันลอยมาที่ชายหาดอยู่เรื่อยๆ เห็นได้ชัดเจนว่าผลกระทบยังมีอยู่ ไม่ได้เป็นเหมือนในโฆษณาชวนเชื่อของ ปตท.
“ดังนั้นอยากให้ ปตท. มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่การโฆษณาชวนเชื่อ เพราะฉะนั้นต้องมีการตรวจสอบผลกระทบ ถ้ายังไม่แน่ใจอย่าเพิ่งให้นักท่องเที่ยวมา เพราะหากนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่ แล้วกินอาหารที่มีการปนเปื้อน หรือกลับไปแล้วป่วยเป็นโรคมะเร็ง ใครจะรับผิดชอบ พวกเราเป็นชาวประมงได้รับผลกระทบและเจ็บปวดที่หาปลาไม่ได้ แต่เราก็ไม่สบายใจ ถ้าปลาที่เราหาได้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เราถึงเรียกร้องให้มีการค้นหาความจริง มันแปลว่าพวกเรามีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่า ปตท. หรือเปล่า” นายจตุรัสกล่าว
นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า ขอเรียกร้องว่าต้องมีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบความจริง เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เพราะทุกวันนี้เราไม่รู้เลยว่าน้ำมันรั่วไหลเท่าไหร่กันแน่ เพราะ ปตท. ทำลายหลักฐานด้วยการไม่อายัดเรือไว้ตรวจสอบ อีกทั้งเราไม่รู้เลยว่ามีการใช้สารซิลิคอน NSA ไปเท่าใด แต่ยืนยันว่าสารพวกนี้เป็นอันตราย เพราะในคู่มือการใช้ระบุเลยว่า สารเหล่านี้มีผลกระทบต่อสัตว์น้ำโดยเฉพาะปลาหมึก และแพลงตอน แต่ ปตท. กลับบอกว่าไม่มีผลกระทบ ซึ่งเป็นความจริง เพราะมันเป็นสารเคมีไม่ใช่สารอินทรีย์ และน้ำมันก็มีโลหะหนัก มีปรอท ที่สามารถก่อโรคมะเร็ง แล้วจะบอกว่าไม่ผลกระทบได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่มีการวิจัยรองรับ
ขณะที่นายวันชัย สุนานันท์ พ่อค้าส้มตำริมหาดแม่รำพึง กล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วสามารถขายอาหารได้วันละ 1,000 - 2,000 บาท หากเป็นช่วงวันหยุดจะได้มากกว่าวันละ 3,000- 4,000 บาท แต่หลังเหตุการณ์น้ำมันรั่วก็ไม่สามารถขายของได้เหมือนเดิม เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว เหลือรายได้แค่อาทิตย์ละ 500- 1000 บาท มิหนำซ้ำผ่านไปแล้ว 2 เดือนทางครอบครัวก็ยังไม่ได้รับค่าชดเชยจาก ปตท. ซึ่งเขาจ่ายเท่ากับค่าแรงงานขั้นต่ำวันละ 300 บาท เป็นเวลา 1 เดือน คือ 9,000 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรม เพราะความเสียหายจริงมันมากกว่านั้น เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะชาวบ้านกลายเป็นเหยื่อและได้รับความเดือดร้อนโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
ด้าน นางจิรภัทร รัตนปัญญา เจ้าของสินสมุทรบริการท่องเที่ยวครบวงจร กล่าวว่า หลังเหตุการณ์น้ำมันรั่วทำให้ระยองกลายเป็นจังหวัดร้าง เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ผลกระทบที่เกิดขึ้น มันเหมือนโดมิโน ถ้าธุรกิจท่องเที่ยวล้มไปตัวหนึ่ง อาชีพอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบทั่วกันหมด ไม่ว่าจะเป็นชาวประมง คนขายของริมชายหาด แม่ค้าในตลาด คนขับรถตู้ ทีื่เชื่อมกันหมดเพราะเรามีรายได้จากนักท่องเที่ยว ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากไหน ไปถึงเขาจะให้พบหรือเปล่า และเขามักง่ายหรือเปล่าที่ทำให้เราเดือดร้อนแบบนี้