โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
แม้มนุษย์โล้นห่มเหลืองหลายคน(ในหลายรุ่น) จะเข้ามาใช้พระพุทธศาสนา หลอกลวงผู้หลงเชื่อทำมาหารับประทาน เสวยสุข จนเกิดความสั่นคลอนเสื่อมทรุดเกิดวิกฤตศรัทธาแก่ศาสนาพุทธในเมืองไทย
แต่กระนั้นตัวผมก็ยังคงไม่เสื่อมศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้เมื่อมีเพื่อนมาชวนไปร่วมทัวร์บุญไหว้พระ 9 วัด ที่จัดโดย“บ้านลีลาไทย” ที่พักบรรยากาศสงบใกล้กรุง แห่ง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสงคราม ผมจึงตอบตกลงไปแบบมีลีลา
เส้นทางไหว้พระทริปนี้ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เป็นเส้นทางที่ถือว่าใหม่(สำหรับผม) เพราะเป็นการล่องเรือไหว้พระริมแม่น้ำท่าจีนเสียค่อนวัน ก่อนไปขึ้นฝั่งที่ จ.สมุทรสาคร แล้วนั่งรถไหว้พระวัดที่เหลือกันต่อในวันรุ่งขึ้น
จากกรุงเทพฯเราเดินทางไปเปิดประเดิมบุญกันที่ “วัดไร่ขิง” อ.สามพราน จ.นครปฐม ที่มี “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” เป็นพระพุทธรูปชื่อดังมากของเมืองไทย มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่าน 2-3 ตำนาน แต่จากข้อมูลของทางวัดระบุว่า ท่านเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปกลุ่ม “พุทธปัญจภาคีวารีปาฏิหาริย์” หรือกลุ่ม“พระ 5 พี่น้อง” ที่ลอยน้ำมาจากภาคเหนือ แล้วไปขึ้นตามที่ต่างๆ ได้แก่ หลวงพ่อโสธร(ฉะเชิงเทรา),หลวงพ่อวัดไร่ขิง(นครปฐม), หลวงพ่อโต(สมุทรปราการ),หลวงพ่อบ้านแหลม(สมุทรสงคราม) และ หลวงพ่อทอง(หลวงพ่อวัดเขาตะเครา เพชรบุรี) ที่ภายในวัดมี 5 พระพี่น้ององค์จำลองประดิษฐานไว้ให้สักการะที่บริเวณริมท่าน้ำ
ด้วยชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดไร่ขิง ทำให้แต่ละวันมีชาวพุทธเดินทางมาที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อมาสักการะกราบไหว้ขอพรจากท่าน ซึ่งใครที่มากราบไหว้ขอพรท่านแล้ว อย่าลืมชมภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์กันสักหน่อย เพราะเป็นงานฝีมือชั้นครูที่มีความสวยงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง
หลังไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงเสริมสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว คณะเราไปกันที่ท่าน้ำของวัดที่มีปลาสวายมาว่ายรอกินอาหารจากนักท่องเที่ยวมากมาย เพื่อลงเรือออกล่องไปตามลำน้ำท่าจีน(แม่น้ำนครชัยศรี) ผ่านโรงเรียนนายร้อยสามพรานไปขึ้นเทียบท่ายังวัดต่อไปคือ “วัดสรรเพชญ”(ต.ยายชา อ.สามพราน) ที่มี“พระพุทธสรรเพชญ” พระประธานในโบสถ์เป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ที่มีบันไดให้เดินขึ้นไปปิดทองที่องค์พระท่านได้ นอกจากนี้ยังมีรูปเคารพ “หลวงพ่อเพิ่ม ทิฏโฐ”(พระครูถาวรวิทยาคม) ให้สักการะบริเวณศาลา และมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของท่านให้กราบไว้ในมณฑปที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งหลายคนเชื่อว่าการได้มากราบไหว้ท่านจะช่วยเพิ่มทรัพย์เพิ่มสิน
วัดสรรเพชญ เป็นวัดเล็กๆสงบๆ เรียบง่าย แต่กลับดูน่าเลื่อมใส เพราะมีภาพของพุทธศาลนิกชนที่เป็นชาวบ้านนำข้าวปลาอาหารมาร่วมกันทำบุญ ถวายอาหารเพลที่วัด โดยหลังพระฉันเพลงเสร็จ ชาวบ้านก็ร่วมล้อมวงกันนั่งกินอาหาร พร้อมกับเชิญชวนอาคันตุกะอย่างผมให้ไปร่วมวงด้วย นับเป็นบรรยากาศชนบทแบบไทยๆที่นับวันดูจะเหือดหายไปทุกที
ออกจากวัดสรรเพชญ เราล่องเรือยาวข้ามจังหวัดจากนครปฐมสู่สมุทรสาคร ระหว่างทางมีภาพวิถีริมน้ำให้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นเรือของชาวบ้านที่พายออกมาเก็บผัก โดยเฉพาะกับผักบุ้ง ผักกระเฉด ที่ชาวบ้านแถวนี้นิยม เพราะปลูกไว้เก็บกินเก็บขาย ภาพสีเขียวของต้นไม้ใหญ่น้อยริมฝั่งน้ำ รวมไปถึงผักตบชวาที่ลอยล่องไปมา บางช่วงมีเรือขนทราย เรือบรรทุกสินค้าแล่นสวนมา มีหลายจุดที่ผมมองเห็นนกปากห่าง นกกระยาง และนกอีก 2-3 ชนิดบินโฉบหาหอย หาปลา ดูเพลินตา ส่วนที่มองแล้วไม่ค่อยเพลินตาเท่าไหร่ก็คือโรงงานริมน้ำที่มีอยู่หลายโรง
จากอ.สามพรานไปจนถึง อ.กระทุ่มแบน ใน จ.สมุทรสาคร ที่เป็นจุดแวะกินข้าวกลางพร้อมกับจุดไหว้พระในวัดลำดับที่ 3 คือ “วัดท่าไม้”
วัดท่าไม้ (ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน) เป็นวัดร่วมสมัยที่เน้นศรัทธาควบคู่ไปกับวัตถุ รูปเคารพ สิ่งปลูกสร้าง ภายในวัดมีครบทั้งพุทธ จีน ฮินดู ทางพุทธมี “พระพุทธหิรัญราช”เป็นพระประธานในศาลาที่มีพุทธศิลป์ดูงดงามด้วยลักษณะของพระพุทธรูปทรงเครื่อง รวมถึงมีพระพุทธรูปต่างๆและรูปเคารพเกจิดังอีกเพียบ
ส่วนทางจีนมีวิหารเซียน มีเซียนต่างๆให้กราบไหว้ โดยเฉพาะกับเจ้าแม่กวนอิมที่สร้างเป็นประธานของวิหาร ด้านทางฮินดูก็มีรูปเคารพพระพิฆเนศหลากหลายปาง รูปเคารพฤาษี และพระราหูที่ขึ้นชื่อของวัด
วัดท่าไม้ ถือเป็นวัดสุดฮอตแห่งปี แต่ละวันมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่วัดด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องยอมรับว่าทางวัดนั้นเก่งมากในการหาวิธีต่างๆดึงคนเข้าวัด(หรือที่ใครหลายคนเรียกว่าเป็น“การตลาด”) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำบุญ สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม บูชาพระราหู และการดูดวงที่สร้างชื่ออย่างมากให้กับทางวัด
นอกจากนี้วัดท่าไม้ยังมีเทคนิคการประชาสัมพันธ์วัดแบบง่ายๆแต่ได้ผลชะงัดนักด้วยการติดสติ๊กเกอร์แปะไว้ที่ท้ายรถ เห็นแล้วจดจำง่ายเป็นที่รู้จักกันดี ขณะที่อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่กระชากเรตติ้งได้เป็นอย่างดีก็คือ การดึงซุปตาร์ ดารา เซเลบ จำนวนมาก มาทำบุญที่วัด อาทิ ณเดชน์, ญาญ่า,ป๋อ ณัฐวุฒิ, อั้ม-พัชราภา ฯลฯ ซึ่งนี่ก่อให้เกิดกระแสเข้าวัดตามคนดังตามมา
สำหรับการกราบไหว้บูชาสิ่งต่างๆที่วัดท่าไม้นั้นขึ้นอยู่กับจิตศรัทธาของแต่ละคน ส่วนใครที่มาแล้วจะเห็นธรรมกลับไปหรือเห็นเพียงแค่ภาพถ่ายดาราที่ทางวัดติดไว้ งานนี้ขึ้นอยู่กับโลกทัศน์การรับรู้ของคนๆนั้น
จากวัดท่าไม้ผมไปต่อยัง “วัดนางสาว”(ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน) อีกหนึ่งวัดดังของสมุทรสาคร
วัดนางสาว เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา มีอายุกว่า 400 ปี เป็นวัดที่สวยงาม ร่มรื่น สะอาดสะอ้าน จนได้รับการยกให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ภายในวัดมีพระพุทธรูปสำคัญคือ “หลวงพ่อป่าเลไลยก์” และ “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก จึงมีคนเดินทางมาขอโชคลาภ ขอพร จากท่านเป็นจำนวนมาก
ที่วัดนางสาวยังมีสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ “โบสถ์มหาอุตม์” ที่ตั้งอยู่ริมท่าน้ำ ผนังภายนอกปัจจุบันตกแต้วด้วยงานปูนปั้นนูนต่ำเรื่องราวพระมหาชนกลงสีสันสวยงาม ภายในประดิษฐาน“หลวงพ่อมหาอุตม์” รอบข้างมีจิตรกรรมฝาผนังลงรักปิดทองอันสวยงามปราณีต นับเป็นอีกหนึ่งผลงานในระดับมาสเตอร์พีชของเมืองไทยเลยทีเดียว
ออกจากวัดนางสาว ผมนั่งเรือไปขึ้นฝั่งที่ “วัดท่ากระบือ” (ต.บางยาง .อ.กระทุ่มแบน) วัดแห่งนี้มีรูปเคารพหลวงพ่อรุ่ง (เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน) เกจิอาจารย์อันดับหนึ่งเมืองสมุทรสาคร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญภายในวัด คู่กับพระพุทธรูปางประทานพรที่หลวงพ่อรุ่งกราบไหว้บูชามาตั้งแต่สมัยที่ท่านบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้
การเดินทางทางเรือของผมสิ้นสุดลงที่วัดท่ากระบือ หลังจากนี้ไปผมมาใช้บริการรถยนต์มุ่งหน้าไปไหว้พระวัดสุดท้ายของวันที่ “วัดธัญญารามราษฎร์บำรุง”(ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดกระต่าย”
วัดกระต่าย มีหลวงพ่อนิลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศูนย์รวมใจของชาวบ้านในละแวกนั้น ซึ่งปัจจุบันทางวัดกำลังดำเนินการสร้างวิหารหลังใหม่ให้ท่าน
วัดกระต่ายเป็นวัดสงบๆในแบบวัดชนบท แต่ในวันที่ผมไปบังเอิญมีงานบวชพอดี ทางวัดจึงครึกครื้นดังกระหึ่มไปด้วยแตรวงที่เล่นกันได้อย่างสนุกสนาน นับเป็นวิถีพื้นบ้านที่ชวนให้คนต่างถิ่นอย่างผมอย่างออกไปขยับแข้งขยับขาไม่น้อย
และเมื่อยามเย็นมาเยือนทางคณะก็ได้เวลาไปเก็บข้าวของ กินอาหาร สังสรรค์ พักผ่อนกันที่ “บ้านลีลาไทย” ผู้จัดกิจกรรมครั้งนี้ ครั้นพอวันรุ่งขึ้น ยังเหลืออีก 3 วัดใน จ.สมุทรสาคร ให้ไปทำบุญไหว้พระกัน โดยช่วงสายๆหลังอาหารเช้า พวกเราออกเดินทางกันต่อไปวัดที่ 7 คือ “วัดชัยมงคล”(ต.ชัยมงคล อ.เมือง)
วัดชัยมงคลมีรูปเคารพของ “หลวงพ่อเปลี่ยน” ในมณฑปหลวงพ่อเปลี่ยน กนุตสีโล กับ “หลวงพ่อทอง” พระประธานองค์เล็กในพระอุโบสถ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ พร้อมกับสร้างองค์หลวงพ่อทองจำลองประดับไหว้ทั่วภายในบริเวณโบสถ์
สำหรับวัดต่อไปคือ “วัดราษฎร์ศรัทธากระยาราม” หรือ “วัดมอญ”(ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว) วัดแห่งนี้ดูเด่นไปด้วยเจดีย์มอญสีเหลืองอร่าม ในวัดมีพระพุทธรูปงามๆจากพม่าให้สักการะกันหลายองค์ด้วยกัน ทั้งพระพุทธรูปไม้ พระพุทธรูปหยกขาวองค์เล็ก พระพุทธรูปหยกขาวทรงเครื่องที่มีพุทธลักษณะสวยงามมาก และพระพุทธรูปหยกขาวองค์โตที่ขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้ตรงริมฝั่งคลองดำเนินสะดวกของวัดยังมีหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปศิลปะอินเดียที่ชาวบ้านบอกว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย ซึ่งล่าสุดผู้ที่มาขอพรแล้วประสบผลกำลังสร้างวิหารหลังใหม่ให้ท่าน นับเป็นการการันตีในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้ดีทีเดียว
จากนั้นเราไปปิดท้ายทริปอิ่มบุญกันที่ “วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร”(ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว) ที่ตั้งอยู่ริมคลองดำเนินสะดวก เหตุที่วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าวัดหลักสี่ มาจากที่ตั้งที่ตั้งอยู่ที่หลักเขตที่สี่
วัดหลักสี่ เป็นอีกหนึ่งวัดดังของสมุทรสาคร มี “หลวงพ่อโต” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญประจำวัด หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปโบราณ ศิลปะสมัยอู่ทอง มีความโดดเด่นตรงพระพักตร์ของท่านที่ดูอิ่มเอิบ อมยิ้มละไม ดุจดังพระผู้ใหญ่ใจดี คอยช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากที่มากราบไหว้ขอพรจากท่าน ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์อันขจรไกลของท่านดูได้จากผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ แก้บน และทองที่นำมาปิดทั่วพระวรกายของท่าน
เดิมวัดหลักสี่จะมีตลาดน้ำเล็กอยู่ริมน้ำ แต่ปัจจุบันทางวัดได้ขอคืนพื้นที่เพื่อใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโตแกะสลักไม้ในปางต่างๆ ส่วนตลาดนั้นเขยิบขึ้นบกไปตั้งอยู่ใกล้ๆกับสะพานแทน
และนั่นก็คือเส้นทางไหว้พระ 9 วัด จ.นครปฐม-สมุทรสาคร ที่มีทั้งทางน้ำทางบก มีทั้งวัดเล็ก-วัดใหญ่ วัดดัง-วัดไม่ดัง วัดเน้นวัตถุ-วัดเรียบง่าย วัดพุทธพาณิชย์-วัดทั่วไป ซึ่งสำหรับผมการไหว้พระทำบุญ ผลบุญที่ได้หลังไหว้พระคือความสุขใจ ส่วนผลบุญในชาติหน้าจะเป็นเช่นใดผมไม่อาจรู้ได้
รู้แต่ว่าในชาตินี้หากอยากจะประสบความสำเร็จสมหวังตามพรต่างๆที่ขอ เราต้องคิดดี ทำดี ประพฤติดี และต้องลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ ในสิ่งที่เรามุ่งมั่นขอพร แล้วความสำเร็จอาจจะมาเยือนเราในสักวันหนึ่ง ส่วนใครที่ไหว้พระแล้ว นั่งรอราชรถบุญมาเกย ไม่ลงมือทำอะไร แถมยังคิดไม่ดี ทำไม่ดี ชาตินี้ต่อให้ไหว้พระ 999 วัด ก็ยากยิ่งที่จะประสบความสำเร็จสมหวังในสิ่งที่ขอ
**********************************************************
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!!
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com
แม้มนุษย์โล้นห่มเหลืองหลายคน(ในหลายรุ่น) จะเข้ามาใช้พระพุทธศาสนา หลอกลวงผู้หลงเชื่อทำมาหารับประทาน เสวยสุข จนเกิดความสั่นคลอนเสื่อมทรุดเกิดวิกฤตศรัทธาแก่ศาสนาพุทธในเมืองไทย
แต่กระนั้นตัวผมก็ยังคงไม่เสื่อมศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้เมื่อมีเพื่อนมาชวนไปร่วมทัวร์บุญไหว้พระ 9 วัด ที่จัดโดย“บ้านลีลาไทย” ที่พักบรรยากาศสงบใกล้กรุง แห่ง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสงคราม ผมจึงตอบตกลงไปแบบมีลีลา
เส้นทางไหว้พระทริปนี้ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เป็นเส้นทางที่ถือว่าใหม่(สำหรับผม) เพราะเป็นการล่องเรือไหว้พระริมแม่น้ำท่าจีนเสียค่อนวัน ก่อนไปขึ้นฝั่งที่ จ.สมุทรสาคร แล้วนั่งรถไหว้พระวัดที่เหลือกันต่อในวันรุ่งขึ้น
จากกรุงเทพฯเราเดินทางไปเปิดประเดิมบุญกันที่ “วัดไร่ขิง” อ.สามพราน จ.นครปฐม ที่มี “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” เป็นพระพุทธรูปชื่อดังมากของเมืองไทย มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่าน 2-3 ตำนาน แต่จากข้อมูลของทางวัดระบุว่า ท่านเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปกลุ่ม “พุทธปัญจภาคีวารีปาฏิหาริย์” หรือกลุ่ม“พระ 5 พี่น้อง” ที่ลอยน้ำมาจากภาคเหนือ แล้วไปขึ้นตามที่ต่างๆ ได้แก่ หลวงพ่อโสธร(ฉะเชิงเทรา),หลวงพ่อวัดไร่ขิง(นครปฐม), หลวงพ่อโต(สมุทรปราการ),หลวงพ่อบ้านแหลม(สมุทรสงคราม) และ หลวงพ่อทอง(หลวงพ่อวัดเขาตะเครา เพชรบุรี) ที่ภายในวัดมี 5 พระพี่น้ององค์จำลองประดิษฐานไว้ให้สักการะที่บริเวณริมท่าน้ำ
ด้วยชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดไร่ขิง ทำให้แต่ละวันมีชาวพุทธเดินทางมาที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อมาสักการะกราบไหว้ขอพรจากท่าน ซึ่งใครที่มากราบไหว้ขอพรท่านแล้ว อย่าลืมชมภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์กันสักหน่อย เพราะเป็นงานฝีมือชั้นครูที่มีความสวยงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง
หลังไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงเสริมสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว คณะเราไปกันที่ท่าน้ำของวัดที่มีปลาสวายมาว่ายรอกินอาหารจากนักท่องเที่ยวมากมาย เพื่อลงเรือออกล่องไปตามลำน้ำท่าจีน(แม่น้ำนครชัยศรี) ผ่านโรงเรียนนายร้อยสามพรานไปขึ้นเทียบท่ายังวัดต่อไปคือ “วัดสรรเพชญ”(ต.ยายชา อ.สามพราน) ที่มี“พระพุทธสรรเพชญ” พระประธานในโบสถ์เป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ที่มีบันไดให้เดินขึ้นไปปิดทองที่องค์พระท่านได้ นอกจากนี้ยังมีรูปเคารพ “หลวงพ่อเพิ่ม ทิฏโฐ”(พระครูถาวรวิทยาคม) ให้สักการะบริเวณศาลา และมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของท่านให้กราบไว้ในมณฑปที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งหลายคนเชื่อว่าการได้มากราบไหว้ท่านจะช่วยเพิ่มทรัพย์เพิ่มสิน
วัดสรรเพชญ เป็นวัดเล็กๆสงบๆ เรียบง่าย แต่กลับดูน่าเลื่อมใส เพราะมีภาพของพุทธศาลนิกชนที่เป็นชาวบ้านนำข้าวปลาอาหารมาร่วมกันทำบุญ ถวายอาหารเพลที่วัด โดยหลังพระฉันเพลงเสร็จ ชาวบ้านก็ร่วมล้อมวงกันนั่งกินอาหาร พร้อมกับเชิญชวนอาคันตุกะอย่างผมให้ไปร่วมวงด้วย นับเป็นบรรยากาศชนบทแบบไทยๆที่นับวันดูจะเหือดหายไปทุกที
ออกจากวัดสรรเพชญ เราล่องเรือยาวข้ามจังหวัดจากนครปฐมสู่สมุทรสาคร ระหว่างทางมีภาพวิถีริมน้ำให้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นเรือของชาวบ้านที่พายออกมาเก็บผัก โดยเฉพาะกับผักบุ้ง ผักกระเฉด ที่ชาวบ้านแถวนี้นิยม เพราะปลูกไว้เก็บกินเก็บขาย ภาพสีเขียวของต้นไม้ใหญ่น้อยริมฝั่งน้ำ รวมไปถึงผักตบชวาที่ลอยล่องไปมา บางช่วงมีเรือขนทราย เรือบรรทุกสินค้าแล่นสวนมา มีหลายจุดที่ผมมองเห็นนกปากห่าง นกกระยาง และนกอีก 2-3 ชนิดบินโฉบหาหอย หาปลา ดูเพลินตา ส่วนที่มองแล้วไม่ค่อยเพลินตาเท่าไหร่ก็คือโรงงานริมน้ำที่มีอยู่หลายโรง
จากอ.สามพรานไปจนถึง อ.กระทุ่มแบน ใน จ.สมุทรสาคร ที่เป็นจุดแวะกินข้าวกลางพร้อมกับจุดไหว้พระในวัดลำดับที่ 3 คือ “วัดท่าไม้”
วัดท่าไม้ (ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน) เป็นวัดร่วมสมัยที่เน้นศรัทธาควบคู่ไปกับวัตถุ รูปเคารพ สิ่งปลูกสร้าง ภายในวัดมีครบทั้งพุทธ จีน ฮินดู ทางพุทธมี “พระพุทธหิรัญราช”เป็นพระประธานในศาลาที่มีพุทธศิลป์ดูงดงามด้วยลักษณะของพระพุทธรูปทรงเครื่อง รวมถึงมีพระพุทธรูปต่างๆและรูปเคารพเกจิดังอีกเพียบ
ส่วนทางจีนมีวิหารเซียน มีเซียนต่างๆให้กราบไหว้ โดยเฉพาะกับเจ้าแม่กวนอิมที่สร้างเป็นประธานของวิหาร ด้านทางฮินดูก็มีรูปเคารพพระพิฆเนศหลากหลายปาง รูปเคารพฤาษี และพระราหูที่ขึ้นชื่อของวัด
วัดท่าไม้ ถือเป็นวัดสุดฮอตแห่งปี แต่ละวันมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่วัดด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องยอมรับว่าทางวัดนั้นเก่งมากในการหาวิธีต่างๆดึงคนเข้าวัด(หรือที่ใครหลายคนเรียกว่าเป็น“การตลาด”) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำบุญ สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม บูชาพระราหู และการดูดวงที่สร้างชื่ออย่างมากให้กับทางวัด
นอกจากนี้วัดท่าไม้ยังมีเทคนิคการประชาสัมพันธ์วัดแบบง่ายๆแต่ได้ผลชะงัดนักด้วยการติดสติ๊กเกอร์แปะไว้ที่ท้ายรถ เห็นแล้วจดจำง่ายเป็นที่รู้จักกันดี ขณะที่อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่กระชากเรตติ้งได้เป็นอย่างดีก็คือ การดึงซุปตาร์ ดารา เซเลบ จำนวนมาก มาทำบุญที่วัด อาทิ ณเดชน์, ญาญ่า,ป๋อ ณัฐวุฒิ, อั้ม-พัชราภา ฯลฯ ซึ่งนี่ก่อให้เกิดกระแสเข้าวัดตามคนดังตามมา
สำหรับการกราบไหว้บูชาสิ่งต่างๆที่วัดท่าไม้นั้นขึ้นอยู่กับจิตศรัทธาของแต่ละคน ส่วนใครที่มาแล้วจะเห็นธรรมกลับไปหรือเห็นเพียงแค่ภาพถ่ายดาราที่ทางวัดติดไว้ งานนี้ขึ้นอยู่กับโลกทัศน์การรับรู้ของคนๆนั้น
จากวัดท่าไม้ผมไปต่อยัง “วัดนางสาว”(ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน) อีกหนึ่งวัดดังของสมุทรสาคร
วัดนางสาว เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา มีอายุกว่า 400 ปี เป็นวัดที่สวยงาม ร่มรื่น สะอาดสะอ้าน จนได้รับการยกให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ภายในวัดมีพระพุทธรูปสำคัญคือ “หลวงพ่อป่าเลไลยก์” และ “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก จึงมีคนเดินทางมาขอโชคลาภ ขอพร จากท่านเป็นจำนวนมาก
ที่วัดนางสาวยังมีสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ “โบสถ์มหาอุตม์” ที่ตั้งอยู่ริมท่าน้ำ ผนังภายนอกปัจจุบันตกแต้วด้วยงานปูนปั้นนูนต่ำเรื่องราวพระมหาชนกลงสีสันสวยงาม ภายในประดิษฐาน“หลวงพ่อมหาอุตม์” รอบข้างมีจิตรกรรมฝาผนังลงรักปิดทองอันสวยงามปราณีต นับเป็นอีกหนึ่งผลงานในระดับมาสเตอร์พีชของเมืองไทยเลยทีเดียว
ออกจากวัดนางสาว ผมนั่งเรือไปขึ้นฝั่งที่ “วัดท่ากระบือ” (ต.บางยาง .อ.กระทุ่มแบน) วัดแห่งนี้มีรูปเคารพหลวงพ่อรุ่ง (เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน) เกจิอาจารย์อันดับหนึ่งเมืองสมุทรสาคร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญภายในวัด คู่กับพระพุทธรูปางประทานพรที่หลวงพ่อรุ่งกราบไหว้บูชามาตั้งแต่สมัยที่ท่านบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้
การเดินทางทางเรือของผมสิ้นสุดลงที่วัดท่ากระบือ หลังจากนี้ไปผมมาใช้บริการรถยนต์มุ่งหน้าไปไหว้พระวัดสุดท้ายของวันที่ “วัดธัญญารามราษฎร์บำรุง”(ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดกระต่าย”
วัดกระต่าย มีหลวงพ่อนิลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศูนย์รวมใจของชาวบ้านในละแวกนั้น ซึ่งปัจจุบันทางวัดกำลังดำเนินการสร้างวิหารหลังใหม่ให้ท่าน
วัดกระต่ายเป็นวัดสงบๆในแบบวัดชนบท แต่ในวันที่ผมไปบังเอิญมีงานบวชพอดี ทางวัดจึงครึกครื้นดังกระหึ่มไปด้วยแตรวงที่เล่นกันได้อย่างสนุกสนาน นับเป็นวิถีพื้นบ้านที่ชวนให้คนต่างถิ่นอย่างผมอย่างออกไปขยับแข้งขยับขาไม่น้อย
และเมื่อยามเย็นมาเยือนทางคณะก็ได้เวลาไปเก็บข้าวของ กินอาหาร สังสรรค์ พักผ่อนกันที่ “บ้านลีลาไทย” ผู้จัดกิจกรรมครั้งนี้ ครั้นพอวันรุ่งขึ้น ยังเหลืออีก 3 วัดใน จ.สมุทรสาคร ให้ไปทำบุญไหว้พระกัน โดยช่วงสายๆหลังอาหารเช้า พวกเราออกเดินทางกันต่อไปวัดที่ 7 คือ “วัดชัยมงคล”(ต.ชัยมงคล อ.เมือง)
วัดชัยมงคลมีรูปเคารพของ “หลวงพ่อเปลี่ยน” ในมณฑปหลวงพ่อเปลี่ยน กนุตสีโล กับ “หลวงพ่อทอง” พระประธานองค์เล็กในพระอุโบสถ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ พร้อมกับสร้างองค์หลวงพ่อทองจำลองประดับไหว้ทั่วภายในบริเวณโบสถ์
สำหรับวัดต่อไปคือ “วัดราษฎร์ศรัทธากระยาราม” หรือ “วัดมอญ”(ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว) วัดแห่งนี้ดูเด่นไปด้วยเจดีย์มอญสีเหลืองอร่าม ในวัดมีพระพุทธรูปงามๆจากพม่าให้สักการะกันหลายองค์ด้วยกัน ทั้งพระพุทธรูปไม้ พระพุทธรูปหยกขาวองค์เล็ก พระพุทธรูปหยกขาวทรงเครื่องที่มีพุทธลักษณะสวยงามมาก และพระพุทธรูปหยกขาวองค์โตที่ขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้ตรงริมฝั่งคลองดำเนินสะดวกของวัดยังมีหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปศิลปะอินเดียที่ชาวบ้านบอกว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย ซึ่งล่าสุดผู้ที่มาขอพรแล้วประสบผลกำลังสร้างวิหารหลังใหม่ให้ท่าน นับเป็นการการันตีในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้ดีทีเดียว
จากนั้นเราไปปิดท้ายทริปอิ่มบุญกันที่ “วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร”(ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว) ที่ตั้งอยู่ริมคลองดำเนินสะดวก เหตุที่วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าวัดหลักสี่ มาจากที่ตั้งที่ตั้งอยู่ที่หลักเขตที่สี่
วัดหลักสี่ เป็นอีกหนึ่งวัดดังของสมุทรสาคร มี “หลวงพ่อโต” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญประจำวัด หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปโบราณ ศิลปะสมัยอู่ทอง มีความโดดเด่นตรงพระพักตร์ของท่านที่ดูอิ่มเอิบ อมยิ้มละไม ดุจดังพระผู้ใหญ่ใจดี คอยช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากที่มากราบไหว้ขอพรจากท่าน ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์อันขจรไกลของท่านดูได้จากผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ แก้บน และทองที่นำมาปิดทั่วพระวรกายของท่าน
เดิมวัดหลักสี่จะมีตลาดน้ำเล็กอยู่ริมน้ำ แต่ปัจจุบันทางวัดได้ขอคืนพื้นที่เพื่อใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโตแกะสลักไม้ในปางต่างๆ ส่วนตลาดนั้นเขยิบขึ้นบกไปตั้งอยู่ใกล้ๆกับสะพานแทน
และนั่นก็คือเส้นทางไหว้พระ 9 วัด จ.นครปฐม-สมุทรสาคร ที่มีทั้งทางน้ำทางบก มีทั้งวัดเล็ก-วัดใหญ่ วัดดัง-วัดไม่ดัง วัดเน้นวัตถุ-วัดเรียบง่าย วัดพุทธพาณิชย์-วัดทั่วไป ซึ่งสำหรับผมการไหว้พระทำบุญ ผลบุญที่ได้หลังไหว้พระคือความสุขใจ ส่วนผลบุญในชาติหน้าจะเป็นเช่นใดผมไม่อาจรู้ได้
รู้แต่ว่าในชาตินี้หากอยากจะประสบความสำเร็จสมหวังตามพรต่างๆที่ขอ เราต้องคิดดี ทำดี ประพฤติดี และต้องลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ ในสิ่งที่เรามุ่งมั่นขอพร แล้วความสำเร็จอาจจะมาเยือนเราในสักวันหนึ่ง ส่วนใครที่ไหว้พระแล้ว นั่งรอราชรถบุญมาเกย ไม่ลงมือทำอะไร แถมยังคิดไม่ดี ทำไม่ดี ชาตินี้ต่อให้ไหว้พระ 999 วัด ก็ยากยิ่งที่จะประสบความสำเร็จสมหวังในสิ่งที่ขอ
**********************************************************
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!!
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com