โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในอำเภอสำคัญของเมืองไทย
ที่นี่มี“เมืองโบราณอู่ทอง” ที่เป็นต้นกำเนิดประวัติศาสตร์และอารยธรรมแห่งสุวรรณภูมิ อีกทั้งยังเป็นเมืองท่า เมืองศูนย์กลางการค้าของอาณาจักรทวารวดี รวมไปถึงเป็นจุดที่พระพุทธศาสนาเดินทางเข้าประดิษฐานเป็นแห่งแรกของเมืองไทย
ด้วยความสำคัญในหลายด้าน ล่าสุดทางองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) สมาพันธ์สมาคมเครือข่ายท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สคท.) และเทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง ได้ร่วมมือกันจัดโครงการ “ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้า”(เส้นทางไหว้พระออมบุญ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมทัวร์ธรรมะกับแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม
สำหรับใครที่อยากรู้จักกับเมืองโบราณอู่ทองอย่างละเอียด อยากรู้ว่าเมืองนี้มีความสำคัญอย่างไร ผมขอแนะนำให้ไปปูพื้นเมืองอู่ทองและอาณาจักทวารวดีกันที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง” ที่จัดแสดงเรื่องราวของอารยธรรมทวารวดีและศิลปวัตถุสำคัญๆ มากมาย ด้วยเทคนิคการจัดแสดงสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่ รูปปั้น เทวรูป ภาชนะ เครื่องใช้ เหรียญ เครื่องประดับ ตุ๊กตาดินเผาโบราณ รวมไปถึงธรรมจักรศิลาสมัยทวารวดีที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทย และ ฯลฯ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงอันโดดเด่นของโครงการนี้ (รายละเอียดของพิพิธภัณฑ์ฯ อู่ทอง จะนำเสนอในโอกาสต่อไป)
ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ฯ อู่ทอง เป็นจุดเริ่มแรกในทริปท่องธรรมของผมในครั้งนี้ นั่นก็คือ “ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร” ที่ภายในประดิษฐาน “เจ้าพ่อพระยาจักร” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอู่ทอง
เจ้าพ่อพระยาจักร เป็นเทวรูปสมัยทวารวดี มีลักษณะคล้ายรูปพระวิษณุแบบเก่าสวมหมวก มีบันทึกเล่าว่า ชาวอู่ทองในอดีตได้ค้นพบองค์เทวรูปเจ้าพ่อบริเวณริมแม่น้ำจระเข้สามพัน ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนแท่นบูชา พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารศาลเจ้าให้ในปี พ.ศ. 2400 ก่อนที่จะพัฒนาปรับปรุงมาเป็นศาลเจ้าอันสวยงามตั้งเด่นสง่าอยู่ใจกลางเมืองอู่ทองดังปัจจุบัน
เจ้าพ่อพระยาจักร เป็นหนึ่งในศูนย์รวมจิตใจของชาวอู่ทอง มีเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริย์ของท่าน เล่าขานกันมามากมาย แต่ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ชาวอู่ทองประสบเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ส่งผลให้ร้านค้ารอบๆ ศาลเจ้าพ่อพระยาจักรถูกไฟไหม้วอดวาย แต่น่าแปลกที่ศาลเจ้าพ่อพระยาจักรกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆจากเปลวไฟ เป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ด้วยกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อพระยาจักรทำให้แต่ละวันมีคนเดินทางมาบนบานศาลกล่าวท่านเป็นจำนวนมาก โดยมีความเชื่อว่าการไหว้เจ้าพ่อพระยาจักรจะช่วยให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง อีกทั้งยังทำให้อยู่เย็นเป็นสุข เสริมมงคลชีวิต
จากนั้นผมออกเดินทางลงไปทางตอนใต้ของอู่ทองยัง “วัดเขาถ้ำเสือ” พุทธสถานศักดิ์สิทธิ์ ถิ่นกำเนิดกรุ “พระถ้ำเสือ” หนึ่งในพระเครื่องชื่อก้องของเมืองไทย ที่ทางวัดได้ทำพระพุทธรูปถ้ำเสือ (จำลอง) องค์โตสีทองไว้ให้พุทธศาสนิกชนสักการบูชา ซึ่งเชื่อว่าการไหว้พระถ้ำเสือ จะมีบุญบารมี มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ผู้คนเคารพนับถือ ชีวิตรุ่งโรจน์
จากวัดถ้ำเสือ ผมเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือสู่“วัดเขาทำเทียม” ที่ปัจจุบันกำลังมีโครงการสร้าง “สมเด็จพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หรือ “หลวงพ่ออู่ทอง” ที่เป็นพระพุทธรูปแกะสลัก (นูนสูง) บนหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่หากดำเนินการแล้วเสร็จ วัดนี้จะโด่งดังทางการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบันนี้วัดเขาทำเทียมก็ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญมาก เพราะนี่เป็นวัดที่มีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดแห่งแรกของเมืองไทย โดยหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 300 ปี พระโมคคัลลีบุรติสสะเถระได้ทำการสังคายนาพุทธศาสนา (ครั้งที่ 3) ที่มีพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นองค์อุปถัมภ์ โดยได้ส่งพระโสณะเถระและพระอุตตระเถระ เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ
สำหรับสถานที่ที่สันนิษฐานว่าพระอัครสาวกทั้งสองได้เดินทางเข้ามาสร้างเป็นวัดแห่งแรกคือ บนยอดเขาของวัดเขาทำเทียม (ในปัจจุบัน) เนื่องเพราะมีการค้นพบร่องรอยการใช้เพิงผาถ้ำบนยอดเขาเป็นที่พำนักของพระอัครสาวกทั้งสอง และค้นพบโบราณวัตถุเป็นก้อนหินสลักคำจารึกว่า “ปุษยคีรี” ที่หมายถึงภูเขาแห่งดอกไม้ และค้นพบธรรมจักรศิลาที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทยที่วัดแห่งนี้ (ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์อู่ทอง ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น) ซึ่งเชื่อมโยงไปสู่ข้อสันนิษฐาน (ของนักโบราณคดีสายหนึ่ง) ว่า ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ก่อกำเนิดวัดในพระพุทธศาสนาแห่งแรกของเมืองไทย
วัดเขาทำเทียม มาจากชื่อวัดเขาเทียมสวรรค์ ที่เชื่อว่าเพี้ยนมาจากคำว่า เขาถ้ำเทียมสวรรค์ ภายในวัด บนยอดเขาที่เป็นจุดชมวิวชั้นดี มีสิ่งน่าสนใจ ได้แก่ โบสถ์โบราณเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่เดิมสันนิษฐานว่าเป็นโบสถ์แบบมหาอุตต์แห่งเดียวในสุพรรณ(ก่อนที่กรมศิลป์จะบูรณะมาเป็นอย่างปัจจุบัน) มีเพิงผาถ้ำที่พำนักของพระอัครสาวก บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เสมาหินโบราณ พระพุทธรูปยืนองค์โตบริเวณจุดชมวิว และเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ (โบราณสถานหมายเลข 12) ที่ได้รับการบูรณะเป็นสีขาวเด่น มีความเชื่อว่าใครที่มาสักการะเจดีย์องค์นี้แล้วจะได้อานิสงส์สูงส่ง เป็นมงคลชัยแก่ชีวิต
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเส้นทางลำดับต่อไปอยู่ที่ “วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “วัดเขาพระ”
วัดเขาพระมีของดีหลากหลายให้เที่ยวชม (9 มหามงคล) ไม่ว่าจะเป็นรูปเคารพ “พระเจ้าอู่ทอง”, ”หลวงพ่อพระหยก” สีขาวสวยจากพม่า, “หลวงพ่อเปี้ยน-หลวงพ่อบุญ” รูปเคารพของ 2 เกจิชื่อดัง, “เจ้าพ่อจักรนารายณ์” รูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ที่สันนิษฐานว่ามีความเชื่อมโยงกับเจ้าพ่อพระยาจักร
“รอยพระพุทธบาทจำลอง” ประดิษฐานอยู่ในมณฑปบนยอดเขา,“บ่อน้ำศักดิ์สิทธ์” ,“ถ้ำขุนแผน-นางพิม” กับตำนานความเชื่อจากวรรณคดีชื่อก้องเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน, “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน” ที่ภายในจัดแสดงศิลปวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้น่าสนใจมากหลาย และ “หลวงพ่อสังฆ์สรรเพชญ์” พระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่สันนิษฐานว่าองค์ดั้งเดิมสร้างมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ก่อนจะมาบูรณะกันต่อๆ มาจนถึงปัจจุบัน
หลวงพ่อสังฆ์สรรเพชญ์ หรือ หลวงพ่อสังฆ์ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอู่ทองที่มีความเชื่อว่าใครได้มาสักการะ ท่านจะช่วยบำบัดรักษาโรคภัยที่เจ็บป่วย (ให้ปิดทององค์พระบริเวณที่เจ็บป่วย)
ไปกันต่อที่ “วัดเขากำแพง” วัดแห่งนี้มียอดเขาที่เชื่อว่าเคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟเมื่อครั้งในอดีต ภายในวัดมีสิ่งน่าสนใจมากหลาย ได้แก่ ไซยักษ์ (เครื่องมือจับปลาพื้นบ้าน) กลองยักษ์ ฆ้องยักษ์ น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ รูปเคารพเปาบุ้นจิ้น หลวงพ่อสังกัจจายน์บนเชิงเขา รูปเคารพหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อสุพรรณ พระบรมธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขา และ “สมเด็จพระปุศยมุนีศรีสุพรรณมงคล” หรือ “หลวงปู่ขาว” ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถงานพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่ก่อสร้างอย่างสมส่วนสวยงาม
หลวงปู่ขาว เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิแกะสลักจากหินหยก (ก้อนเดียวหนัก 18 ตัน) จากเชียงราย พระพักตร์ของท่านนั้นอิ่มเอิบดูอ่อนวัยเหมือนเณรน้อยอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา ดูแล้วอิ่มเอมใจ ซึ่งเชื่อว่าใครที่มาไหว้หลวงปู่ขาวแล้ว จะมีรักใคร่กลมเกลียว ครอบครัวอบอุ่น อยู่เย็นเป็นสุข ทำธุรกิจก็ก้าวไกล ทำการค้ารุ่งเรือง
มาถึงวัดสุดท้ายที่ตั้งอยู่บริเวณเหนือสุดในเส้นทางของโครงการนี้กับ “วัดเขาดีสลัก”
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาดีสลัก มี “รอยพระพุทธบาท” (จำลอง) ประดิษฐานในมณฑปพระพุทธบาทอันสวยงาม บนเขาที่มองลงไปสามารถเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างได้อย่างสวยงาม
รอยพระพุทธบาทที่วัดเขาดีสลักนั้น มีความแปลกตรงที่เป็นรอยพระพุทธบาทนูนต่ำ ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย (ปกติรอยพระพุทธบาทส่วนใหญ่จะลึกบุ๋มเข้าไป) ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ ในเมืองไทย ใครที่มาสักการะรอยพระพุทธบาทแห่งนี้มีความเชื่อว่า จะได้รับอานิสงส์ เป็นมงคลต่อชีวิต มีความสำเร็จก้าวไกล เพิ่มพูนบารมี
นอกจากนี้ที่ใกล้ๆ กับรอยพระพุทธบาทยังมีเส้นทางเดินสู่ถ้ำเสือ ภายในประดิษฐานพระถ้ำเสือ (จำลอง) และรูปเคารพ “พ่อปู่พระฤาษีพรหมนิมิต” ให้ผู้สนใจได้เข้าถ้ำไปสักการบูชากัน
นั่นก็คือเสน่ห์แห่งเมืองอู่ทองในเส้นทางทริปท่องธรรม ที่แม้บางครั้งการออกทัวร์ธรรมะ ไหว้พระ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะพิสูจน์ไม่ได้ แต่ความรู้สึกอิ่มเอม สุขใจ มาจากข้างใน นี่แหละคืออานิสงส์อันสูงล้ำ
*****************************************
การเดินทางสู่ อ.อู่ทอง จากกรุงเทพฯ เส้นทางที่สะดวกคือ เส้นทางหมายเลข 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) ถึงสุพรรณบุรี (ประมาณ 70 กม.) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนมาลัยแมน (321) ผ่านหอนาฬิกาและสี่แยกไฟแดง ขับตามถนนมาลัยแมนก็จะถึง อ.อู่ทอง (ระยะทางจากสุพรรณฯ ถึง อ.อู่ทอง ประมาณ 40 กม.)
หรือจากกรุงเทพฯ ไปทางนครปฐม แล้วใช้เส้นทางถนนมาลัยแมน ตรงไปยัง อ.อู่ทอง ประมาณ 75 กม.
สำหรับผู้สนใจเที่ยวในเส้นทางไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้า สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง โทร.0-3555-2997
อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในอำเภอสำคัญของเมืองไทย
ที่นี่มี“เมืองโบราณอู่ทอง” ที่เป็นต้นกำเนิดประวัติศาสตร์และอารยธรรมแห่งสุวรรณภูมิ อีกทั้งยังเป็นเมืองท่า เมืองศูนย์กลางการค้าของอาณาจักรทวารวดี รวมไปถึงเป็นจุดที่พระพุทธศาสนาเดินทางเข้าประดิษฐานเป็นแห่งแรกของเมืองไทย
ด้วยความสำคัญในหลายด้าน ล่าสุดทางองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) สมาพันธ์สมาคมเครือข่ายท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สคท.) และเทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง ได้ร่วมมือกันจัดโครงการ “ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้า”(เส้นทางไหว้พระออมบุญ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมทัวร์ธรรมะกับแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม
สำหรับใครที่อยากรู้จักกับเมืองโบราณอู่ทองอย่างละเอียด อยากรู้ว่าเมืองนี้มีความสำคัญอย่างไร ผมขอแนะนำให้ไปปูพื้นเมืองอู่ทองและอาณาจักทวารวดีกันที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง” ที่จัดแสดงเรื่องราวของอารยธรรมทวารวดีและศิลปวัตถุสำคัญๆ มากมาย ด้วยเทคนิคการจัดแสดงสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปโบราณเก่าแก่ รูปปั้น เทวรูป ภาชนะ เครื่องใช้ เหรียญ เครื่องประดับ ตุ๊กตาดินเผาโบราณ รวมไปถึงธรรมจักรศิลาสมัยทวารวดีที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทย และ ฯลฯ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงอันโดดเด่นของโครงการนี้ (รายละเอียดของพิพิธภัณฑ์ฯ อู่ทอง จะนำเสนอในโอกาสต่อไป)
ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ฯ อู่ทอง เป็นจุดเริ่มแรกในทริปท่องธรรมของผมในครั้งนี้ นั่นก็คือ “ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร” ที่ภายในประดิษฐาน “เจ้าพ่อพระยาจักร” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอู่ทอง
เจ้าพ่อพระยาจักร เป็นเทวรูปสมัยทวารวดี มีลักษณะคล้ายรูปพระวิษณุแบบเก่าสวมหมวก มีบันทึกเล่าว่า ชาวอู่ทองในอดีตได้ค้นพบองค์เทวรูปเจ้าพ่อบริเวณริมแม่น้ำจระเข้สามพัน ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนแท่นบูชา พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารศาลเจ้าให้ในปี พ.ศ. 2400 ก่อนที่จะพัฒนาปรับปรุงมาเป็นศาลเจ้าอันสวยงามตั้งเด่นสง่าอยู่ใจกลางเมืองอู่ทองดังปัจจุบัน
เจ้าพ่อพระยาจักร เป็นหนึ่งในศูนย์รวมจิตใจของชาวอู่ทอง มีเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริย์ของท่าน เล่าขานกันมามากมาย แต่ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ชาวอู่ทองประสบเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ส่งผลให้ร้านค้ารอบๆ ศาลเจ้าพ่อพระยาจักรถูกไฟไหม้วอดวาย แต่น่าแปลกที่ศาลเจ้าพ่อพระยาจักรกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆจากเปลวไฟ เป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ด้วยกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อพระยาจักรทำให้แต่ละวันมีคนเดินทางมาบนบานศาลกล่าวท่านเป็นจำนวนมาก โดยมีความเชื่อว่าการไหว้เจ้าพ่อพระยาจักรจะช่วยให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง อีกทั้งยังทำให้อยู่เย็นเป็นสุข เสริมมงคลชีวิต
จากนั้นผมออกเดินทางลงไปทางตอนใต้ของอู่ทองยัง “วัดเขาถ้ำเสือ” พุทธสถานศักดิ์สิทธิ์ ถิ่นกำเนิดกรุ “พระถ้ำเสือ” หนึ่งในพระเครื่องชื่อก้องของเมืองไทย ที่ทางวัดได้ทำพระพุทธรูปถ้ำเสือ (จำลอง) องค์โตสีทองไว้ให้พุทธศาสนิกชนสักการบูชา ซึ่งเชื่อว่าการไหว้พระถ้ำเสือ จะมีบุญบารมี มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ผู้คนเคารพนับถือ ชีวิตรุ่งโรจน์
จากวัดถ้ำเสือ ผมเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือสู่“วัดเขาทำเทียม” ที่ปัจจุบันกำลังมีโครงการสร้าง “สมเด็จพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หรือ “หลวงพ่ออู่ทอง” ที่เป็นพระพุทธรูปแกะสลัก (นูนสูง) บนหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่หากดำเนินการแล้วเสร็จ วัดนี้จะโด่งดังทางการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบันนี้วัดเขาทำเทียมก็ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญมาก เพราะนี่เป็นวัดที่มีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดแห่งแรกของเมืองไทย โดยหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 300 ปี พระโมคคัลลีบุรติสสะเถระได้ทำการสังคายนาพุทธศาสนา (ครั้งที่ 3) ที่มีพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นองค์อุปถัมภ์ โดยได้ส่งพระโสณะเถระและพระอุตตระเถระ เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ
สำหรับสถานที่ที่สันนิษฐานว่าพระอัครสาวกทั้งสองได้เดินทางเข้ามาสร้างเป็นวัดแห่งแรกคือ บนยอดเขาของวัดเขาทำเทียม (ในปัจจุบัน) เนื่องเพราะมีการค้นพบร่องรอยการใช้เพิงผาถ้ำบนยอดเขาเป็นที่พำนักของพระอัครสาวกทั้งสอง และค้นพบโบราณวัตถุเป็นก้อนหินสลักคำจารึกว่า “ปุษยคีรี” ที่หมายถึงภูเขาแห่งดอกไม้ และค้นพบธรรมจักรศิลาที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทยที่วัดแห่งนี้ (ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์อู่ทอง ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น) ซึ่งเชื่อมโยงไปสู่ข้อสันนิษฐาน (ของนักโบราณคดีสายหนึ่ง) ว่า ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ก่อกำเนิดวัดในพระพุทธศาสนาแห่งแรกของเมืองไทย
วัดเขาทำเทียม มาจากชื่อวัดเขาเทียมสวรรค์ ที่เชื่อว่าเพี้ยนมาจากคำว่า เขาถ้ำเทียมสวรรค์ ภายในวัด บนยอดเขาที่เป็นจุดชมวิวชั้นดี มีสิ่งน่าสนใจ ได้แก่ โบสถ์โบราณเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่เดิมสันนิษฐานว่าเป็นโบสถ์แบบมหาอุตต์แห่งเดียวในสุพรรณ(ก่อนที่กรมศิลป์จะบูรณะมาเป็นอย่างปัจจุบัน) มีเพิงผาถ้ำที่พำนักของพระอัครสาวก บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เสมาหินโบราณ พระพุทธรูปยืนองค์โตบริเวณจุดชมวิว และเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ (โบราณสถานหมายเลข 12) ที่ได้รับการบูรณะเป็นสีขาวเด่น มีความเชื่อว่าใครที่มาสักการะเจดีย์องค์นี้แล้วจะได้อานิสงส์สูงส่ง เป็นมงคลชัยแก่ชีวิต
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเส้นทางลำดับต่อไปอยู่ที่ “วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “วัดเขาพระ”
วัดเขาพระมีของดีหลากหลายให้เที่ยวชม (9 มหามงคล) ไม่ว่าจะเป็นรูปเคารพ “พระเจ้าอู่ทอง”, ”หลวงพ่อพระหยก” สีขาวสวยจากพม่า, “หลวงพ่อเปี้ยน-หลวงพ่อบุญ” รูปเคารพของ 2 เกจิชื่อดัง, “เจ้าพ่อจักรนารายณ์” รูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ที่สันนิษฐานว่ามีความเชื่อมโยงกับเจ้าพ่อพระยาจักร
“รอยพระพุทธบาทจำลอง” ประดิษฐานอยู่ในมณฑปบนยอดเขา,“บ่อน้ำศักดิ์สิทธ์” ,“ถ้ำขุนแผน-นางพิม” กับตำนานความเชื่อจากวรรณคดีชื่อก้องเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน, “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน” ที่ภายในจัดแสดงศิลปวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้น่าสนใจมากหลาย และ “หลวงพ่อสังฆ์สรรเพชญ์” พระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่สันนิษฐานว่าองค์ดั้งเดิมสร้างมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ก่อนจะมาบูรณะกันต่อๆ มาจนถึงปัจจุบัน
หลวงพ่อสังฆ์สรรเพชญ์ หรือ หลวงพ่อสังฆ์ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอู่ทองที่มีความเชื่อว่าใครได้มาสักการะ ท่านจะช่วยบำบัดรักษาโรคภัยที่เจ็บป่วย (ให้ปิดทององค์พระบริเวณที่เจ็บป่วย)
ไปกันต่อที่ “วัดเขากำแพง” วัดแห่งนี้มียอดเขาที่เชื่อว่าเคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟเมื่อครั้งในอดีต ภายในวัดมีสิ่งน่าสนใจมากหลาย ได้แก่ ไซยักษ์ (เครื่องมือจับปลาพื้นบ้าน) กลองยักษ์ ฆ้องยักษ์ น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ รูปเคารพเปาบุ้นจิ้น หลวงพ่อสังกัจจายน์บนเชิงเขา รูปเคารพหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อสุพรรณ พระบรมธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขา และ “สมเด็จพระปุศยมุนีศรีสุพรรณมงคล” หรือ “หลวงปู่ขาว” ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถงานพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่ก่อสร้างอย่างสมส่วนสวยงาม
หลวงปู่ขาว เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิแกะสลักจากหินหยก (ก้อนเดียวหนัก 18 ตัน) จากเชียงราย พระพักตร์ของท่านนั้นอิ่มเอิบดูอ่อนวัยเหมือนเณรน้อยอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา ดูแล้วอิ่มเอมใจ ซึ่งเชื่อว่าใครที่มาไหว้หลวงปู่ขาวแล้ว จะมีรักใคร่กลมเกลียว ครอบครัวอบอุ่น อยู่เย็นเป็นสุข ทำธุรกิจก็ก้าวไกล ทำการค้ารุ่งเรือง
มาถึงวัดสุดท้ายที่ตั้งอยู่บริเวณเหนือสุดในเส้นทางของโครงการนี้กับ “วัดเขาดีสลัก”
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาดีสลัก มี “รอยพระพุทธบาท” (จำลอง) ประดิษฐานในมณฑปพระพุทธบาทอันสวยงาม บนเขาที่มองลงไปสามารถเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างได้อย่างสวยงาม
รอยพระพุทธบาทที่วัดเขาดีสลักนั้น มีความแปลกตรงที่เป็นรอยพระพุทธบาทนูนต่ำ ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย (ปกติรอยพระพุทธบาทส่วนใหญ่จะลึกบุ๋มเข้าไป) ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ ในเมืองไทย ใครที่มาสักการะรอยพระพุทธบาทแห่งนี้มีความเชื่อว่า จะได้รับอานิสงส์ เป็นมงคลต่อชีวิต มีความสำเร็จก้าวไกล เพิ่มพูนบารมี
นอกจากนี้ที่ใกล้ๆ กับรอยพระพุทธบาทยังมีเส้นทางเดินสู่ถ้ำเสือ ภายในประดิษฐานพระถ้ำเสือ (จำลอง) และรูปเคารพ “พ่อปู่พระฤาษีพรหมนิมิต” ให้ผู้สนใจได้เข้าถ้ำไปสักการบูชากัน
นั่นก็คือเสน่ห์แห่งเมืองอู่ทองในเส้นทางทริปท่องธรรม ที่แม้บางครั้งการออกทัวร์ธรรมะ ไหว้พระ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะพิสูจน์ไม่ได้ แต่ความรู้สึกอิ่มเอม สุขใจ มาจากข้างใน นี่แหละคืออานิสงส์อันสูงล้ำ
*****************************************
การเดินทางสู่ อ.อู่ทอง จากกรุงเทพฯ เส้นทางที่สะดวกคือ เส้นทางหมายเลข 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) ถึงสุพรรณบุรี (ประมาณ 70 กม.) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนมาลัยแมน (321) ผ่านหอนาฬิกาและสี่แยกไฟแดง ขับตามถนนมาลัยแมนก็จะถึง อ.อู่ทอง (ระยะทางจากสุพรรณฯ ถึง อ.อู่ทอง ประมาณ 40 กม.)
หรือจากกรุงเทพฯ ไปทางนครปฐม แล้วใช้เส้นทางถนนมาลัยแมน ตรงไปยัง อ.อู่ทอง ประมาณ 75 กม.
สำหรับผู้สนใจเที่ยวในเส้นทางไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้า สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง โทร.0-3555-2997