โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทอดตาทั้งแผ่นดินจนลูกตาไหม้เกรียม บรรดาเกาะที่มาแรงสุดๆ แห่งท้องทะเลไทย เห็นจะหนีไม่พ้นเกาะตาชัย ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา
เกาะตาชัย ก่อนที่จะถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ถูกปล่อยทิ้งไม่มีคนสนใจ จนกระทั่งทางอุทยานฯ ได้พัฒนาศักยภาพของเกาะแล้วเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างไม่เป็นทางการเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ชื่อของเกาะตาชัยก็กลายเป็นสวรรค์แห่งใหม่ของท้องทะเลอันดามันที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติถวิลหา
ธรรมชาติแสนงาม
เกาะตาชัย เป็นเกาะเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 12 ตร.กม. ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะสิมิลันกับเกาะสุรินทร์ บริเวณหน้าเกาะมีหาดทรายยาวประมาณ 700 เมตรเป็นไฮไลต์สำคัญของเกาะ(คนท้องถิ่นเรียกว่า “หาดหน้าเกาะ”) เพราะเป็นหาดทรายขาวนวลเนื้อละเอียดยิบราวผงแป้ง เดินนุ่มเท้า และมีความสวยงามสอดรับกับน้ำทะเลสวยใสปิ๊งที่ไล่ระดับจากฟ้าอ่อนไปจนถึงน้ำเงินเข้มในทะเลลึก มีจุดให้ดำน้ำตื้น 2-3 จุด ให้นักท่องเที่ยวสนอร์กเกิลลิ่งดูปะการังกับปลาสวยงามที่หน้าเกาะ
ขณะที่ลึกถัดเข้ามาบนฝั่งก็มีแนวป่าชายหาด ป่าไม้บนเกาะ ลำธารน้ำใสเย็น มีแนวหน้าผาทางด้านหลังเกาะที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้
บนเกาะตาชัยยังมีไฮไลต์อันโดดเด่นอีกอย่างนั่นก็คือ “ปูไก่” ปูน้ำจืดตัวโตที่มีเสียงร้องเหมือนไก่ ซึ่งจัดเป็นปูในระดับอันซีนไทยแลนด์เลยทีเดียว
เดิมปูไก่มีจุดให้ชมหลักๆ อยู่ที่เกาะสี่ (เกาะเมียง) การชมต้องเดินออกไปส่องดูในป่า (เส้นทางศึกษาธรรมชาติ) ยามค่ำคืนช่วงที่มันออกหากิน แต่ประทานโทษที่เกาะตาชัยนี่นักท่องเที่ยวสามารถเห็นปูไก่ในช่วงกลางวันได้อย่างไม่ยากเย็น หากเดินอย่างเงียบเข้าไปในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทางเกาะจัดทำไว้
นอกจากนี้บนเกาะตาชัยยังมีสัตว์เฉพาะพื้นที่อย่าง ค้างคาวแม่ไก่ตัวโต นกชาปีไหน ปูเสฉวนยักษ์ และหอยมรกต หอยพันธุ์ใหม่ที่มีรายงานการค้นพบที่เกาะตาชัยแห่งเดียวในโลก
นั่นถือเป็นความงามและมนต์เสน่ห์ของเกาะตาชัย ซึ่งที่ผ่านมาความจริงด้านนี้ถูกนำเสนอผ่านสื่อไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ชื่อเสียงของเกาะตาชัยโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เกาะตาชัยเพิ่งเปิดตัวให้เที่ยวได้แค่ประมาณ 2 ปี (สำหรับฤดูกาลนี้เกาะตาชัยเปิดให้เที่ยวตั้งแต่ 1 พ.ย. - 15 พ.ค. ซึ่งปกติ อช.สิมิลันจะปิดเกาะ 1 พ.ค. แต่ปีนี้เลื่อนเป็นปิด 15 พ.ค.)
อย่างไรก็ดี ในการลงไปเที่ยวเกาะตาชัยเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้สัมผัสกับความจริงอีกด้านหนึ่งของเกาะตาชัย ที่หากปล่อยปละละเลยไป โดยไม่มีการดูแล บริหารจัดการ ย่อมส่งผลเสียต่อเกาะแห่งนี้ในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังไว อย่าให้ไปเร็ว
แม้จะเป็นในวันธรรมดาของช่วงท้ายฤดูกาลท่องเที่ยว แม้ปัจจุบันทางอุทยานฯจะกำหนดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวเกาะตาชัยได้แบบวันเดย์ทริป ไปเช้า-เย็นกลับ ไม่อนุญาตให้พักค้าง แต่เกาะตาชัยก็ยังขายดี มีนักท่องเที่ยวเดินทางจากฝั่งไปเที่ยวบนเกาะตาชัยกันเป็นจำนวนมาก
มากจนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ถ้าไม่วางแผนบริหารจัดการ ไม่ควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยว เกาะตาชัยอาจเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วจนช่วยไม่ทัน
เจ้าของบริษัททัวร์นำเที่ยวเกาะตาชัย (และเกาะอื่นๆในทะเลอันดามัน) ผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง เล่าถึงปัญหาของเกาะตาชัยวันนี้ให้ผมให้ฟังว่า
“เกาะตาชัยเป็นเกาะเล็กๆ มีพื้นที่จำกัด มีชายหาดจำกัดเพียงหาดหน้าเกาะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานจำกัด แต่วันนี้ที่เกาะตาชัยไม่จำกัดคือปริมาณนักท่องเที่ยว เมื่อคนขึ้นมาเยอะ สิ่งที่ตามมาก็คือเรื่องขยะ ซึ่งแม้บริษัททัวร์จะนำขยะใส่ถุงกลับฝั่ง อุทยานฯมีการเก็บขยะไปทิ้งบนฝั่ง แต่มันก็มีขยะหลงเหลือ ขยะตกค้าง ขยะที่นักท่องเที่ยวแอบทิ้ง ทั้งคนไทยและต่างชาติ บางคนสูบบุหรี่เสร็จก็เขวี้ยงก้น(บุหรี่)ทิ้งหน้าตาเฉย ทำให้เจ้าหน้าที่(อุทยานฯที่ประจำบนเกาะ) ดูแลไม่ทั่งถึง”
นอกจากนี้การที่มีคนมาเยอะเกิน ทำให้เกิดการทำลายธรรมชาติตามมา ทั้งที่เจตนาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนเกาะมีหลายสัญชาติ หลายประเทศ บางชาติเขามีจิตสำนึกเรื่องธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เรื่องการอนุรักษ์อยู่แล้ว ไม่เป็นปัญหา แต่บางชาตินี่บอกได้คำเดียวว่าแย่
ปัญหานี้พี่เจ้าของทัวร์บอกว่า เป็นเรื่องที่ทางบริษัททัวร์ต่างๆ ต้องเอาใจใส่ ต้องให้ข้อมูลกับเขาอย่างชัดเจน ว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนห้าม ส่วนใครที่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ต้องรีบตักเตือน แต่ถ้าใครห้ามไม่ฟัง อาจต้องมีมาตรการที่เด็ดขาด เช่นส่งตัวกลับขึ้นฝั่งไปเลย ซึ่งพี่คนนี้บอกว่าบริษัททัวร์ของเขาเคยส่งนักท่องเที่ยวต่างชาตินอกแถวกลับขึ้นฝั่งมาแล้ว(คืนเงินให้) เพราะไปหักทำลายปะการัง
สำหรับปัญหาผลกระทบต่อธรรมชาติที่เห็นชัดเจนบนเกาะตาชัยในปัจจุบัน พี่เจ้าของทัวร์บอกเห็นจะเป็นเรื่องปูไก่
“ที่นี่แม้มีธรรมชาติสมบูรณ์มีปูไก่อยู่มาก ถึงขนาดเห็นตัวได้ง่ายๆในเวลากลางวัน แต่ปูไก่เป็นสัตว์ที่ไวต่อเสียง เมื่อคนเข้าไปเยอะ เป็นร้อยๆไปรบกวนแหล่งปูไก่ พวกมันก็หนีเข้าไปในป่าลึกขึ้น แต่คนก็ยังตามไปหาตัวมันในป่าลึกขึ้น เลยออกนอกเส้นทางที่กำหนดไว้ ทำให้ป่าถูกบุกรุกมากขึ้น”
พี่เจ้าของทัวร์เล่าต่อว่า เรื่องปูไก่ยังมีปัญหาอีก เพราะที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง(ที่ผมรู้มาหลักๆคือจีนกับรัสเซีย) เอาไม้ไปแหย่รูปู ไปจับปูมาฉีกก้ามถ่ายรูป ไปจับปูมาเล่น ขณะที่ตากล้องบางคน อยากได้รูปปูสวยก็ไปจับมันมาจัดท่าจัดทาง เหล่านี้ถือเป็นการรบกวนธรรมชาติโดยตรง ทำให้ปูมันย้ายถิ่น ย้ายแหล่งหากิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ดูแลไม่พอ เพราะต้องคอยดูแลเรื่องอาหารของนักท่องเที่ยวและเรื่องการจัดเก็บรายได้
“ใครที่มาตอนช่วงต้นฤดูจะมีโอกาสเจอปูได้ง่ายกว่า พวกมาช่วงท้ายฤดู เพราะปูมันย้ายถิ่นหนีกันไปมาก ถ้าปีต่อๆไปปูไก่ยังคงโดนรบกวน มันคงลดปริมาณลงไปมาก”
พี่คนนั้นกล่าว ซึ่งจากการที่ผมได้ไปเดินดูปูไก่ในช่วงท้ายฤดูกาลท่องเที่ยว พบว่าส่วนใหญ่เหลือแต่รูปูที่ขุดทิ้งร้างไว้จนเหือดแห้งนาน เพราะปูจำนวนมากหนีเข้าไปอยู่ในป่าลึก ต้องรอให้เกาะปิด ฝนมา ความชุ่มชื้นกลับมา ผู้คนหายไป ปูไก่จึงจะกลับคืนถิ่นประจำของมันอีกครั้ง
กับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบนเกาะตาชัย ผมถามพี่เจ้าของทัวร์ว่า มันควรมีทางออกทางแก้อย่างไร พี่เขาบอกว่าเรื่องสำคัญที่ต้องแก้คือการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวให้เหมาะสม เกาะตาชัยวันนี้ควรรับคนที่ 200 คน ส่วนถ้าเป็นช่วงเทศกาลให้สูงสุดเต็มที่ 300 คน ไม่เกินกว่านั้น (แต่ข้อเท็จจริงก็คือช่วงวันธรรมดาก็มีคนมาเที่ยวเกิน 300 คน ช่วงวันหยุดยาวคนมากถึง 400-600 คน)
อีกทั้งยังต้องสร้างระบบการยอมรับ ทางอุทยานฯต้องรับเฉพาะเรือที่แจ้งรายชื่อ และปริมาณคนที่จะขึ้นเกาะอย่างชัดเจนไว้ ไม่มีการลักไก่ให้เรือที่ไม่ได้ลงทะเบียนมาขึ้นเกาะ ส่วนทางผู้ประกอบการก็ต้องไปทำระบบให้ชัดเจน ถ้านักท่องเที่ยวเกินต้องยกไปวันถัดไป ขณะที่นักท่องเที่ยวก็ต้องยอมรับในระบบนี้ ใครที่อยากไปจริงๆต้องจองก่อนล่วงหน้าเพื่อให้ได้สิทธิ์ก่อน เหมือนกับการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเปราะบางในหลายๆ ประเทศ
นอกจากนี้อีกสิ่งสำคัญที่ต้องช่วยกันแก้เพื่อเกาะตาชัยก็คือ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน
ภาครัฐเจ้าของพื้นที่ควรเป็นเจ้าภาพในการบริหารจัดการเกาะ ประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆอย่างโปร่งใส ต้องเอาใจใส่ดูแลให้มากขึ้น เพราะเมื่อเปิดเกาะบนความ(ยัง)ไม่พร้อม ก็ต้องเติมความพร้อมเข้าไปทั้งจำนวนเจ้าหน้าที่ ป้ายสื่อความหมาย การตั้งกฎ กติกา ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ส่วนข้อดีของวันนี้เรื่องการเที่ยวแบบวันเดย์ทริปก็ให้ดำรงไว้อย่างเข้มแข็ง
ส่วนผู้ประกอบการต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับนักท่องเที่ยว ต้องดูแล ตักเตือนนักท่องเที่ยวที่อาจหลงทำผิด ระหว่างผู้ประกอบการต้องพูดคุยเรื่องการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้ชัดเพื่อจัดสรรระบบในการนำคนขึ้นเกาะ ที่สำคัญคือต้องไม่โลภ อย่าใช้โอกาสนี้เป็นช่วงเวลาทองเพื่อกอบโกย
ขณะที่นักท่องเที่ยวก็ต้องเคารพในระบบ กฎ กติกา ไม่ทิ้งขยะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
กับสิ่งเหล่านี้แม้จะดูยากสำหรับเมืองไทย แต่ถ้าไม่มีใครเริ่มทำ ต่างปล่อยปละละเลย ต่างคนต่างกอบโกย
ในอนาคตไม่ไกล เกาะตาชัยคงดูไม่จืดแน่นอน
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทอดตาทั้งแผ่นดินจนลูกตาไหม้เกรียม บรรดาเกาะที่มาแรงสุดๆ แห่งท้องทะเลไทย เห็นจะหนีไม่พ้นเกาะตาชัย ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา
เกาะตาชัย ก่อนที่จะถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ถูกปล่อยทิ้งไม่มีคนสนใจ จนกระทั่งทางอุทยานฯ ได้พัฒนาศักยภาพของเกาะแล้วเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างไม่เป็นทางการเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ชื่อของเกาะตาชัยก็กลายเป็นสวรรค์แห่งใหม่ของท้องทะเลอันดามันที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติถวิลหา
ธรรมชาติแสนงาม
เกาะตาชัย เป็นเกาะเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 12 ตร.กม. ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะสิมิลันกับเกาะสุรินทร์ บริเวณหน้าเกาะมีหาดทรายยาวประมาณ 700 เมตรเป็นไฮไลต์สำคัญของเกาะ(คนท้องถิ่นเรียกว่า “หาดหน้าเกาะ”) เพราะเป็นหาดทรายขาวนวลเนื้อละเอียดยิบราวผงแป้ง เดินนุ่มเท้า และมีความสวยงามสอดรับกับน้ำทะเลสวยใสปิ๊งที่ไล่ระดับจากฟ้าอ่อนไปจนถึงน้ำเงินเข้มในทะเลลึก มีจุดให้ดำน้ำตื้น 2-3 จุด ให้นักท่องเที่ยวสนอร์กเกิลลิ่งดูปะการังกับปลาสวยงามที่หน้าเกาะ
ขณะที่ลึกถัดเข้ามาบนฝั่งก็มีแนวป่าชายหาด ป่าไม้บนเกาะ ลำธารน้ำใสเย็น มีแนวหน้าผาทางด้านหลังเกาะที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้
บนเกาะตาชัยยังมีไฮไลต์อันโดดเด่นอีกอย่างนั่นก็คือ “ปูไก่” ปูน้ำจืดตัวโตที่มีเสียงร้องเหมือนไก่ ซึ่งจัดเป็นปูในระดับอันซีนไทยแลนด์เลยทีเดียว
เดิมปูไก่มีจุดให้ชมหลักๆ อยู่ที่เกาะสี่ (เกาะเมียง) การชมต้องเดินออกไปส่องดูในป่า (เส้นทางศึกษาธรรมชาติ) ยามค่ำคืนช่วงที่มันออกหากิน แต่ประทานโทษที่เกาะตาชัยนี่นักท่องเที่ยวสามารถเห็นปูไก่ในช่วงกลางวันได้อย่างไม่ยากเย็น หากเดินอย่างเงียบเข้าไปในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทางเกาะจัดทำไว้
นอกจากนี้บนเกาะตาชัยยังมีสัตว์เฉพาะพื้นที่อย่าง ค้างคาวแม่ไก่ตัวโต นกชาปีไหน ปูเสฉวนยักษ์ และหอยมรกต หอยพันธุ์ใหม่ที่มีรายงานการค้นพบที่เกาะตาชัยแห่งเดียวในโลก
นั่นถือเป็นความงามและมนต์เสน่ห์ของเกาะตาชัย ซึ่งที่ผ่านมาความจริงด้านนี้ถูกนำเสนอผ่านสื่อไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ชื่อเสียงของเกาะตาชัยโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เกาะตาชัยเพิ่งเปิดตัวให้เที่ยวได้แค่ประมาณ 2 ปี (สำหรับฤดูกาลนี้เกาะตาชัยเปิดให้เที่ยวตั้งแต่ 1 พ.ย. - 15 พ.ค. ซึ่งปกติ อช.สิมิลันจะปิดเกาะ 1 พ.ค. แต่ปีนี้เลื่อนเป็นปิด 15 พ.ค.)
อย่างไรก็ดี ในการลงไปเที่ยวเกาะตาชัยเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้สัมผัสกับความจริงอีกด้านหนึ่งของเกาะตาชัย ที่หากปล่อยปละละเลยไป โดยไม่มีการดูแล บริหารจัดการ ย่อมส่งผลเสียต่อเกาะแห่งนี้ในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังไว อย่าให้ไปเร็ว
แม้จะเป็นในวันธรรมดาของช่วงท้ายฤดูกาลท่องเที่ยว แม้ปัจจุบันทางอุทยานฯจะกำหนดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวเกาะตาชัยได้แบบวันเดย์ทริป ไปเช้า-เย็นกลับ ไม่อนุญาตให้พักค้าง แต่เกาะตาชัยก็ยังขายดี มีนักท่องเที่ยวเดินทางจากฝั่งไปเที่ยวบนเกาะตาชัยกันเป็นจำนวนมาก
มากจนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ถ้าไม่วางแผนบริหารจัดการ ไม่ควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยว เกาะตาชัยอาจเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วจนช่วยไม่ทัน
เจ้าของบริษัททัวร์นำเที่ยวเกาะตาชัย (และเกาะอื่นๆในทะเลอันดามัน) ผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง เล่าถึงปัญหาของเกาะตาชัยวันนี้ให้ผมให้ฟังว่า
“เกาะตาชัยเป็นเกาะเล็กๆ มีพื้นที่จำกัด มีชายหาดจำกัดเพียงหาดหน้าเกาะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานจำกัด แต่วันนี้ที่เกาะตาชัยไม่จำกัดคือปริมาณนักท่องเที่ยว เมื่อคนขึ้นมาเยอะ สิ่งที่ตามมาก็คือเรื่องขยะ ซึ่งแม้บริษัททัวร์จะนำขยะใส่ถุงกลับฝั่ง อุทยานฯมีการเก็บขยะไปทิ้งบนฝั่ง แต่มันก็มีขยะหลงเหลือ ขยะตกค้าง ขยะที่นักท่องเที่ยวแอบทิ้ง ทั้งคนไทยและต่างชาติ บางคนสูบบุหรี่เสร็จก็เขวี้ยงก้น(บุหรี่)ทิ้งหน้าตาเฉย ทำให้เจ้าหน้าที่(อุทยานฯที่ประจำบนเกาะ) ดูแลไม่ทั่งถึง”
นอกจากนี้การที่มีคนมาเยอะเกิน ทำให้เกิดการทำลายธรรมชาติตามมา ทั้งที่เจตนาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนเกาะมีหลายสัญชาติ หลายประเทศ บางชาติเขามีจิตสำนึกเรื่องธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เรื่องการอนุรักษ์อยู่แล้ว ไม่เป็นปัญหา แต่บางชาตินี่บอกได้คำเดียวว่าแย่
ปัญหานี้พี่เจ้าของทัวร์บอกว่า เป็นเรื่องที่ทางบริษัททัวร์ต่างๆ ต้องเอาใจใส่ ต้องให้ข้อมูลกับเขาอย่างชัดเจน ว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนห้าม ส่วนใครที่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ต้องรีบตักเตือน แต่ถ้าใครห้ามไม่ฟัง อาจต้องมีมาตรการที่เด็ดขาด เช่นส่งตัวกลับขึ้นฝั่งไปเลย ซึ่งพี่คนนี้บอกว่าบริษัททัวร์ของเขาเคยส่งนักท่องเที่ยวต่างชาตินอกแถวกลับขึ้นฝั่งมาแล้ว(คืนเงินให้) เพราะไปหักทำลายปะการัง
สำหรับปัญหาผลกระทบต่อธรรมชาติที่เห็นชัดเจนบนเกาะตาชัยในปัจจุบัน พี่เจ้าของทัวร์บอกเห็นจะเป็นเรื่องปูไก่
“ที่นี่แม้มีธรรมชาติสมบูรณ์มีปูไก่อยู่มาก ถึงขนาดเห็นตัวได้ง่ายๆในเวลากลางวัน แต่ปูไก่เป็นสัตว์ที่ไวต่อเสียง เมื่อคนเข้าไปเยอะ เป็นร้อยๆไปรบกวนแหล่งปูไก่ พวกมันก็หนีเข้าไปในป่าลึกขึ้น แต่คนก็ยังตามไปหาตัวมันในป่าลึกขึ้น เลยออกนอกเส้นทางที่กำหนดไว้ ทำให้ป่าถูกบุกรุกมากขึ้น”
พี่เจ้าของทัวร์เล่าต่อว่า เรื่องปูไก่ยังมีปัญหาอีก เพราะที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง(ที่ผมรู้มาหลักๆคือจีนกับรัสเซีย) เอาไม้ไปแหย่รูปู ไปจับปูมาฉีกก้ามถ่ายรูป ไปจับปูมาเล่น ขณะที่ตากล้องบางคน อยากได้รูปปูสวยก็ไปจับมันมาจัดท่าจัดทาง เหล่านี้ถือเป็นการรบกวนธรรมชาติโดยตรง ทำให้ปูมันย้ายถิ่น ย้ายแหล่งหากิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ดูแลไม่พอ เพราะต้องคอยดูแลเรื่องอาหารของนักท่องเที่ยวและเรื่องการจัดเก็บรายได้
“ใครที่มาตอนช่วงต้นฤดูจะมีโอกาสเจอปูได้ง่ายกว่า พวกมาช่วงท้ายฤดู เพราะปูมันย้ายถิ่นหนีกันไปมาก ถ้าปีต่อๆไปปูไก่ยังคงโดนรบกวน มันคงลดปริมาณลงไปมาก”
พี่คนนั้นกล่าว ซึ่งจากการที่ผมได้ไปเดินดูปูไก่ในช่วงท้ายฤดูกาลท่องเที่ยว พบว่าส่วนใหญ่เหลือแต่รูปูที่ขุดทิ้งร้างไว้จนเหือดแห้งนาน เพราะปูจำนวนมากหนีเข้าไปอยู่ในป่าลึก ต้องรอให้เกาะปิด ฝนมา ความชุ่มชื้นกลับมา ผู้คนหายไป ปูไก่จึงจะกลับคืนถิ่นประจำของมันอีกครั้ง
กับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบนเกาะตาชัย ผมถามพี่เจ้าของทัวร์ว่า มันควรมีทางออกทางแก้อย่างไร พี่เขาบอกว่าเรื่องสำคัญที่ต้องแก้คือการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวให้เหมาะสม เกาะตาชัยวันนี้ควรรับคนที่ 200 คน ส่วนถ้าเป็นช่วงเทศกาลให้สูงสุดเต็มที่ 300 คน ไม่เกินกว่านั้น (แต่ข้อเท็จจริงก็คือช่วงวันธรรมดาก็มีคนมาเที่ยวเกิน 300 คน ช่วงวันหยุดยาวคนมากถึง 400-600 คน)
อีกทั้งยังต้องสร้างระบบการยอมรับ ทางอุทยานฯต้องรับเฉพาะเรือที่แจ้งรายชื่อ และปริมาณคนที่จะขึ้นเกาะอย่างชัดเจนไว้ ไม่มีการลักไก่ให้เรือที่ไม่ได้ลงทะเบียนมาขึ้นเกาะ ส่วนทางผู้ประกอบการก็ต้องไปทำระบบให้ชัดเจน ถ้านักท่องเที่ยวเกินต้องยกไปวันถัดไป ขณะที่นักท่องเที่ยวก็ต้องยอมรับในระบบนี้ ใครที่อยากไปจริงๆต้องจองก่อนล่วงหน้าเพื่อให้ได้สิทธิ์ก่อน เหมือนกับการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเปราะบางในหลายๆ ประเทศ
นอกจากนี้อีกสิ่งสำคัญที่ต้องช่วยกันแก้เพื่อเกาะตาชัยก็คือ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน
ภาครัฐเจ้าของพื้นที่ควรเป็นเจ้าภาพในการบริหารจัดการเกาะ ประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่างๆอย่างโปร่งใส ต้องเอาใจใส่ดูแลให้มากขึ้น เพราะเมื่อเปิดเกาะบนความ(ยัง)ไม่พร้อม ก็ต้องเติมความพร้อมเข้าไปทั้งจำนวนเจ้าหน้าที่ ป้ายสื่อความหมาย การตั้งกฎ กติกา ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ส่วนข้อดีของวันนี้เรื่องการเที่ยวแบบวันเดย์ทริปก็ให้ดำรงไว้อย่างเข้มแข็ง
ส่วนผู้ประกอบการต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับนักท่องเที่ยว ต้องดูแล ตักเตือนนักท่องเที่ยวที่อาจหลงทำผิด ระหว่างผู้ประกอบการต้องพูดคุยเรื่องการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้ชัดเพื่อจัดสรรระบบในการนำคนขึ้นเกาะ ที่สำคัญคือต้องไม่โลภ อย่าใช้โอกาสนี้เป็นช่วงเวลาทองเพื่อกอบโกย
ขณะที่นักท่องเที่ยวก็ต้องเคารพในระบบ กฎ กติกา ไม่ทิ้งขยะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
กับสิ่งเหล่านี้แม้จะดูยากสำหรับเมืองไทย แต่ถ้าไม่มีใครเริ่มทำ ต่างปล่อยปละละเลย ต่างคนต่างกอบโกย
ในอนาคตไม่ไกล เกาะตาชัยคงดูไม่จืดแน่นอน