"สาหร่ายทะเล" จัดว่าเป็นอีกหนึ่งอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะในสาหร่ายทะเลมีสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ซึ่งสาหร่ายทะเลสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้มากหลาย อาทิ นำมาทำเป็นแกงจืดสาหร่าย หรืออาหารญี่ปุ่นที่นำเอาสาหร่ายทะเลมาเป็นส่วนประกอบ รวมถึงยังมีสาหร่ายทะเลสำเร็จรูปมากมายที่นำออกมาขาย จึงไม่แน่แปลกใจที่ในท้องตลาดจะมีสาหร่ายทะเลหลากหลายรูปแบบมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อหาและนำไปปรุงเป็นอาหารบริโภคกัน
และในวันนี้ก็อยากจะแนะนำและพาไปทำความรู้จักสาหร่ายทะเลชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า "สาหร่ายช่อพริกไทย " (Caulopa macrophysa) ซึ่งมีความน่าสนใจ และถือว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพน้องใหม่ ที่ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงาได้ทำการวิจัยเพราะเลี้ยง เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านได้นำไปเพาะเลี้ยงในธรรมชาติ เกิดเป็นอาชีพใหม่และสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน อีกทั้งทางศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังได้เตรียมผลักดันให้เมนูสาหร่ายช่อพริกไทยเป็นอาหารจานเด็ด ที่ถ้าใครมาเที่ยวจังหวัดพังงาแล้วต้องมาลิ้มรสกันให้
"สาหร่ายช่อพริกไทย" (Caulopa macrophysa) หรือ "สาหร่ายเม็ดพริกไทย" หรือ "Green Caviar" คือ สาหร่ายสีเขียวชนิดหนึ่ง มีลักษณะโดยทั่วไป ทัลลัสประกอบด้วยสโลอนที่คืบคลานไปตามพื้นและแตกแขนงได้ ส่วนของแขนงที่ตั้งตรงสูง 1-6 ซม. มักเกิดเดี่ยวๆ ไม่ค่อยแตกแขนง ประกอบด้วยรามูลัสเล็กๆลักษณะกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 1.5-2 มิลลิเมตร มีก้านสั้นๆ เรียงกันคล้ายช่อพริกไทย แต่ละรามูลัสมีรอยคอดระหว่างก้านและส่วนที่เป็นเมล็ดกลมสีเขียวใส ส่วนที่คล้ายลำต้นเกาะยึดคืบคลานบนพื้น
และสามารถพบสาหร่ายช่อพริกไทยได้ตามบริเวณชายฝั่งในเขตน้ำขึ้น-ลง หรือแอ่งน้ำขัง เกาะกับก้อนหิน ปะการัง ไม่สามารถทนได้ในน้ำที่มีความเค็มต่ำ เจริญชุกชุมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม ขยายพันธุ์ได้โดยการเจริญจากกิ่งที่แตกหัก
สุภาพ ไพรพนาพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา ได้เล่าถึงความเป็นมาในการวิจัยและเพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทย ว่าทางศูนย์ฯ ได้เพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทยนี้ควบคู่ไปกับการเลี้ยงปลาอยู่แล้ว จนกระทั่งเมื่อพบว่าสาหร่ายช่อพริกไทยนี้คนสามารถกินได้ และเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ จึงได้คิดหาวิธีคิดทำเป็นรูปแบบที่จะทำเป็นอาหาร และทางศูนย์ฯ ได้เริ่มเพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทยมาตั้งแต่ปี 2540 โดยเอามาจากธรรมชาติที่อยู่ในทะเล พร้อมกับได้คิดค้นนำสาหร่ายช่อพริกไทยมาทำเป็นเมนูอาหารที่ชวนกินและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก อย่างเช่น ส้มตำสาหร่าย
"ที่เราเพิ่มทำวิจัยและเพาะเลี้ยงก็เพราะว่า เราอยากจะทำอาหารให้คนกิน มีตัวเลือกสำหรับประชาชนมากขึ้น และเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ซึ่งการเพาะเลี้ยงสาหร่าย เราก็เลี้ยงร่วมกับปลา แล้วก็เริ่มมีการวิจัยเลี้ยงในตะกร้าบ้าง แต่ตอนนี้ก็มีการนำมาเลี้ยงเดี่ยวในตะกร้า ตอนแรกเราไปเอาสาหร่ายมาจากทะเลทางธรรมชาติและนำมาเพาะเลี้ยงในบ่อ และตอนนี้ในบ่อเริ่มมีพอให้ได้แล้ว เราก็จะเลี้ยงเดี่ยวๆ ในตะกร้า แต่ว่าก็ยังแขวนอยู่ในบ่อเหมือนเดิม แทนที่จะปล่อยสะเปะสะปะ เรียกว่ามีการจัดการมากขึ้น" สุภาพ บอกและยังได้อธิบายการเพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทยให้รู้ว่า
"การเพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทย เราทำอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน 1. จะหว่านสาหร่ายช่อพริกไทยลงไปในบ่อ ให้สาหร่ายเจริญเติบโตที่พื้นบ่อ กับผนังบ่อ 2. นำสาหร่ายมาใส่ในตะกร้าแล้วลอยไว้ที่ผิวน้ำ แต่ว่ายังอยู่ในบ่อที่เลี้ยงปลา 3. นำมาใส่อวนที่ทำเป็นจานไว้ แล้วก็นำสาหร่ายมาใส่ หรือว่ามัดกับก้อนหินไว้ก็ได้แล้วก็แขวนไว้ สาหร่ายเป็นคล้ายๆ พืชก็จะดูดแร่ธาตุจากในน้ำที่เราเลี้ยงปลาในธรรมชาติ ไม่ต้องให้อาหารอะไรทั้งสิ้น เป็นน้ำทะเลที่เราสูบขึ้นมาเลี้ยงปลา แล้วสาหร่ายก็จะสร้างการเจริญเติบโตเอง"
ตอนนี้ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา ได้เพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทยได้แล้ว และมีการทดลองใส่ปุ๋ย เป็นปุ๋ยที่ทำมาจากปุ๋ยอินทรีย์ เป็นการย่อยจากสาหร่ายตัวอื่นที่กินไม่อร่อยก็นำมาทำเป็นปุ๋ย แล้วก็นำปุ๋ยนี้หยอดลงไปในน้ำเลี้ยง แล้วก็การเลี้ยงกับปลาสวยงาม ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์ฯ ได้มีการจัดฝึกอบรมให้กับเกษตรจำนวน 40 ราย เพื่อนำไปขยายการเลี้ยงเพาะในทะเล เพื่อให้ชาวบ้านได้เพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทยเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านเพิ่มมากขึ้น นอกจากการเลี้ยงปลาเดี่ยวๆ อย่างเดียว ก็ให้หันมาเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทยควบคู่ไปด้วย
"ในการเพาะเลี้ยงสาหร่าย ถ้ามีสาหร่ายมากพอ ระยะเวลาในการเลี้ยงเพียงแค่ 1 เดือน ก็จะได้ปริมาณ 1 เท่าตัว อย่างถ้าใส่ไปในตระกร้า 1 ใบ จำนวน 1 กิโลกรัม 1 เดือนก็จะได้ 2 กิโลกรัม เราก็เก็บเกี่ยว 1 กิโลกรัมไปจำหน่าย และตอนนี้ก็กำลังขยายการเพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทย ไปที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรีก็มีการเพาะเลี้ยงกันมาก โดยเลี้ยงในบ่อดิน"
"เรายังมีสาหร่ายอีกตระกูลที่ใกล้เคียงกับสาหร่ายช่อพริกไทย คือ สาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งเม็ดจะใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่ง เราได้เอาสาหร่ายพวกองุ่นมาทดลองวิจัยดู การตอบรับของผู้บริโภคก็ดีเหมือนกัน สาหร่ายพวงองุ่นน้ำหนักจะได้เยอะกว่าสาหร่ายช่อพริกไทย เกษตรกรก็ควรจะดูตัวนี้ด้วยเหมือนกัน คิดว่าภายในอีก 1 ปีถ้าสาหร่ายพวกองุ่นได้รับการตอบรับดี เราก็จะได้ส่งเสริมชาวบ้านให้เพาะเลี้ยงต่อไป เพราะว่าจะได้น้ำหนักที่ดีกว่าสาหร่ายช่อพริกไทย" สุภาพ อธิบาย
เมื่อถามถึงเมนูอาหารที่ทำจากสาหร่ายช่อพริกไทยที่ทางศูนย์ได้คิดค้นขึ้นมาว่ามีเมนูเด็ดอะไรบ้างนั้น ก็ได้รับตำตอบที่ว่าตอนนี้มีเมนูสาหร่ายช่อพริกไทยเด่นๆ อยู่ 2 เมนู คือ 1. ส้มตำสาหร่าย 2. ทำเป็นกรีนคาเวียร์ ก็คือ คาเวียร์สีเขียว ซึ่งปกติจะเคยกินกันแต่คาเวียร์ที่มาจากไข่ปลาสเตอร์เจียนเป็นเม็ดๆ ซึ่งคาเวียร์สีเขียวที่ว่านี้ก็เป็นเม็ดๆ เหมือนกัน แต่ว่ามาจากสาหร่าย โดยการปรุงเมนูกรีนคาเวียร์ ก็คือ มีขนมปัง ไข่ เนื้อกุ้ง ใส่ซอสมายองเนสนิดหน่อย และก็โรยหน้าด้วยสาหร่ายช่อพริกไทย เป็นเมนูเด็ดที่ชวนลิ้มลอง
การได้ลิ้มรสเมนูสาหร่ายช่อพริกไทย นอกจากจะได้ความอร่อยแล้วยังกินดีต่อสุขภาพด้วย เพราะสาหร่ายช่อพริกไทยมี คุณค่าทางอาหารมากมาย เพราะมีสารอาหาร เช่น วิตามินเอ, บี, ซี, อี, และเค ที่ร่างกายดูดซับได้ง่าย สามารถช่วยปรับสมดุลในร่างกาย และรักษาความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว บำรุงสมอง บำรุงเส้นผม ทั้งยังมีงานวิจัยอีกหลายสถาบันที่เชื่อว่าสาหร่ายให้ผลเป็นยาในการต่อต้าน และยับยั้งเซลล์ผิดปกติ หรือมะเร็ง อีกทั้งเป็นแหล่งอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ และกากใยสูงป้องกันท้องผูกและริดสีดวงทวาร เหมาะสำหรับผู้ต้องการลดความอ้วน และเป็นแหล่งแคลเซี่ยมที่สำคัญ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
คุณประโชยน์ของสาหร่ายช่อพริกไทยยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในสาหร่ายยังมีแร่ธาตุที่สำคัญ คือ มีแมกนีเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อ และประสาททำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีแคลเซียมบำรุงกระดูก มีโปแตสเซียม ช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์และความสมดุลของน้ำในร่างกาย มีสังกะสีช่วยเสริมระบบคุ้มกัน มีไอโอดีนป้องกันและรักษาโรคคอพอก และมีเบ้ต้าแคโรทีน ต้านอนุมูลอิสระและมะเร็ง แล้วก็ยังมีกรดอมิโนที่จำเป็นหลายชนิดที่ไม่พบในพืชบก ถึงแม้จะมีรสเค็มแต่ปริมาณเกลือต่ำ ปริมาณไขมันต่ำ ให้พลังงานน้อยแต่มีคุณค่าทางอาหารสูง มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจ
"เมนูสาหร่ายช่อพริกไทย ถือว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะว่าไม่มีไขมัน และไม่มีสารที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ในร่างกาย มีแต่สารที่มีประโยชน์ทั้งนั้น อย่างเช่นไอโอดีนเพราะว่าอยู่ทะเลเป็นตัวดูดซับไอโอดีนมาเก็บไว้ในตัว ป้องกันคอพอก นอกจากนี้ก็ยังมีพวกวุ้นที่ทานเข้าไปแล้วก็จะอิ่ม ใช้สำหรับลดน้ำหนักได้ และก็ยังมีแร่ธาตุต่างๆ พวกธาตุเหล็ก ที่มีความจำเป็นต่อเซลล์ของมนุษย์ จึงอยากฝากถึงผู้บริโภค ว่าสาหร่ายช่อพริกไทยตัวนี้ เป็นอาหารสุขภาพตัวเลือกตัวใหม่ อยากให้ทุกคนได้ลิ้มลอง เพราะว่ามีคุณค่าทางอาหาร เป็นอาหารสุขภาพ ลองทดลองชิมดู” สุภาพ กล่าวชวนเชิญ
เรียกว่าถ้าหากว่าใครมีโอกาสมาเยือนจังหวัดพังงา ก็อยากแนะนำให้ลองหาเมนูสาหร่ายช่อพริกไทยมาลิ้มลองกัน เพราะว่าทางศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็เตรียมผลักดันให้เมนูสาหร่ายช่อพริกไทยเป็นเมนูเด่นที่ถ้ามาจังหวัดพังงาแล้วไม่ควรพลาด
ลัดดาวัลย์ ช่วยชาติ หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทางศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา นอกจากจะส่งเสริมให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหม่ๆ แล้ว ซึ่งที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกสถานที่หนึ่งที่มีความน่าสนใจ ในเรื่องการมาชมการเพาะเลี้ยงและวิจัยสัตว์ทะเลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เต่าทะเล ปลาการ์ตูน และยังมีการทำวิจัยเพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะสาหร่ายนี้สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพได้ และทางศูนย์วิจัยฯ ก็ได้มีการพัฒนาและต่อยอดให้เกิดเป็นอาชีพกับชาวบ้าน ช่วยสร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง
“สาหร่ายช่อพริกไทยที่นำมาปรุงเป็นอาหารจานเด็ด ที่อยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวได้ลองมาชิมกัน ก็คือส้มตำสาหร่าย เป็นการนำเอาสาหร่ายสดๆ จากทะเล มาล้างน้ำจืด แล้วก็ทำน้ำส้มตำรอไว้ เวลาจะกินก็ตักน้ำส้มตำมาราดบนสาหร่ายกินแบบเป็นคำๆ ได้เลย เพราะถ้าเอาสาหร่ายลงไปตำรวมด้วยจะเละ นักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่ได้กินต่างก็บอกว่าอร่อยกันทั้งนั้น”
"แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีร้านอาหารที่ทำเมนูสาหร่ายออมาจำหน่ายมากนัก มีแต่เพียงร้านไอทะเล ที่ตั้งอยู่ที่ท้ายเหมืองร้านเดียวเท่านั้น แต่ต่อไปถ้ามีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายช่อพริกไทยได้มากขึ้น ทางททท. ก็จะทำการประชาสัมพันธ์และผลักดันให้มีเมนูสาหร่ายช่อพริกไทยขายในร้านอาหารหลายๆ ร้าน เรียกว่าถ้าใครมาเที่ยวจังหวัดพังงา ก็ต้องมาลิ้มรสเมนูสาหร่ายช่อพริกไทยกันให้ได้" ลัดดาวัลย์ กล่าวทิ้งท้ายแบบเชิญชวน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!!
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com