ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจน้ำภูเก็ต สนธิกำลังศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 จับผู้ต้องหารับจ้างลักลอบขนปลาสวยงามเตรียมส่งขึ้นรถโดยสารประจำทางเข้ากรุงเทพฯ ยึดของกลาง กว่า 200 ตัว เผยแนวโน้มลักลอบเพิ่มสูงขึ้น โดยทำเป็นกองทัพมด
เมื่อเวลา 18.00 น.วันนี้ (3 ม.ค.) ที่สถานีตำรวจน้ำจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ ผกก.กก.8 กบ.ตำรวจน้ำ พร้อมด้วย นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) นายอุกกฤต สตภูมินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน พ.ต.ท.ฉัตรชัย ศักดิ์ดี สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายบุญเสื้อน รักนาวา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต พร้อมของกลางปลาสวยงาม จำนวน 232 ตัว ซึ่งมีทั้งปลาบู่ทราย ปลาตั๊กแตนหิน และปลาพยาบาล รถกระบะที่ใช้สำหรับขนปลาสวยงาม ป้ายทะเบียน บธ 7613 ภูเก็ต โดยจับกุมได้ที่ด้านหลังปั๊มน้ำมัน ปตท.รัษฎาแก๊ส ถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ขณะพักรถเพื่อรอส่งของกลางดังกล่าวฝากไปกับรถบัสโดยสารประจำทาง เพื่อนำไปส่งให้แก่ลูกค้าที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีการลักลอบขนปลาสวยงามเพื่อนำไส่งขึ้นรถดดยสารประจำทาง หลังได้รับแจ้งจึงมีการสนธิกำลังร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) และตำรวจน้ำภูเก็ต ออกติดตามจับกุมจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางดังกล่าวโดยแจ้งข้อกล่าวหาทำผิด พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และจากการสอบถามผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ทราบว่าของกลางดังกล่าวเป็นสัตว์คุ้มครอง โดยตนทำหน้าที่เป็นคนส่งของ ได้รับค่าจ้างขนครั้งละ 1,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำก็ได้คุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าวดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานผิด พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และส่งตัวให้ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดปะการัง ได้ 117 ก้อน และปลาบู่ทราย จำนวน 107 ตัว ซึ่งการจับกุมดังกล่าว ได้รับการประสานจากสายว่า จะมีการลักลอบขนปลาสวยงามอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการสืบสวนหาข่าว และวางกำลังเข้าตรวจสอบ และสามารถจับกุมได้ที่ด่านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งการจับกุมในครั้งนั้นไม่มีผู้ต้องหา ยึดได้เฉพาะของกลาง
นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) กล่าวถึงสถานการณ์การลักลอบจับสัตว์คุ้มครองดังกล่าวว่า เริ่มมีแนวโน้มการลักลอบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในตลาดมีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเลี้ยงปลาทะเลสวยงาม ซึ่งการลักลอบขนนั้นจะทำเป็นลักษณะของกองทัพมด ไม่มีการลักลอบขนเป็นคันรถรายใหญ่เหมือนในอดีต ถึงแม้ว่าจะสัตว์คุ้มครองดังกล่าวจะมีมูลค่าไม่มากนัก แต่ความเสียหายทางทรัพยากรธรรมชาติมีค่อนข้างสูง ซึ่งก็จะมีการบูรณาการหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ความรู้สร้างความเข้าใจต่อประชาชน ว่า อย่านำสัตว์คุ้มครองดังกล่าวไปเลี้ยง หรือจับไปขาย เพราะจะทำลายระบบนิเวศ อย่างเช่น ปลาตั๊กแตนหิน วิธีการที่จะได้มาจะต้องใช้ยาเบื่อ เพราะปลาอยู่ในซอกหิน ซึ่งวิธิการดังกล่าวก็จะทำให้ปลาดังกล่าวสูญหายไปจากระบบนิเวศได้
เมื่อเวลา 18.00 น.วันนี้ (3 ม.ค.) ที่สถานีตำรวจน้ำจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ ผกก.กก.8 กบ.ตำรวจน้ำ พร้อมด้วย นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) นายอุกกฤต สตภูมินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน พ.ต.ท.ฉัตรชัย ศักดิ์ดี สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายบุญเสื้อน รักนาวา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต พร้อมของกลางปลาสวยงาม จำนวน 232 ตัว ซึ่งมีทั้งปลาบู่ทราย ปลาตั๊กแตนหิน และปลาพยาบาล รถกระบะที่ใช้สำหรับขนปลาสวยงาม ป้ายทะเบียน บธ 7613 ภูเก็ต โดยจับกุมได้ที่ด้านหลังปั๊มน้ำมัน ปตท.รัษฎาแก๊ส ถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ขณะพักรถเพื่อรอส่งของกลางดังกล่าวฝากไปกับรถบัสโดยสารประจำทาง เพื่อนำไปส่งให้แก่ลูกค้าที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีการลักลอบขนปลาสวยงามเพื่อนำไส่งขึ้นรถดดยสารประจำทาง หลังได้รับแจ้งจึงมีการสนธิกำลังร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) และตำรวจน้ำภูเก็ต ออกติดตามจับกุมจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางดังกล่าวโดยแจ้งข้อกล่าวหาทำผิด พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และจากการสอบถามผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ทราบว่าของกลางดังกล่าวเป็นสัตว์คุ้มครอง โดยตนทำหน้าที่เป็นคนส่งของ ได้รับค่าจ้างขนครั้งละ 1,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำก็ได้คุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าวดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานผิด พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และส่งตัวให้ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดปะการัง ได้ 117 ก้อน และปลาบู่ทราย จำนวน 107 ตัว ซึ่งการจับกุมดังกล่าว ได้รับการประสานจากสายว่า จะมีการลักลอบขนปลาสวยงามอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการสืบสวนหาข่าว และวางกำลังเข้าตรวจสอบ และสามารถจับกุมได้ที่ด่านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งการจับกุมในครั้งนั้นไม่มีผู้ต้องหา ยึดได้เฉพาะของกลาง
นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) กล่าวถึงสถานการณ์การลักลอบจับสัตว์คุ้มครองดังกล่าวว่า เริ่มมีแนวโน้มการลักลอบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในตลาดมีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเลี้ยงปลาทะเลสวยงาม ซึ่งการลักลอบขนนั้นจะทำเป็นลักษณะของกองทัพมด ไม่มีการลักลอบขนเป็นคันรถรายใหญ่เหมือนในอดีต ถึงแม้ว่าจะสัตว์คุ้มครองดังกล่าวจะมีมูลค่าไม่มากนัก แต่ความเสียหายทางทรัพยากรธรรมชาติมีค่อนข้างสูง ซึ่งก็จะมีการบูรณาการหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ความรู้สร้างความเข้าใจต่อประชาชน ว่า อย่านำสัตว์คุ้มครองดังกล่าวไปเลี้ยง หรือจับไปขาย เพราะจะทำลายระบบนิเวศ อย่างเช่น ปลาตั๊กแตนหิน วิธีการที่จะได้มาจะต้องใช้ยาเบื่อ เพราะปลาอยู่ในซอกหิน ซึ่งวิธิการดังกล่าวก็จะทำให้ปลาดังกล่าวสูญหายไปจากระบบนิเวศได้
