xs
xsm
sm
md
lg

อิ่มบุญ เพลินใจ ใน “อุบลฯ” ยลธรรมชาติมหัศจรรย์สามพันโบก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความงดงามของเจดีย์พระโพธิญาณเถรที่วัดหนองป่าพง
ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก อากาศจะร้อนอบอ้าวเพียงใด สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับคนชอบเที่ยวอย่าง “ตะลอนเที่ยว” เพราะไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไร เราก็สามารถออกเดินทางท่องเที่ยวไปเที่ยวทั่วเมืองไทยได้อย่างสนุกสนาน และแสนสบาย

เหมือนที่ในทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” เก็บกระเป๋าออกเดินทางพร้อมกล้องคู่ใจ เหินฟ้ามากับนกเหล็กยักษ์ของสายการบินนกแอร์ บินตรงจากกรุงเทพฯ มาแบบสะดวกสบาย ก็มาถึงยังจุดหมายปลายทาง “จังหวัดอุบลราชธานี”

ซึ่งในช่วงหน้าร้อนนี้ เมืองอุบลฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันน่ามหัศจรรย์ใจ อย่าง “สามพันโบก” ที่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ที่ใน 1 ปี สามพันโบกจะเผยความสวยงามให้ได้ชมกันเฉพาะช่วงหน้าร้อน (ฤดูแล้ง) เท่านั้น
หุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าจริงของหลวงปู่ชา
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ “ตะลอนเที่ยว” ตั้งใจเลือกที่จะมาเที่ยวจ.อุบลราชธานีในครั้งนี้ เพราะเราอยากจะมาชมความมหัศจรรย์อันงดงามของสามพันโบกด้วยตาตัวเอง ว่าจะยิ่งใหญ่และงดงามเพียงใด และก็ยังเลือกที่จะสัมผัสเมืองอุบลฯ ที่งดงามผ่านจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายสถานที่ ให้ม่วนหลายกันไป

เราเปิดฉากเที่ยวเมืองอุบลฯ ด้วยการไปกราบนมัสการหลวงปู่ชา สุภัทโท หรือ พระโพธิญาณเถร ที่ “วัดหนองป่าพง” ตั้งอยู่ที่อ.วารินชำราบ กันก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ซึ่งวัดหนองป่าพง เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยหลวงปู่ชา และเป็นสำนักปฎิบัติธรรม ที่เมื่อเดินเข้ามาในวัดแล้วจะสัมผัสได้กับสภาพแวดล้อมที่รายรอบไปด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ
เจดีย์แก้วยอดเงินที่บรรจุอัฐิพระโพธิญาณเถร
ภายในวัดมีบรรยากาศรื่นรมย์และร่มรื่นไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ และมีสิ่งที่น่าสนใจให้เดินชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร เป็นอาคารสูง 3 ชั้นทรงไทยประยุกต์ ด้านในชั้น 1 จัดแสดงโลงบรรจุ รูปหลวงปู่ชาให้ได้กราบสักการะ และยังมีตู้แสดงโครงกระดูกมนุษย์อยู่สองข้าง ชั้น 2 จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านที่ชาวบ้านนำมาถวายวัด เช่น เครื่องจักสาน ผ้าทอมือ เครื่องประดับต่างๆ นิทรรศการคำสอนของหลวงพ่อ ส่วนตรงกลางเป็นโถงบันไดขึ้นสู่ชั้นที่ 2 และ 3 ผนังบริเวณบันไดประดับแผ่นดินเผารูปนูนต่ำเรื่องราวประวัติหลวงปู่ชา ไม้แกะสลักเรื่องพุทธประวัติ และชั้น 3 จัดแสดงเครื่องอัฐบริขารต่างๆ ของท่าน และมีหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่ารูปจริงของหลวงปู่ชาในท่านั่งอยู่บนเก้าอี้หวายประดิษฐานอยู่ให้ได้กราบไหว้
หลักธรรมคำสอนต่างๆ ติดอยู่ตามต้นไม้ที่วัดหนองป่าพง
ออกจากพิพิธภัณฑ์ฯ ก็เดินไปตามทางที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ซึ่งต้นไม้ที่วัดนี้พูดได้ ที่ว่าพูดได้ก็เพราะมีจะหลักธรรมคำสอนต่างๆ ของหลวงปู่ชา ติดอยู่ตามต้นไม้แทบทุกต้น ถ้าหากเราได้อ่านออกเสียงตามคำสอนที่ติดอยู่บนต้นไม้เหล่านี้แล้วล่ะก็เหมือนต้นไม้นั้นพูดได้ (ที่จริงก็คือเราพูด) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อคิดธรรมมะสอนใจที่ดีมาก

เรียกว่าเดินอ่านธรรมมะที่ติดอยู่บนต้นไม้กันแบบเพลินๆ ผ่านมาตามเส้นทางเดินอันรื่นรมย์เข้ามาด้านใน ก็จะพบกับ เจดีย์พระโพธิญาณเถร เป็นเจดีย์รูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอีสานกับล้านช้าง องค์เจดีย์เป็นบัวเหลี่ยมตั้งอยู่บนฐานกลม มีขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าสีเหลืองทองอร่ามเห็นได้แต่ไกล ซึ่งสร้างขึ้นโดยศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ชา ภายในมีเจดีย์แก้วยอดเงินที่บรรจุอัฐิของหลวงปู่ชาไว้ให้ได้สักการะขอพรกัน
พระอุโบสถวัดภูเขาแก้วตกแต่งงดงามด้วยกระเบื้องเคลือบทั้งหลัง
ได้อิ่มบุญที่วัดหนองป่าพงพอสมควรแล้ว เราก็เดินทางไปแสวงบุญกันต่อกับอีก 1 วัดที่มีชื่อเสียงและมีความน่าสนใจ นั่นคือ “วัดภูเขาแก้ว” ตั้งอยู่ที่อ.พิบูลมังสาหาร เป็นวัดที่มีความสวยงามแปลกตา ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าวัดที่สร้างขึ้นด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผาอันงดงามจับตาและมีสถาปัตยกรรมแบบขอม
ซุ้มประตูพระอุโบสถอันสวยงามวัดภูเขาแก้ว
พอเดินเข้าไปด้านในก็จะพบกับพระอุโบสถหลังงามที่ประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผาทั้งหลัง ดูงดงามจับตาและมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ เป็นรูปแบบศิลปะไทย หลังคาเป็นโครงสร้างไม่มีมุข ลดหลั่นกันสี่ชั้น ด้านหน้าและด้านหลังมุงด้วยกระเบื้องเคลือบดินเผา ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ มีคันทวยรองรับชายคาเป็นรูปนาคโดยรอบ ส่วนบริเวณกลางหลังคาตกแต่งเป็นยอดปราสาททอง หน้าบันจำหลักปูนปั้นลายก้านขดที่งดงามอ่อนช้อย กลมกลืนกับบัวหัวเสาที่ทำตามแบบศิลปะอินเดีย และส่วนล่างของบัวหัวเสาลงมาตกแต่งแบบศิลปะขอม
ภายในพระอุโบสถวัดภูเขาแก้วตกแต่งด้วยภาพนูนสูงเรื่องราวพระธาตุที่สำคัญของเมืองไทย
และลวดลายที่ใช้ประดับตกแต่งส่วนใหญ่ เป็นลวดลายที่ถ่ายทอดมาจากปราสาทขอม ไม่ว่าจะเป็นนางอัปสรหรือทวารบาลที่ยืนเคียงคู่อยู่ที่ประตูพระอุโบสถ และอีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นก็คือภายในพระอุโบสถ ไม่ได้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเหมือนวัดอื่นๆ แต่จะตกแต่งด้วยภาพนูนสูง อยู่เหนือบานประตูและหน้าต่างขึ้นไป เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระธาตุที่สำคัญของประเทศไทย และเล่าเรื่องประวัติของพระธาตุแต่ละองค์ไวพอสังเขป
พระพือ (รูปสลักจำลอง) ตั้งอยู่ที่แก่งสะพือ
หลังจากได้เดินชมความงามวัดภูเขาแก้วและทำบุญกราบพระขอพรกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของอ. พิบูลมังสาหารกันต่อ สถานที่นั้นก็คือ “แก่งสะพือ” เป็นแก่งที่สวยงามแห่งหนึ่งของจ.อุบลฯ ที่อยู่ในแม่น้ำมูล คำว่า “สะพือ” เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า "ซำพืด" หรือ "ซำปื้ด" เป็นภาษาส่วยที่แปลว่า งูใหญ่
ทัศนียภาพของแก่งสะพือ เป็นแก่งที่สวยงามในแม่น้ำมูล
ที่แก่งสะพือแห่งนี้ มีพระพือ (รูปสลักจำลอง) “พระพือ” เป็นแท่งหินรูปเทวสตรี มือขวาถือจักร มือซ้ายถือดอกบัว นั่งขัดสมาธิ ให้ได้กราบสักการะ ซึ่งเมื่ออดีตประดิษฐานอยู่กลางแก่งสะพือ ในเดือนเม.ย. ของทุกปี ประชาชนนิยมไปกราบไหว้บูชา สรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งองค์จริงปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในอุโบสถ วัดสระแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร
เด็กๆ สนุกสนานกับการเล่นน้ำที่แก่งสะพือ
การที่จะมาเที่ยวชมความงามของแก่งสะพือ ควรจะมาเที่ยวในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. เพราะเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำมูลไม่สูงมากนัก และน้ำลดลงทำให้เห็นแก่งหินได้อย่างชัดเจนและสวยงาม มีแก่งหินน้อยใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างสลับซับซ้อนเต็มไปหมดในลำน้ำมูล และมีกระแสน้ำไหลผ่านกระทบแก่งหินเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ ดูงดงาม ซึ่งในช่วงเดือนเม.ย. ของทุกปี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทางเทศบาลตำบลพิบูลมังสาหาร จะมีการจัดงานประเพณีสงกรานต์แก่งสะพือขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสืบทอดประเพณีอันดีงามไว้
ร้านค้าขายสินค้าจำพวกปลาตากแห้งต่างๆ มีให้เลือกซื้อหาที่แก่งสะพือ
เราสามารถเดินลงไปชมแก่งสะพือได้อย่างใกล้ชิด จะได้เห็นนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำตามแก่งหิน เห็นเด็กๆ มากระโดดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน หรือส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็นิยมมานั่งพักผ่อน สัมผัสลมเย็นๆ ชมแก่งหินและสายน้ำที่ดูแล้วชวนให้ใจเย็นสบาย หรือถ้าใครเกิดหิวขึ้นมาก็มีร้านอาหารให้เลือกเข้าไปใช้บริการแบบอิ่มท้อง หรือจะเดินเลือกซื้อหาของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านไป ก็จะมีพวกสารพัดปลาตากแห้งต่างๆ จำนวนมาก หรือหนังกบตากแห้ง กล้วยเบรคแตก หรือของที่ระลึกอื่นๆ ให้ได้เลือกซื้อหากันตามชอบใจ
ความมหัศจรรย์ของสามพันโบกที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น
“ตะลอนเที่ยว” ได้เดินชมแก่งสะพือ เดินชอป เดินชิมจนอิ่มเอิมเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะต้องออกเดินทางจากแก่งสะพือ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่เที่ยวที่สุดท้ายที่เป็นไฮไลท์ของทริปนี้ สถานที่ที่ว่าก็คือ “สามพันโบก” ตั้งอยู่ที่ อ.โพธิ์ไทร เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง จะจมอยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก แต่พอฤดูแล้งมาถึงก็จะเผยความมหัศจรรย์ของแก่งหินอันงดงามตามธรรมชาติให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง (ประมาณเดือนพ.ย.- พ.ค.)
โบกรูปมิกกี้เม้าส์ ที่สามพันโบก
การที่เรียกว่า "สามพันโบก" นั้น คำว่า "โบก" เป็นภาษาลาว แปลว่า "แอ่ง" หรือ “หลุม” และเพราะบนแก่งหินมีแอ่งน้ำขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ที่เกิดจากกระแสน้ำได้พัดพาก้อนกรวด หิน ทรายและเศษไม้ กัดเซาะขัดแผ่นหินทรายให้เกิดเป็นแอ่ง เป็นหลุมที่มีขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่จำนวนมากมาย มากกว่า 3,000 แอ่ง ที่นี่จึงได้ชื่อว่า สามพันโบก และถูกขนานนามว่าเป็น "แกรนด์แคนยอนน้ำโขง"

พอเราได้มาเห็นสามพันโบกกับตา ก็ต้องบอกว่า “ตะลึง” กับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่ได้สร้างสรรค์ความงดงามอันน่าอัศจรรย์ใจอย่างน่ายล เกิดเป็นประติมากรรมทางธรรมชาติ ที่หินถูกน้ำกัดเซาะเป็นหลุม เป็นแอ่ง เป็นภาพศิลปะที่เห็นแล้วสร้างจินตนาการอันหลากหลาย
ก้อนหินที่ถูกน้ำกัดเซาะจนดูคล้ายรูปหัวสุนัขพุดเดิ้ล
บ้างก็เกิดเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ที่ยังคงมีน้ำอยู่ในแอ่งดูแล้วเย็นกายน่าลงไปเล่นน้ำ บ้างก็เป็นแอ่งเล็กๆ ที่ดูคล้ายหัวมิกกี้เม้าส์ คล้ายรูปหัวใจ หรือจะเป็นก้อนหินที่ถูกกัดเซาะเป็นรูปเหมือนหัวสุนัขพุดเดิ้ล สะพานหิน หรือแล้วแต่ตามจินตนาการของใครที่จะคิดเอา เมื่อได้เห็นแอ่งน้อยใหญ่ เห็นหินที่มีรูปร่างแปลกตาแตกต่างกันออกไปเป็นจำนวนมาก เรียกว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่แอ่ง และหินที่สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเลือกถ่ายรูปมุมไหนก็ดูตื่นตาตื่นใจไปหมดกับความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น

นอกจากเราจะได้เดินชมความวิจิตรงดงามของสามพันโบกันแล้ว ที่นี่ยังมีเรือให้บริการพาล่องลำน้ำโขงเพื่อไปชมความสวยงามยังจุดเที่ยวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกับสามพันโบกด้วย ไม่ว่าจะเป็น หลักศิลาเลข เป็นแผ่นหินขนาดใหญ่ที่มีตัวเลขสลักไว้ โดยฝรั่งเศสเป็นคนทำ เพื่อไว้บอกระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
ธรรมชาติอันงดงามที่สามพันโบก
มีหาดหงส์ เป็นเนินทรายที่เกิดจากการพัดพาของน้ำและนำตะกอนทรายมาทับถมกันจนมีลักษณะพื้นที่เป็นพื้นทรายกว้างใหญ่ที่สวยงาม และมีหาดหินสี หรือทุ่งหินเหลื่อม ที่จะมีหินรูปร่างแปลกตาจำนวนมากให้ได้ชม และมีความพิเศษอยู่ที่หินจะมีหลากสีสัน สีที่เห็นได้เด่นชัดก็จะเป็นสีดำ สีน้ำตาลเข้ม และมีพื้นผิวเงาเหมือนมีการเคลือบ โดยมีหินที่ไม่ควรพลาดชมคือหิน (เหมือน) แจกัน

แล้วยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆ อีก อย่างเช่นแก่งหินใหญ่กลางลำน้ำโขง ที่เรียกขานว่า หินหัวพะเนียง เป็นหินที่ทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสาย หรือสองคอนในภาษาท้องถิ่น และใกล้เคียงกับหินหัวพะเนียงยามที่น้ำโขงลดต่ำลง ยังมีถ้ำที่มีความสวยงามโผล่พ้นให้ชมอีกหลายแห่งให้ชม อาทิ ถ้ำนางต่ำหูก ถ้ำนางเข็นฝ้าย เป็นต้น
นั่งเรือล่องลำน้ำโขงชมสามพันโบก
เรียกว่าการที่เราได้มาเยือนสามพันโบกและได้มาเห็นถึงความงดงามอันน่ามหัศจรรย์ใจของสามพันโบกด้วยตาตัวเองในทริปนี้ ถือว่าเป็นความคุ้มค่า ที่ขอบอกคำเดียวเลยว่า “เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้” แล้วมิตรรักนักเที่ยวทั้งหลายจะมัวรอช้าอยู่ใย แพ็คกระเป๋าตีตั๋วแล้วออกเดินทางมาสัมผัสความงดงามของเมืองอุบลฯ กันเถอะ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

การเดินทางสู่จ.อุบลราชธานี มีสายการบินนกแอร์ให้บริการบินเส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) - อุบลราชธานี วันละ 4 เที่ยวบิน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nokair.com  หรือติดต่อนกแอร์ได้ที่ โทร. 1318 และหากต้องการข้อมูลท่องเที่ยวจ.อุบลราชธานีเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ ททท. สนง. อุบลราชธานี โทร.0-4524-3770, 0-4525-0714 หรือที่ www.tatubon.org
 
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *  
 
 

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com


กำลังโหลดความคิดเห็น