โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
“ไม่ต้องถึงขนาดตั้งใจมาเที่ยว แค่ผ่านมา แวะเข้าห้องน้ำก็พอใจแล้ว”
อดีตผู้บริหารจังหวัดพัทลุงคนหนึ่งเคยพูดกับผมไว้เมื่อหลายปีก่อนในทำนองขำๆปนน้อยใจนิดๆ เพราะพัทลุงนั้นไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก อีกทั้งยังไม่ใช่เมืองผ่านสำคัญ แต่นั่นก็ทำให้เมืองลุงคงความสงบงามเอาไว้
อย่างไรก็ดีในความเรียบง่ายสงบงามนั้นก็มีความทรงเสน่ห์ทั้งที่เปิดเผยและซุกซ่อนอยู่ให้สัมผัสกันไม่น้อย
ขึ้นเขา เข้าถ้ำ
ความตั้งใจไปพัทลุงของผมในทริปนี้มีจุดมุ่งหมายหลักอยู่ที่การสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจของเมืองลุงเป็นหลัก
สำหรับธรรมชาติอันโดดเด่นในเมืองพัทลุงนั้น เห็นจะหนีไม่พ้น “เขาอกทะลุ” ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีรถไฟในเขต อ.เมือง
เขาอกทะลุ เป็นสัญลักษณ์จังหวัดพัทลุงปรากฏอยู่ในตราประจำจังหวัด เขาลูกนี้มีความแปลกเพราะมีช่องทะลุอยู่ด้านบนบริเวณใกล้ๆปลายยอด ซึ่งชาวเมืองลุงยกให้เป็นเสมือนดังเสาหลักเมืองของพัทลุง
เขาอกทะลุสูงประมาณ 250 เมตร มีทางขึ้นให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินไต่ขึ้นไปบนยอดเพื่อชมวิวอันกว้างไกลของพัทลุงได้รอบทิศทาง
จากภูเขาเปลี่ยนอารมณ์ไปมุดถ้ำกันบ้าง กับ 2 ถ้ำขึ้นชื่อใน อ.ศรีนครินทร์ ที่ล้วนต่างเป็นถ้ำแห่งศรัทธา เริ่มกันที่ถ้ำแรก “ถ้ำสุมโน”(สุมะโน) ที่ทางเข้าหลักอยู่ใน “วัดถ้ำสุมโน”
ถ้ำสุมโน เป็นถ้ำใหญ่หินปูนขนาดใหญ่ ตัวถ้ำมี 2 ชั้น ชั้นแรกเสมอกับพื้นราบ กับชั้นล่างที่อยู่ใต้ดิน ภายในถ้ำมีทั้งส่วนที่เป็นธรรมชาติดั้งเดิม และส่วนที่ปรับแต่งเป็นศาสนสถาน ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปเคารพต่างๆ นอกจากนี้ภายในโถงถ้ำอันกว้างขวางยังเป็นสถานที่นั่งวิปัสสนาปฏิบัติธรรม ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาปฏิบัติธรรมกันอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก
ในพื้นที่ใกล้เคียงถ้ำสุมโนยังมีถ้ำบริวารอีกหลากหลายให้ผู้สนใจได้ไปเที่ยวชมกัน อาทิ ถ้ำโบสถ์ ถ้ำหอฉันบรรจบ ถ้ำโรงธรรม ถ้ำน้ำลอด ถ้ำแม่มหามงคล เป็นต้น
จากถ้ำสุมโนไปต่อกันที่ “ถ้ำพุทธโคดม” ที่อยู่ไม่ไกลกัน ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำใหญ่ ภายในมีถ้ำแยกย่อยต่างๆ อาทิ ถ้ำลำเลียง ถ้ำสันติวิเวก ถ้ำฤาษีตาทิพย์ ถ้ำประสาทหิน ถ้ำอุโบสถดอกบัว ถ้ำมาเลย์บำเพ็ญ
ภายในถ้ำพุทธโคดมมีทั้ง ส่วนที่เป็นศาสนสถาน มีพระพุทธรูปต่างให้เคารพ สักการะ มีพื้นที่ให้นั่งทำสมาธิ ฟังธรรม ผสมผสานไปกับสภาพถ้ำดั้งเดิมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมให้ชมกันในบางจุด ไม่ว่าจะเป็น ผนัง-เพดานถ้ำรูปร่างแปลกตา หินงอกหินย้อยที่บางส่วนยังเป็นหินเป็น มีน้ำหยดติ๋งๆ เติบโตขึ้นมาอย่างช้าๆ ซึ่งนักทองเที่ยวห้ามไปสัมผัสจับต้องเด็ดขาด นอกจากนี้ในถ้ำยังมีแนวหินสีดำ ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลอีกด้วย
ย่ำน้ำตก
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระยับ การเที่ยวน้ำตกดับร้อนที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมทำกัน สำหรับเมืองลุงนั้นมี “น้ำตกไพรวัลย์” เป็นสถานที่พักผ่อนคลายร้อนชั้นดี
น้ำตกไพรวัลย์ ตั้งอยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของพัทลุงและเป็นหนึ่งในน้ำตกชื่อดังของภาคใต้ มีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ซึ่งด้วยบรรยากาศอันร่มรื่นของสภาพพื้นที่ ความสวยงามของน้ำตก มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ให้เล่น ทำให้น้ำตกแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชม เล่นน้ำ สัมผัสความชุ่มฉ่ำกันเป็นจำนวนมาก หลายคนเลือกมาปิกนิก กินอาหารกลางวัน พักผ่อนที่นี่อย่างสบายใจเฉิบ
อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าเสียดายว่า ด้วยความที่น้ำตกไพรวัลย์มีเจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทั่วถึง จึงมีนักท่องเที่ยวบางคนแอบนำอาหาร เครื่องดื่มเข้าไปในบริเวณน้ำตกทั้งๆที่มีป้ายห้ามนำขยะเข้าไปเขียนไว้ตัวเบ้อเริ่ม พอกินเสร็จก็แอบทิ้งไว้ตามซอกโขดหินหรือตามดงพุ่มไม้ ทำให้บริเวณน้ำตกในบางจุดมีขยะปรากฏอยู่ดูรกตาไม่น้อย
ผจญแก่งหนานมดแดงสุดมัน
อีกหนึ่งกิจกรรมแห่งความเปียกปอน ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองลุงก็คือ กิจกรรม “ลองแก่งหนานมดแดง” ที่มีสายน้ำสุดมันให้ผจญภัย ระทึกใจกัน
หนานมดแดง ตั้งอยู่ที่ อ.ป่าพะยอม เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวผจญภัยที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน
“หนาน”คือคำเรียกขาน “แก่ง” ของคนเมืองลุง สำหรับจุดผจญแก่งของที่นี่จะเริ่มต้นปล่อยตัวที่ “อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส” ล่องไปตามลำคลองที่มีน้ำใสที่มีน้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี
ตลอดเส้นทางล่องแก่งหนานมดแดงมีระยะทางประมาณ 6 กม. ใช้เวลาล่องด้วยเรือคยัคประมาณ 2 ชั่วโมง(ค่าใช้จ่ายหัวละ 200 บาท) ระหว่างทางจะมีทิวทัศน์อันสวยงามของธรรมชาติ 2 ข้างทางให้ยล สลับกับความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ จากแก่งจำนวนมากร่วมๆ 40 แก่ง มีความแรงสูงสุดของกระแสน้ำอยู่ที่ ระดับ 3 โดยหนานหรือแก่งที่ถือเป็นไฮไลท์ให้ตื่นเต้น หวาดเสียว ร้องกรี๊ดกร๊าด รวมไปถึงทำเรือคว่ำ อยู่ 5 หนานด้วยกัน คือ หนานลุงจวน หนานสองพี่น้อง หนานมดแดง หนานยาว และหนานไม้
อย่างไรก็ดี แม้เปอร์เซ็นต์เรือล่มของนักท่องเที่ยวปกติทั่วไปจะอยู่ที่กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องถือว่าปลอดภัย เพราะน้ำไม่ลึก และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนักท่องเที่ยวก็ต้องดูแลตัวเองด้วยการสวมชูชีพ หมวกกันน็อก ปฏิบัติตามกฎของการล่องแก่งที่ทางสตาฟฟ์แนะนำ อย่าไปทำพิเรน หรืออวดเก่งใดๆ เท่านี้ก็ทำให้กิจกรรมล่องแก่งหนานมดแดงสนุกเพลิดเพลิน ถึงใจไปตามๆกัน
สะพานยาวที่สุดในเมืองไทย
พูดถึงแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันดับหนึ่งของเมืองลุง แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น “ทะเลน้อย” อ.ควนขนุน ที่มีไฮไลท์สำคัญๆให้ชม นั่นก็คือ นกจำนวนมากนับแสนตัว ไม่ต่ำกว่า 150 ชนิด(บ้างว่ามากถึง 287 ชนิด) วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ล่องเรือหาปลาในทะเลน้อย ทะเลบัวแดงที่มีบัวแดงจำนวนมากให้ชม และควายน้ำ ซึ่งเป็นการปรับตัวของควายให้สามารถหากินบนบกและในน้ำได้ โดยสามารถดำน้ำได้นาน ว่ายน้ำได้เก่งและอึด ถือเป็นวิถีควายน้ำแห่งทะเลน้อยอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ (เรื่องราวของทะเลน้อยได้นำเสนอไปเมื่อ 2 ตอนที่แล้ว ผมจึงฉายภาพให้เห็นแต่เพียงคร่าวๆ)
นอกจากไฮไลท์ตามที่กล่าวมาแล้ว ทะเลน้อยยังมีสิ่งน่าสนใจในระดับประเทศอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” ที่เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 จนแล้วเสร็จเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550
เดิมสะพานแห่งนี้มีชื่อที่ชาวบ้านเรียกขานว่า “สะพานไสกิ้ง-บ้านหัวป่า” เนื่องจากเป็นเส้นทางที่สร้างเชื่อมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ บ้านไสกลิ้ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และบ้านหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา” แต่ต่อมาทางภาครัฐได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา”เพื่อเฉลิมพระเกียรติปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มีความยาวกว่า 17 กม. แบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงที่ 2 ที่สร้างเป็นสะพานยกระดับอยู่เหนือพื้นที่ทะเลน้อยนั้นมีความยาว 5.450 กิโลเมตร นับเป็นเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของไทยในปัจจุบันนี้
เสน่ห์ของสะพานสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษานอกจากจะเป็นสะพานแสนยาวเชื่อม 2 จังหวัดแล้ว ทิวทัศน์บนสะพานแห่งนี้ โดยเฉพาะในช่วงข้ามทะเลน้อยนั้นถือว่าสวยงามน่ายลไม่น้อยเลย บนสะพานมีจุดจอดรถเป็นบางช่วงให้ชมทิวทัศน์ของทะเลน้อย ซึ่งในช่วงน้ำหลากจะเห็นควายน้ำออกหากินเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในช่วงน้ำแล้ง เหล่าควายน้ำก็จะกลายมาเป็นควายบก เดินหากินตามท้องทุ่งหญ้า ที่ช่วงหน้าน้ำถูกน้ำท่วมจมมิด นอกจากนี้ก็ยังมีนกอีกหลากหลายชนิดให้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน
และนี่ก็เป็นธรรมชาติส่วนหนึ่งของเมืองลุง ที่ในความเรียบง่าย สงบงาม มีเสน่ห์ความน่าสนใจให้สัมผัสกัน นับเป็นพัทลุง ไม่ปรุงแต่ง ที่มีความทรงเสน่ห์ทั้งที่เปิดเผยและซุกซ่อนอยู่ให้สัมผัสกันไม่น้อย
*******************************************
สำหรับผู้สนใจสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัดพัทลุงเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวในบทความสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานหาดใหญ่ (รับผิดชอบพื้นที่สงขลา พัทลุง) โทร. 0-7424-3747,0-7423-8518,0-7423-1055
“ไม่ต้องถึงขนาดตั้งใจมาเที่ยว แค่ผ่านมา แวะเข้าห้องน้ำก็พอใจแล้ว”
อดีตผู้บริหารจังหวัดพัทลุงคนหนึ่งเคยพูดกับผมไว้เมื่อหลายปีก่อนในทำนองขำๆปนน้อยใจนิดๆ เพราะพัทลุงนั้นไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก อีกทั้งยังไม่ใช่เมืองผ่านสำคัญ แต่นั่นก็ทำให้เมืองลุงคงความสงบงามเอาไว้
อย่างไรก็ดีในความเรียบง่ายสงบงามนั้นก็มีความทรงเสน่ห์ทั้งที่เปิดเผยและซุกซ่อนอยู่ให้สัมผัสกันไม่น้อย
ขึ้นเขา เข้าถ้ำ
ความตั้งใจไปพัทลุงของผมในทริปนี้มีจุดมุ่งหมายหลักอยู่ที่การสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจของเมืองลุงเป็นหลัก
สำหรับธรรมชาติอันโดดเด่นในเมืองพัทลุงนั้น เห็นจะหนีไม่พ้น “เขาอกทะลุ” ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันออกของสถานีรถไฟในเขต อ.เมือง
เขาอกทะลุ เป็นสัญลักษณ์จังหวัดพัทลุงปรากฏอยู่ในตราประจำจังหวัด เขาลูกนี้มีความแปลกเพราะมีช่องทะลุอยู่ด้านบนบริเวณใกล้ๆปลายยอด ซึ่งชาวเมืองลุงยกให้เป็นเสมือนดังเสาหลักเมืองของพัทลุง
เขาอกทะลุสูงประมาณ 250 เมตร มีทางขึ้นให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินไต่ขึ้นไปบนยอดเพื่อชมวิวอันกว้างไกลของพัทลุงได้รอบทิศทาง
จากภูเขาเปลี่ยนอารมณ์ไปมุดถ้ำกันบ้าง กับ 2 ถ้ำขึ้นชื่อใน อ.ศรีนครินทร์ ที่ล้วนต่างเป็นถ้ำแห่งศรัทธา เริ่มกันที่ถ้ำแรก “ถ้ำสุมโน”(สุมะโน) ที่ทางเข้าหลักอยู่ใน “วัดถ้ำสุมโน”
ถ้ำสุมโน เป็นถ้ำใหญ่หินปูนขนาดใหญ่ ตัวถ้ำมี 2 ชั้น ชั้นแรกเสมอกับพื้นราบ กับชั้นล่างที่อยู่ใต้ดิน ภายในถ้ำมีทั้งส่วนที่เป็นธรรมชาติดั้งเดิม และส่วนที่ปรับแต่งเป็นศาสนสถาน ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปเคารพต่างๆ นอกจากนี้ภายในโถงถ้ำอันกว้างขวางยังเป็นสถานที่นั่งวิปัสสนาปฏิบัติธรรม ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาปฏิบัติธรรมกันอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก
ในพื้นที่ใกล้เคียงถ้ำสุมโนยังมีถ้ำบริวารอีกหลากหลายให้ผู้สนใจได้ไปเที่ยวชมกัน อาทิ ถ้ำโบสถ์ ถ้ำหอฉันบรรจบ ถ้ำโรงธรรม ถ้ำน้ำลอด ถ้ำแม่มหามงคล เป็นต้น
จากถ้ำสุมโนไปต่อกันที่ “ถ้ำพุทธโคดม” ที่อยู่ไม่ไกลกัน ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำใหญ่ ภายในมีถ้ำแยกย่อยต่างๆ อาทิ ถ้ำลำเลียง ถ้ำสันติวิเวก ถ้ำฤาษีตาทิพย์ ถ้ำประสาทหิน ถ้ำอุโบสถดอกบัว ถ้ำมาเลย์บำเพ็ญ
ภายในถ้ำพุทธโคดมมีทั้ง ส่วนที่เป็นศาสนสถาน มีพระพุทธรูปต่างให้เคารพ สักการะ มีพื้นที่ให้นั่งทำสมาธิ ฟังธรรม ผสมผสานไปกับสภาพถ้ำดั้งเดิมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมให้ชมกันในบางจุด ไม่ว่าจะเป็น ผนัง-เพดานถ้ำรูปร่างแปลกตา หินงอกหินย้อยที่บางส่วนยังเป็นหินเป็น มีน้ำหยดติ๋งๆ เติบโตขึ้นมาอย่างช้าๆ ซึ่งนักทองเที่ยวห้ามไปสัมผัสจับต้องเด็ดขาด นอกจากนี้ในถ้ำยังมีแนวหินสีดำ ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลอีกด้วย
ย่ำน้ำตก
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระยับ การเที่ยวน้ำตกดับร้อนที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมทำกัน สำหรับเมืองลุงนั้นมี “น้ำตกไพรวัลย์” เป็นสถานที่พักผ่อนคลายร้อนชั้นดี
น้ำตกไพรวัลย์ ตั้งอยู่ในหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของพัทลุงและเป็นหนึ่งในน้ำตกชื่อดังของภาคใต้ มีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ซึ่งด้วยบรรยากาศอันร่มรื่นของสภาพพื้นที่ ความสวยงามของน้ำตก มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ให้เล่น ทำให้น้ำตกแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชม เล่นน้ำ สัมผัสความชุ่มฉ่ำกันเป็นจำนวนมาก หลายคนเลือกมาปิกนิก กินอาหารกลางวัน พักผ่อนที่นี่อย่างสบายใจเฉิบ
อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าเสียดายว่า ด้วยความที่น้ำตกไพรวัลย์มีเจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทั่วถึง จึงมีนักท่องเที่ยวบางคนแอบนำอาหาร เครื่องดื่มเข้าไปในบริเวณน้ำตกทั้งๆที่มีป้ายห้ามนำขยะเข้าไปเขียนไว้ตัวเบ้อเริ่ม พอกินเสร็จก็แอบทิ้งไว้ตามซอกโขดหินหรือตามดงพุ่มไม้ ทำให้บริเวณน้ำตกในบางจุดมีขยะปรากฏอยู่ดูรกตาไม่น้อย
ผจญแก่งหนานมดแดงสุดมัน
อีกหนึ่งกิจกรรมแห่งความเปียกปอน ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองลุงก็คือ กิจกรรม “ลองแก่งหนานมดแดง” ที่มีสายน้ำสุดมันให้ผจญภัย ระทึกใจกัน
หนานมดแดง ตั้งอยู่ที่ อ.ป่าพะยอม เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวผจญภัยที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน
“หนาน”คือคำเรียกขาน “แก่ง” ของคนเมืองลุง สำหรับจุดผจญแก่งของที่นี่จะเริ่มต้นปล่อยตัวที่ “อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส” ล่องไปตามลำคลองที่มีน้ำใสที่มีน้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี
ตลอดเส้นทางล่องแก่งหนานมดแดงมีระยะทางประมาณ 6 กม. ใช้เวลาล่องด้วยเรือคยัคประมาณ 2 ชั่วโมง(ค่าใช้จ่ายหัวละ 200 บาท) ระหว่างทางจะมีทิวทัศน์อันสวยงามของธรรมชาติ 2 ข้างทางให้ยล สลับกับความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ จากแก่งจำนวนมากร่วมๆ 40 แก่ง มีความแรงสูงสุดของกระแสน้ำอยู่ที่ ระดับ 3 โดยหนานหรือแก่งที่ถือเป็นไฮไลท์ให้ตื่นเต้น หวาดเสียว ร้องกรี๊ดกร๊าด รวมไปถึงทำเรือคว่ำ อยู่ 5 หนานด้วยกัน คือ หนานลุงจวน หนานสองพี่น้อง หนานมดแดง หนานยาว และหนานไม้
อย่างไรก็ดี แม้เปอร์เซ็นต์เรือล่มของนักท่องเที่ยวปกติทั่วไปจะอยู่ที่กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องถือว่าปลอดภัย เพราะน้ำไม่ลึก และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนักท่องเที่ยวก็ต้องดูแลตัวเองด้วยการสวมชูชีพ หมวกกันน็อก ปฏิบัติตามกฎของการล่องแก่งที่ทางสตาฟฟ์แนะนำ อย่าไปทำพิเรน หรืออวดเก่งใดๆ เท่านี้ก็ทำให้กิจกรรมล่องแก่งหนานมดแดงสนุกเพลิดเพลิน ถึงใจไปตามๆกัน
สะพานยาวที่สุดในเมืองไทย
พูดถึงแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันดับหนึ่งของเมืองลุง แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น “ทะเลน้อย” อ.ควนขนุน ที่มีไฮไลท์สำคัญๆให้ชม นั่นก็คือ นกจำนวนมากนับแสนตัว ไม่ต่ำกว่า 150 ชนิด(บ้างว่ามากถึง 287 ชนิด) วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ล่องเรือหาปลาในทะเลน้อย ทะเลบัวแดงที่มีบัวแดงจำนวนมากให้ชม และควายน้ำ ซึ่งเป็นการปรับตัวของควายให้สามารถหากินบนบกและในน้ำได้ โดยสามารถดำน้ำได้นาน ว่ายน้ำได้เก่งและอึด ถือเป็นวิถีควายน้ำแห่งทะเลน้อยอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ (เรื่องราวของทะเลน้อยได้นำเสนอไปเมื่อ 2 ตอนที่แล้ว ผมจึงฉายภาพให้เห็นแต่เพียงคร่าวๆ)
นอกจากไฮไลท์ตามที่กล่าวมาแล้ว ทะเลน้อยยังมีสิ่งน่าสนใจในระดับประเทศอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” ที่เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 จนแล้วเสร็จเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550
เดิมสะพานแห่งนี้มีชื่อที่ชาวบ้านเรียกขานว่า “สะพานไสกิ้ง-บ้านหัวป่า” เนื่องจากเป็นเส้นทางที่สร้างเชื่อมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ บ้านไสกลิ้ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และบ้านหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา” แต่ต่อมาทางภาครัฐได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา”เพื่อเฉลิมพระเกียรติปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มีความยาวกว่า 17 กม. แบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงที่ 2 ที่สร้างเป็นสะพานยกระดับอยู่เหนือพื้นที่ทะเลน้อยนั้นมีความยาว 5.450 กิโลเมตร นับเป็นเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของไทยในปัจจุบันนี้
เสน่ห์ของสะพานสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษานอกจากจะเป็นสะพานแสนยาวเชื่อม 2 จังหวัดแล้ว ทิวทัศน์บนสะพานแห่งนี้ โดยเฉพาะในช่วงข้ามทะเลน้อยนั้นถือว่าสวยงามน่ายลไม่น้อยเลย บนสะพานมีจุดจอดรถเป็นบางช่วงให้ชมทิวทัศน์ของทะเลน้อย ซึ่งในช่วงน้ำหลากจะเห็นควายน้ำออกหากินเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในช่วงน้ำแล้ง เหล่าควายน้ำก็จะกลายมาเป็นควายบก เดินหากินตามท้องทุ่งหญ้า ที่ช่วงหน้าน้ำถูกน้ำท่วมจมมิด นอกจากนี้ก็ยังมีนกอีกหลากหลายชนิดให้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน
และนี่ก็เป็นธรรมชาติส่วนหนึ่งของเมืองลุง ที่ในความเรียบง่าย สงบงาม มีเสน่ห์ความน่าสนใจให้สัมผัสกัน นับเป็นพัทลุง ไม่ปรุงแต่ง ที่มีความทรงเสน่ห์ทั้งที่เปิดเผยและซุกซ่อนอยู่ให้สัมผัสกันไม่น้อย
*******************************************
สำหรับผู้สนใจสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัดพัทลุงเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวในบทความสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานหาดใหญ่ (รับผิดชอบพื้นที่สงขลา พัทลุง) โทร. 0-7424-3747,0-7423-8518,0-7423-1055
