โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
....รักแท้รักที่อะไร ตับไตไส้พุง หรือรักกางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี
รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย
รักแท้ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน
เพลง “รักแท้...ยังไง” : น้ำชา ชีรณัฐ
แม้รักแท้ในยุคนี้ พ.ศ.นี้ จะหายากเต็มที แต่รักแท้ก็ยังคงมีอยู่
สำหรับเรื่องราวความรักแท้ที่ปรากฏเป็นตำนานตามสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านเรามีอยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่ล้วนต่างผิดหวังและจบลงด้วยความตาย กลายเป็นตำนานรักอมตะเคียงคู่สถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆให้อนุชนคนรุ่นหลังได้รำลึกถึงกัน
และนี่ก็คือ 4 สถานที่ท่องเที่ยวกับ 3 ตำนานรักอันโดดเด่นที่ผมขอหยิบยกมารับรักในเดือนแห่งความรักนี้ ที่มีทั้ง“วาเลนไทน์” กับวันแห่งความรักในแบบตะวันตก และ“มาฆบูชา” กับวันแห่งความรักในทางพระพุทธศาสนา
ภูพระบาท : ตำนานรัก“นางอุษา-ท้าวบารส”
เริ่มกันที่ “ภูพระบาท” ที่ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่มีสภาพภูมิประเทศที่เกิดจากการกระทำของธรรมชาติ ผ่านกาลเวลามานับแสนนับล้านปี เกิดเป็นกลุ่มก้อนหิน แท่งหิน รูปทรงประหลาด บนลานหินอันกว้างใหญ่ ซึ่งคนสมัยก่อนได้นำมาผูกแต่งเป็นเรื่องราว “ตำนานรักนางอุษา-ท้าวบารส” ที่ท้าวบารสกับนางอุสาแม้จะรักกันอย่างสุดซึ้ง
แต่ด้วยอุปสรรคต่างๆ ทำให้นางอุสาผู้ผิดหวังในความรัก ทั้งจากการที่ท้าวบารสสังหารพระยากงพานบิดาของตน และการที่ท้าวบารสมีมเหสีอยู่ก่อนหน้านั้นถึง 10 นาง สุดท้ายแล้วนางอุสาตรอมใจกลับไปสิ้นชีวิตบนหอ(หิน)สูงที่ตัวเองอาศัยอยู่ ทำให้ท้าวบารสเมื่อรู้ข่าวก็ตรอมใจตายตามไปด้วย
จากโศกนาฏกรรมรักนี้ ทำให้สถานที่และก้อนหินแปลกๆบริเวณภูพระบาท มีชื่อเรียกขานเกี่ยวพันกับตำนานรักนางอุสา อาทิ หอนางอุษา คอกม้าท้าวบารส หีบศพนางอุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา กี่นางอุษา และวัดพ่อตา วัดลูกเขย เป็นต้น ซึ่งสถานที่ต่างเหล่าๆนี้ถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับหอนางอุสาที่เป็นไฮไลท์ของภูพระบาท
นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงยังมี พระพุทธบาทบัวบก พระพุทธบาทหลังเต่า พระพุทธบาทบัวบาน รวมถึงถ้ำและเพิงหินต่างๆให้ได้ชมกันอีกด้วย ซึ่งด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ผสมกับความเป็นดินแดนสำคัญทางประวัติศาสตร์ และตำนานโศกนาฏกรรมรักอันสุดคลาสสิคของสถานที่ ทำให้ภูพระบาทได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลก ซึ่งต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าภูพระบาทจะได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปีไหน
หนองหาน : ตำนานรัก“ผาแดง-นางไอ่”
หนองหาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดอันกว้างใหญ่ในภาคอีสาน มีทั้งหนองหานหรือ “หนองหาร” จ.สกลนคร และ หนองหาน ใน จ.อุดรธานี
หนองหานที่สกลน่ายลด้วยภาพวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหานที่ออกทำมาหากินนในยามเช้าเย็น ในหนองหานมีเกาะดอนสวรรค์มีวัดดอนสวรรค์ตั้งอยู่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวคึกโครมว่าวัดดังแห่งหนึ่งที่เก่งด้านการตลาดได้พยายามฮุบวัดแห่งนี้ จนชาวบ้านออกมาต่อต้านคัดค้านปรากฏกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อยู่พักใหญ่
ขณะที่หนองหาน ที่อุดร โดยเฉพาะในเขต อ.กุมภวาปีนั้น ในรอบ 3-4 ปีนี้ จัดว่ามาแรงมาก เพราะที่นี่ในช่วงหน้าหนาวจะมีดอกบัวแดง(บัวสาย)สีชมพูสดบานสะพรั่งนับล้านๆดอก กระจายไปทั่วน่านน้ำ เกิดเป็น “ทะเลบัวแดง”อันโด่งดัง ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ชูให้เป็นหนึ่งในไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยวในโครงการมหัศจรรย์เมืองไทย
สำหรับหนองหานทั้งคู่แม้จะอยู่คนละจังหวัด แต่เรื่องน่าแปลกก็คือ หนองหานทั้งสองต่างมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานรัก “ผาแดง - นางไอ่” ทั้งคู่
นางไอ่กับท้าวผาแดงหากรักกันตามปกติก็คงไม่มีหนองหานเกิดขึ้น แต่นี่คงเป็นเพราะผลกรรม เกิดนึกอยากกินกระรอกเผือกซึ่ง “ท้าวภังคี” โอรสของพญานาคใต้เมืองบาดาลผู้หลงรักนางไอ่ปลอมตัวมาเพื่อหวังชิดใกล้ แต่สุดท้ายถูกจับมาทำอาหารกิน ทำให้ท้าวภังคีก่อนตายก็ได้สาปแช่งเอาไว้ว่าผู้ใดที่กินเนื้อกระรอกของตนจะต้องล่มจมลงใต้บาดาลพร้อมกับบ้านเมือง นั่นจึงทำให้หลังจากชาวเมืองกินเนื้อกระรอกเผือกแล้ว ในคืนนั้นได้เกิดพายุใหญ่ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ถล่มเมืองทั้งเมืองล่มจมลงไปในท้องบาดาลที่เชื่อกันว่าคือหนองหานในทุกวันนี้
ขณะที่พญานาค(ผู้พ่อของท้าวภังคี)ก็ได้ออกไล่ล่าท้าวผาแดงกับนางไอ่ ซึ่งพญาราคราชได้ออกไล่ล่าตามล้างแค้นทั้งคู่มาทุกชาติไป แต่สุดท้ายพญานาคราชก็ไม่สามารถเอาชนะในพลังแห่งรักของทั้งคู่ได้
ผาชู้ : ตำนานรักสามเส้า
ผาชู้ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.นาน้อย จ.น่าน
คำว่า “ชู้” ในที่นี่ ข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่า ไม่ได้หมายถึงชู้สาว แต่หมายถึงคนรัก
สำหรับตำนานรักที่นี่แม้จะมีหลายเวอร์ชั่น แต่ที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับมากที่สุดเห็นจะเป็น ตำนานรัก 3 เส้า ระหว่าง “เจ้าจ๋วง” หนุ่มรูปงามเจ้าแขวงเมืองศรีษะเกษ กับ“เจ้าจันทน์ผา”(เจ้าจันทร์) และ “เอื้อง”(เจ้าเอื้อง)
เจ้าจันทน์ผาเป็นชายาของเจ้าจ๋วงอยู่แล้วแต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ส่วนเอื้องเป็นสาวงามลูกสาวพรานป่าที่เจ้าจ๋วงมาพบรักในระหว่างออกล่าสัตว์และได้ครองคู่กันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่เจ้าจันทน์ผาซึ่งเห็นสามีตัวเองหายไปจะตามมาพบเจ้าจ๋วงอยู่กับสาวเอื้อง
เมื่อเกิดปัญหาความรักอีรุงตุงนัง 2 หญิง 1 ชาย ขึ้น เมื่อสุดท้ายหญิงสาวทั้งสองยื่นคำขาดให้เจ้าจ๋วงต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง เจ้าจ๋วงตัดสินใจไม่ได้เพราะรักทั้งคู่ จึงอธิษฐานว่า
“...ถ้าความรักของเราทั้งสามเป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นรักแท้ตราบชั่วนิรันดร์ ขอให้ร่างกายเรากลับกลายเป็นต้นไม้อยู่คู่กับโขดหินใหญ่แห่งนี้ตลอดกาล...”
แล้วเจ้าจ๋วงก็กระโดดหน้าผาตาย เจ้าจันทน์ผาเห็นดังนั้นก็กระโดดหน้าผาตายตาม ทำให้เอื้องที่เกรงกลัวบาปกรรมกระโดดหน้าผาตายไปอีกคน
เจ้าจ๋วงเมื่อตายแล้วกลายเป็น “ต้นจ๋วง” หรือ “สนเขา” เจ้าจันทน์ผาร่างไปตายติดอยู่บนหิน กลายเป็น “ต้นจันทน์ผา” ส่วนร่างของสาวเอื้องตายไปติดอยู่บนต้นไม้กลายเป็น “ต้นเอื้อง” หรือ กล้วยไม้
และนี่ก็เป็นตำนานรักอันโดดเด่นของผาชู้ ซึ่งยังมีอีก 2-3 ตำนานเล่าขานกัน ขณะที่บางคนบอกว่าชื่อผาชูมาจากคำว่าเชิดชู บ้างก็บอกว่ามาจากคำว่า“ชูธง” เพราะบนยอดผาชู้ที่ตั้งสูงตระหง่านขึ้นไปนับร้อยเมตร มีเสาธงชาติไทยชักธงชาติปลิวไสวตั้งอยู่ เป็นเสาธงชาติอันขึ้นชื่อเพราะมีสายชักธงชาติยาวที่สุดในประเทศไทยถึง 200 เมตร(ไป-กลับ)เลยทีเดียว
ปัจจุบันผาชู้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของอุทยานแห่งชาติศรีน่านเคียงคู่กับดอยเสมอดาวที่อยู่ไม่ไกลกัน ที่ผาชู้เป็นจุดชมวิวและทะเลหมอกชั้นดี มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมขาติและเส้นทางเดินขึ้นผาชู โดยบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะมีต้นจันทน์ผาตามธรรมชาติขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก
นับเป็นต้นไม้ที่ช่วยสนับสนุนให้ตำนานรัก 3 เส้าที่ผาชู้ดูสมจริงสมจังมากขึ้น
ที่เที่ยวตำนานรักอื่นๆ
ตำนานรักในสถานที่ท่องเที่ยวทั้งสามที่ผมหยิบยกขึ้นมาเล่าสู่กันฟัง เป็นเพียงข้อมูลบางส่วนคร่าวๆ ซึ่งหากใครอยากสัมผัสอย่างละเอียดคงต้องไปเสาะหาอ่านตามเอกสาร หรือฟังบรรยายตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือไม่ก็ค้นหาจาก ดร.กู ซึ่งก็คือการเสิร์ช “กูเกิ้ล” นั่นเอง
และนอกจาก 4 สถานที่ท่องเที่ยวจาก 3 ตำนานรักในข้างต้นแล้ว เมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวของตำนานความรักอีกหลากหลาก ไม่ว่าจะเป็น ตำนานรัก“แสน-สามมุก” อันเกิดเป็นหาดบางแสนและเขาสามมุขที่มีเจ้าแม่เขาสามมุขเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพนับถือแห่งชลบุรี ตำนานรักสะพานสารสิน ตำนานรัก“ขวัญ-เรียม”แห่งทุ่งบางกะปิ ตำนานรัก“โกโบริ-อังศุมาลิน” ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย เป็นต้น
สำหรับคนในยุคนี้ พ.ศ.นี้ หากนำตำนานรักอมตะต่างของสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้มาเป็นเครื่องเตือนใจก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
เพราะถ้าโลกนี้ไร้ซึ่งความรัก ชีวิตนี้คงไร้ซึ่งความหมาย
........................
ความรัก คือหัวใจ ให้แก่กัน
ความรัก คือนิรันดร์ มั่นสมัคร
ความรัก คือศรัทธา สามิภักดิ์
ความรัก คือความประจักษ์ ในใจเรา
โดย : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
....รักแท้รักที่อะไร ตับไตไส้พุง หรือรักกางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี
รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย
รักแท้ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน
เพลง “รักแท้...ยังไง” : น้ำชา ชีรณัฐ
แม้รักแท้ในยุคนี้ พ.ศ.นี้ จะหายากเต็มที แต่รักแท้ก็ยังคงมีอยู่
สำหรับเรื่องราวความรักแท้ที่ปรากฏเป็นตำนานตามสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านเรามีอยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่ล้วนต่างผิดหวังและจบลงด้วยความตาย กลายเป็นตำนานรักอมตะเคียงคู่สถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆให้อนุชนคนรุ่นหลังได้รำลึกถึงกัน
และนี่ก็คือ 4 สถานที่ท่องเที่ยวกับ 3 ตำนานรักอันโดดเด่นที่ผมขอหยิบยกมารับรักในเดือนแห่งความรักนี้ ที่มีทั้ง“วาเลนไทน์” กับวันแห่งความรักในแบบตะวันตก และ“มาฆบูชา” กับวันแห่งความรักในทางพระพุทธศาสนา
ภูพระบาท : ตำนานรัก“นางอุษา-ท้าวบารส”
เริ่มกันที่ “ภูพระบาท” ที่ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่มีสภาพภูมิประเทศที่เกิดจากการกระทำของธรรมชาติ ผ่านกาลเวลามานับแสนนับล้านปี เกิดเป็นกลุ่มก้อนหิน แท่งหิน รูปทรงประหลาด บนลานหินอันกว้างใหญ่ ซึ่งคนสมัยก่อนได้นำมาผูกแต่งเป็นเรื่องราว “ตำนานรักนางอุษา-ท้าวบารส” ที่ท้าวบารสกับนางอุสาแม้จะรักกันอย่างสุดซึ้ง
แต่ด้วยอุปสรรคต่างๆ ทำให้นางอุสาผู้ผิดหวังในความรัก ทั้งจากการที่ท้าวบารสสังหารพระยากงพานบิดาของตน และการที่ท้าวบารสมีมเหสีอยู่ก่อนหน้านั้นถึง 10 นาง สุดท้ายแล้วนางอุสาตรอมใจกลับไปสิ้นชีวิตบนหอ(หิน)สูงที่ตัวเองอาศัยอยู่ ทำให้ท้าวบารสเมื่อรู้ข่าวก็ตรอมใจตายตามไปด้วย
จากโศกนาฏกรรมรักนี้ ทำให้สถานที่และก้อนหินแปลกๆบริเวณภูพระบาท มีชื่อเรียกขานเกี่ยวพันกับตำนานรักนางอุสา อาทิ หอนางอุษา คอกม้าท้าวบารส หีบศพนางอุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา กี่นางอุษา และวัดพ่อตา วัดลูกเขย เป็นต้น ซึ่งสถานที่ต่างเหล่าๆนี้ถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับหอนางอุสาที่เป็นไฮไลท์ของภูพระบาท
นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงยังมี พระพุทธบาทบัวบก พระพุทธบาทหลังเต่า พระพุทธบาทบัวบาน รวมถึงถ้ำและเพิงหินต่างๆให้ได้ชมกันอีกด้วย ซึ่งด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ผสมกับความเป็นดินแดนสำคัญทางประวัติศาสตร์ และตำนานโศกนาฏกรรมรักอันสุดคลาสสิคของสถานที่ ทำให้ภูพระบาทได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลก ซึ่งต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าภูพระบาทจะได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปีไหน
หนองหาน : ตำนานรัก“ผาแดง-นางไอ่”
หนองหาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดอันกว้างใหญ่ในภาคอีสาน มีทั้งหนองหานหรือ “หนองหาร” จ.สกลนคร และ หนองหาน ใน จ.อุดรธานี
หนองหานที่สกลน่ายลด้วยภาพวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหานที่ออกทำมาหากินนในยามเช้าเย็น ในหนองหานมีเกาะดอนสวรรค์มีวัดดอนสวรรค์ตั้งอยู่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวคึกโครมว่าวัดดังแห่งหนึ่งที่เก่งด้านการตลาดได้พยายามฮุบวัดแห่งนี้ จนชาวบ้านออกมาต่อต้านคัดค้านปรากฏกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อยู่พักใหญ่
ขณะที่หนองหาน ที่อุดร โดยเฉพาะในเขต อ.กุมภวาปีนั้น ในรอบ 3-4 ปีนี้ จัดว่ามาแรงมาก เพราะที่นี่ในช่วงหน้าหนาวจะมีดอกบัวแดง(บัวสาย)สีชมพูสดบานสะพรั่งนับล้านๆดอก กระจายไปทั่วน่านน้ำ เกิดเป็น “ทะเลบัวแดง”อันโด่งดัง ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ชูให้เป็นหนึ่งในไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยวในโครงการมหัศจรรย์เมืองไทย
สำหรับหนองหานทั้งคู่แม้จะอยู่คนละจังหวัด แต่เรื่องน่าแปลกก็คือ หนองหานทั้งสองต่างมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานรัก “ผาแดง - นางไอ่” ทั้งคู่
นางไอ่กับท้าวผาแดงหากรักกันตามปกติก็คงไม่มีหนองหานเกิดขึ้น แต่นี่คงเป็นเพราะผลกรรม เกิดนึกอยากกินกระรอกเผือกซึ่ง “ท้าวภังคี” โอรสของพญานาคใต้เมืองบาดาลผู้หลงรักนางไอ่ปลอมตัวมาเพื่อหวังชิดใกล้ แต่สุดท้ายถูกจับมาทำอาหารกิน ทำให้ท้าวภังคีก่อนตายก็ได้สาปแช่งเอาไว้ว่าผู้ใดที่กินเนื้อกระรอกของตนจะต้องล่มจมลงใต้บาดาลพร้อมกับบ้านเมือง นั่นจึงทำให้หลังจากชาวเมืองกินเนื้อกระรอกเผือกแล้ว ในคืนนั้นได้เกิดพายุใหญ่ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ถล่มเมืองทั้งเมืองล่มจมลงไปในท้องบาดาลที่เชื่อกันว่าคือหนองหานในทุกวันนี้
ขณะที่พญานาค(ผู้พ่อของท้าวภังคี)ก็ได้ออกไล่ล่าท้าวผาแดงกับนางไอ่ ซึ่งพญาราคราชได้ออกไล่ล่าตามล้างแค้นทั้งคู่มาทุกชาติไป แต่สุดท้ายพญานาคราชก็ไม่สามารถเอาชนะในพลังแห่งรักของทั้งคู่ได้
ผาชู้ : ตำนานรักสามเส้า
ผาชู้ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.นาน้อย จ.น่าน
คำว่า “ชู้” ในที่นี่ ข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่า ไม่ได้หมายถึงชู้สาว แต่หมายถึงคนรัก
สำหรับตำนานรักที่นี่แม้จะมีหลายเวอร์ชั่น แต่ที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับมากที่สุดเห็นจะเป็น ตำนานรัก 3 เส้า ระหว่าง “เจ้าจ๋วง” หนุ่มรูปงามเจ้าแขวงเมืองศรีษะเกษ กับ“เจ้าจันทน์ผา”(เจ้าจันทร์) และ “เอื้อง”(เจ้าเอื้อง)
เจ้าจันทน์ผาเป็นชายาของเจ้าจ๋วงอยู่แล้วแต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ส่วนเอื้องเป็นสาวงามลูกสาวพรานป่าที่เจ้าจ๋วงมาพบรักในระหว่างออกล่าสัตว์และได้ครองคู่กันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่เจ้าจันทน์ผาซึ่งเห็นสามีตัวเองหายไปจะตามมาพบเจ้าจ๋วงอยู่กับสาวเอื้อง
เมื่อเกิดปัญหาความรักอีรุงตุงนัง 2 หญิง 1 ชาย ขึ้น เมื่อสุดท้ายหญิงสาวทั้งสองยื่นคำขาดให้เจ้าจ๋วงต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง เจ้าจ๋วงตัดสินใจไม่ได้เพราะรักทั้งคู่ จึงอธิษฐานว่า
“...ถ้าความรักของเราทั้งสามเป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นรักแท้ตราบชั่วนิรันดร์ ขอให้ร่างกายเรากลับกลายเป็นต้นไม้อยู่คู่กับโขดหินใหญ่แห่งนี้ตลอดกาล...”
แล้วเจ้าจ๋วงก็กระโดดหน้าผาตาย เจ้าจันทน์ผาเห็นดังนั้นก็กระโดดหน้าผาตายตาม ทำให้เอื้องที่เกรงกลัวบาปกรรมกระโดดหน้าผาตายไปอีกคน
เจ้าจ๋วงเมื่อตายแล้วกลายเป็น “ต้นจ๋วง” หรือ “สนเขา” เจ้าจันทน์ผาร่างไปตายติดอยู่บนหิน กลายเป็น “ต้นจันทน์ผา” ส่วนร่างของสาวเอื้องตายไปติดอยู่บนต้นไม้กลายเป็น “ต้นเอื้อง” หรือ กล้วยไม้
และนี่ก็เป็นตำนานรักอันโดดเด่นของผาชู้ ซึ่งยังมีอีก 2-3 ตำนานเล่าขานกัน ขณะที่บางคนบอกว่าชื่อผาชูมาจากคำว่าเชิดชู บ้างก็บอกว่ามาจากคำว่า“ชูธง” เพราะบนยอดผาชู้ที่ตั้งสูงตระหง่านขึ้นไปนับร้อยเมตร มีเสาธงชาติไทยชักธงชาติปลิวไสวตั้งอยู่ เป็นเสาธงชาติอันขึ้นชื่อเพราะมีสายชักธงชาติยาวที่สุดในประเทศไทยถึง 200 เมตร(ไป-กลับ)เลยทีเดียว
ปัจจุบันผาชู้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของอุทยานแห่งชาติศรีน่านเคียงคู่กับดอยเสมอดาวที่อยู่ไม่ไกลกัน ที่ผาชู้เป็นจุดชมวิวและทะเลหมอกชั้นดี มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมขาติและเส้นทางเดินขึ้นผาชู โดยบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะมีต้นจันทน์ผาตามธรรมชาติขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก
นับเป็นต้นไม้ที่ช่วยสนับสนุนให้ตำนานรัก 3 เส้าที่ผาชู้ดูสมจริงสมจังมากขึ้น
ที่เที่ยวตำนานรักอื่นๆ
ตำนานรักในสถานที่ท่องเที่ยวทั้งสามที่ผมหยิบยกขึ้นมาเล่าสู่กันฟัง เป็นเพียงข้อมูลบางส่วนคร่าวๆ ซึ่งหากใครอยากสัมผัสอย่างละเอียดคงต้องไปเสาะหาอ่านตามเอกสาร หรือฟังบรรยายตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือไม่ก็ค้นหาจาก ดร.กู ซึ่งก็คือการเสิร์ช “กูเกิ้ล” นั่นเอง
และนอกจาก 4 สถานที่ท่องเที่ยวจาก 3 ตำนานรักในข้างต้นแล้ว เมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวของตำนานความรักอีกหลากหลาก ไม่ว่าจะเป็น ตำนานรัก“แสน-สามมุก” อันเกิดเป็นหาดบางแสนและเขาสามมุขที่มีเจ้าแม่เขาสามมุขเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพนับถือแห่งชลบุรี ตำนานรักสะพานสารสิน ตำนานรัก“ขวัญ-เรียม”แห่งทุ่งบางกะปิ ตำนานรัก“โกโบริ-อังศุมาลิน” ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย เป็นต้น
สำหรับคนในยุคนี้ พ.ศ.นี้ หากนำตำนานรักอมตะต่างของสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้มาเป็นเครื่องเตือนใจก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
เพราะถ้าโลกนี้ไร้ซึ่งความรัก ชีวิตนี้คงไร้ซึ่งความหมาย
........................
ความรัก คือหัวใจ ให้แก่กัน
ความรัก คือนิรันดร์ มั่นสมัคร
ความรัก คือศรัทธา สามิภักดิ์
ความรัก คือความประจักษ์ ในใจเรา
โดย : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์