xs
xsm
sm
md
lg

“ชมพู่เพชร” ราชาแห่งชมพู่ สุดยอดผลไม้เมืองเพชร เด็ดที่รสชาติหวานกรอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชมพู่เพชรที่ถือเป็นสุดยอดผลไม้ของเมืองเพชร
“ชมพู่เพชร” ถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี มีความโดดเด่นที่รสชาติความหวานกรอบอร่อย จนถือเป็นสุดยอดผลไม้ ไม่ว่าใครที่มาเพชรบุรีเป็นต้องหาซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากด้วยเสมอ ยิ่งช่วงหน้าร้อนนี้เป็นช่วงที่ชมพู่เพชรกำลังออกผล จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดชิมของเมืองเพชร

สำหรับชมพู่เพชรพันธุ์แท้ดั้งเดิมนั้น คือพันธุ์ “ชมพู่เพชรสายรุ้ง” ซึ่งเรียกตามลักษณะของสีผิวที่จะมีสีเขียวอ่อนปนชมพู ส่วนก้นผลจะมีสีชมพูเข้ม รสชาติหวานอร่อยชื่นใจ เฉพาะชมพู่เพชรสายรุ้งเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อว่า “ชมพู่เพชร” แต่หากเป็นชมพู่เพชรพันธุ์อื่นๆ เช่น ชมพู่เพชรสุวรรณ ชมพู่เพชรจินดา จะมีรสชาติไม่หวานกรอบเท่า รวมทั้งลักษณะสีผลยังเป็นสีเขียวปนแดง ต่างจากชมพู่เพชรสายรุ้งซึ่งเป็นที่นิยมมาแต่ดั้งเดิม แต่หากใครแอบอ้างว่าชมพู่เหล่านี้เป็นชมพู่เพชรละก็ ต้องโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทเลยทีเดียว
ชมพู่ที่ถูกห่อเพื่อป้องกันแมลงและสัตว์อื่นๆ มารบกวน
หากอยากรู้เรื่องชมพู่เพชรแบบเจาะลึกต้องมาชมให้ถึงสวน โดยสวนชมพู่เพชรที่โด่งดังของเมืองเพชรคือ “สวนชมพู่ไพฑูรย์ ธาตุทอง” ในตำบลท่าแร้งออก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ที่มีเจ้าของคือนายไพฑูรย์ ธาตุทอง ผู้มีประสบการณ์การปลูกชมพู่เพชรสายรุ้งมานานกว่า 40 ปี ไพฑูรย์เล่าให้ฟังถึงการปลูกชมพู่เพชรว่า “การปลูกชมพู่เพชรในสมัยก่อนนับว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร เนื่องจากกิ่งพันธุ์มีราคาแพง เมื่อ 40 ปีที่แล้วขายอยู่ที่ประมาณกิ่งละ 150 บาท เรียกได้ว่าผู้ที่ปลูกชมพู่เพชรในสมัยนั้นต้องเป็นคนรวยไม่น้อย”

นายไพฑูรย์ ยังกล่าวต่อว่า ชมพู่เพชรมีรสชาติหวานกรอบ เนื้อแน่นจนเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีชมพู่ที่ใดเหมือน และรสชาดของชมพู่นั้นจะอยู่ที่การปรุงรส ซึ่งหมายถึงวิธีการปลูกและดูแลรักษาต้นชมพู่ โดยสวนชมพู่ของที่นี่จะมีวิธีการดูแลที่แตกต่างจากสวนอื่น โดยใช้วิธี “เว้นน้ำ-เก็บแก่” หรือหมายถึงการเก็บผลผลิตในช่วงที่ชมพู่แก่โดยไม่ต้องรดน้ำ เพราะชมพู่จะดูดน้ำเข้าไปทำให้เนื้อจืด ไม่หวาน
คุณไพฑูรย์และลูกชาย เจ้าของสวนชมพู่เพชร
นอกจากนั้น ความพิเศษของสวนชมพู่เพชรที่นี่ก็คือจะใช้การฉีดน้ำตาลช่วยเพิ่มความหวาน โดยจะใช้น้ำตาลปี๊บเคี่ยวผสมน้ำ แล้วน้ำมาฉีดพ่นที่ใบหรือปากใบ คล้ายกับการพ่นยา ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยเพิ่มความหวานให้กับชมพู่ อาจเรียกได้ว่าในกลุ่มผู้ปลูกสวนชมพู่เพชรของจังหวัดเพชรบุรีมีสวนนี้แห่งเดียวที่ใช้วิธีการเช่นนี้ อีกทั้งยังใช้วิธีการหว่านเกลือลงดิน เพื่อเป็นการเพิ่มความงาม และการเจริญเติบโตของต้น และที่สำคัญภายในสวนจะไม่มีการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง เพราะไม่มีแมลงรบกวน ไม่ว่าจะเป็นหนอน หรือเพลี้ย

พื้นที่ที่ปลูกชมพู่เพชรกันมากจะอยู่ในอำเภอเมือง ในตำบลท่าแร้ง และตำบลบ้านกุ่ม หากได้ไปชมสวนชมพู่เพชร ก็จะได้เห็นนั่งร้าน หรือที่ชาวบ้านเรียก “ลั่งล้า” ซึ่งเป็นการนำไม้มาสานเป็นโครงเพื่อใช้เป็นเครื่องช่วยพยุงต้นชมพู่ให้สามารถแผ่กิ่งก้านได้กว้างและมีลำต้นที่สูงขึ้น เพราะยิ่งต้นสูงก็จะทำให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้น

ช่วงที่ชมพู่เพชรออกผลผลิตมากที่สุดจะเป็นช่วงหน้าร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี ส่วนราคาของชมพู่เพชรจะขายอยู่ที่หลักร้อย นับว่าเป็นชมพู่ที่ราคาค่อนข้างสูง ชมพู่เพชรเกรดเอที่มีขนาดใหญ่ขายกิโลกรัมละ 250-300 บาท ขนาดเล็กลงมาขายขั้นต่ำกิโลกรัมละ 100 บาท ใครที่อยากกินชมพู่เพชรแท้ๆ จึงต้องเตรียมเงินไว้มากสักหน่อย
ต้นชมพู่เพชรสายรุ้งสูงใหญ่ มีลั่งล้าช่วยพยุงต้นชมพู่
มีข้อแนะนำในการเลือกซื้อชมพู่เพชรจากเจ้าของสวนชมพู่ว่า จะต้องเลือกผลที่มีลักษณะเป็นรูประฆังคว่ำ และดูที่สีซึ่งจะต้องเป็นสีชมพูอ่อนหรือสีแดงระเรื่อ ในบางระยะถ้าเป็นหน้าหนาวจะเป็นสีแดงเข้ม ถ้าชมพู่แก่ ผิวต้องขึ้นเส้นขึ้นเอ็น ลักษณะจะเส้นจะขึ้นตามลูกในแนวดิ่งลง และจะมีฟองน้ำตาลเล็กๆ อยู่รอบๆ ผล ฟองน้ำตาลนั้นจะต้องมีสีเข้ม ไม่ใส่สีใสเป็นจุด ถ้ามีลักษณะดังกล่าวแสดงว่าจะได้ชมพู่เพชรรสชาติที่ดี ชมพู่บางลูกจะมีลักษณะคอคอดกิ่ว คล้ายทรงหมวกเจ๊ก ข้างบนเล็ก ข้างล่างใหญ่ ถ้าเป็นลักษณะนี้จะไม่ได้รสชาติที่ดี จะมีรสจืดและเปรี้ยว

นอกจากชมพู่เพชรสายรุ้งแล้ว เมืองเพชรบุรียังมีชมพู่อีกหลายสายพันธุ์ เช่น เพชรสุวรรณ เพชรน้ำผึ้ง ทับทิมจันทร์ ทูลเกล้า นอกจากจะมีพื้นที่ปลูกในเขตอำเภอเมืองเพชรบุรีแล้ว ยังมีการปลูกชมพู่กันมากที่สองริมฝั่งแม่น้ำเพชรบุรีในเขตอำเภอบ้านลาดและอำเภอท่ายางอีกด้วย
ลั่งล้ามีบันไดให้ไต่ขึ้นไปด้านบน
สำหรับคนที่มาเยี่ยมชมที่สวนชมพู่ไพฑูรย์ ธาตุทอง นอกจากจะได้ชมพู่เพชรติดมือกลับบ้านไปแล้ว หากมาในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยวยังมีบริการขายกิ่งพันธุ์ชมพู่เพชรสายรุ้งแท้ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อไปปลูกอีกด้วย ซึ่งการปลูกต้นชมพู่ใหม่นี้ใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่นำไปปลูก สภาพดิน น้ำ และการดูแลของเจ้าของสวนด้วยเช่นกัน

ถ้าใครมีโอกาสได้แวะเวียนไปจังหวัดเพชรบุรีในช่วงนี้ อย่าลืมมองหาชมพู่เพชรแท้ๆ มาลองชิมดู แล้วอาจจะติดใจ ไม่อยากกินชมพู่พันธุ์อื่นๆ อีกเลยก็เป็นได้


*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 


“สวนชมพู่ไพฑูรย์ ธาตุทอง” ตั้งอยู่ที่ 74 ม.5 ต.ท่าแร้งออก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ผู้สนใจเข้าชมสวนสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0 3278 0527

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น