xs
xsm
sm
md
lg

หนีห่าว...“ซีอาน” ไหว้พระถังซำจั๋ง พิศโฉมหญิงงามที่สุดในเมืองจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจดีย์เก่าแก่ของวัดฝ่าเหมินที่พบพระบรมสารีรกธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์
“หนีห่าว…ซีอาน” (สวัสดีซีอาน)

“ตะลอนเที่ยว” เอ่ยประโยคนี้ทันทีเมื่อได้ก้าวเท้าเหยียบยังแผ่นดินเมือง “ซีอาน” (Xian) ประเทศจีน

ชื่อของ “ซีอาน” มีความหมายว่า ความสงบสุขทางะวันตก หรือที่ในอดีตมีชื่อว่า “ฉางอาน” ที่หมายถึงความสงบสุขชั่วนิรันดร์

ปัจจุบันซีอานเป็นเมืองหลวงของมณฑลส่านซี เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมืองหนึ่งของจีนเมือง เพราะในอดีตซีอานเคยเป็นเมืองหลวงของ 13 ราชวงศ์ เรียกได้ว่าการได้มาเที่ยวที่เมืองซีอานก็เหมือนได้มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์และรู้ถึงอารยธรรมโบราณของจีนอันน่าสนใจ ซึ่งด้วยศักยภาพที่สูงในหลายๆด้าน ทำให้สายการบินแอร์เอเชียได้เปิดเส้นทางการบินใหม่ กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)-ซีอาน เพื่อเชื่อมเส้นทางการคมนาคมระหว่างเมืองทั้ง 2
สถาปัตยกรรมที่วัดฝ่าเหมินสร้างขึ้นใหม่มีลักษณะคล้ายฝ่ามือประกบกัน
การมาเที่ยวเมืองซีอานของเราในทริปนี้ก็เหมือนเป็นการมาเที่ยวย้อนรอยอดีตเพื่อจะได้สัมผัสกับเรื่องราวประวัติศาสตร์อันน่าสนใจมากมายผ่านสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในเมืองซีอาน ซึ่งเราได้เปิดฉากเที่ยวที่แรกกันที่ “วัดฝ่าเหมิน” หรือ “ฝ่าเหมินซื่อ” เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมาก เพราะเป็นวัดแห่งตำนานที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนข้อพระหัตถ์ที่สาบสูญไปเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยพระนางบูเช็คเทียนแห่งราชวงศ์ถังอันเป็นยุคทองแห่งพระพุทธศาสนาในประเทศจีน
พระประฐานองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดฝ่าเหมิน
ในปี 1987 ในระหว่างบูรณะเจดีย์เก่าสิบสามชั้นของวัด ขณะรื้อฐานกำแพงด้านทีพังลงมาเมื่อหลายปี่ก่อนได้ขุดค้นพบประตูทางเข้าลับนำไปสู่พระราชวังใต้ดินขนาดใหญ่และได้เจอพระบรมสารีริกธาตุที่สาบสูญนี้เก็บซ่อนรักษาไว้อย่างดี และมีกรุสมบัติวัตถุโบราณล้ำค่ามากมาย แล้วเมื่อปี 2009 ก็ได้มีการพัฒนาวัดขึ้นใหม่อย่างใหญ่โต มีการสร้างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่งดงามตั้งโดดเด่นเห็นได้แต่ไกลเป็นเหมือนรูปฝ่ามือประกบกัน ที่ด้านในมีพระประฐานประดิษฐานอยู่และมีพระบรมสารีริกธาตุส่วนข้อพระหัตถ์มาประดิษฐานไว้ที่ใหม่แห่งนี้ด้วยเพื่อให้ได้กราบไหว้ขอพร
อนุสาวรีย์หยางกุ้ยเฟยตั้งอยู่ภายในอุทยานน้ำพุร้อนหัวชิงฉือ
พอหลังจากได้ขอพรจากพระบรมสารีริกธาตุที่วัดฝ่าเหมินจนเกิดความอิ่มเอมใจแล้ว เราก็ออกตะลอนทัวร์กันต่อโดยมาที่ “อุทยานน้ำพุร้อนหัวชิงฉือ” เพื่อไปสัมผัสกับตำนานรักอมตะของหยางกุ้ยเฟย ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่หญิงงามที่สุด(ตลอดกาล)แห่งแผ่นดินจีน

กล่าวกันว่า หยางกุ้ยเฟยเป็นสตรีที่มีความงามเป็นเลิศ ใช้ชีวิตอยู่ในรัชสมัยราชวงศ์ถัง ได้รับฉายาว่า "มวลผกาละอายนาง" หมายถึงว่าความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย
สระน้ำที่แม่นางหยางกุ้ยเฟยมาอาบน้ำรอจักรพรรดิ
ภายในอุทยานน้ำพุร้อนหัวชิงฉือแห่งนี้ เราได้พบกับแม่นางหยางกุ้ยเฟยที่ยืนทอดกายอวดเรือนร่างอันอวบอิ่มแบบเปลือยเปล่า ใบหน้าช่างอ่อนหวานยิ้มพริ้มเพราเย้ายวนเสียเหลือเกิน อยู่ท่ามกลางสายน้ำพุร้อนพวยพุ่งแลแล้วงดงามตรึงตราใจ ซึ่งที่นี่ยังมีสระน้ำที่แม่นางหยางกุ้ยเฟยมาอาบน้ำ เพื่อรอให้จักรพรรดิเสด็จเข้าพบและต้องมนต์หลงใหลในความงามของหยางกุ้ยเฟยเป็นอย่างมาก จนทำให้ที่นี่กลายเป็นตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของหยางกุ้ยเฟยสตรีงามแห่งประวัติศาสตร์จีน
ความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งของกำแพงเมืองซีอาน
จากนั้น “ตะลอนเที่ยว” เดินทางมุ่งหน้าเข้ามายังตัวเมืองซีอาน เพื่อมาเที่ยวที่ “กำแพงเมืองซีอาน” ที่เป็นดังจุดเด่นที่สำคัญของเมืองซีอาน ถูกสร้างขึ้นในปีที่ 3 ของรัชสมัยหงหวู่ฮ่องเต้ เป็นหนึ่งในปราการป้องกันทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ยังแข็งแกร่งยืนหยัดอยู่คู่กับเมืองซีอานมาได้อย่างยาวนาน

ที่กำแพงเมืองมีซุ้มประตูนอก ตึกธนูและซุ้มประตูด้านใน ที่เอาไว้ปิดล้อมปราบเมื่อข้าศึกบุกเข้ามาในประตู ตัวกำแพงเมืองซีอานสูงประมาณ 12 ม. ยาวโดยรอบ 6,000 ม. นอกกำแพงมีคูเมืองกว้าง 4 ม. และลึก 4 ม. บนกำแพงมีป้อมปราการตั้งที่มุมกำแพงทั้งสี่ และหอสังเกตการณ์ 72 หลัง กำแพงมีอายุประมาณ 500 ปี แต่เมื่อพ.ศ. 2547 กำแพงเมืองด้านทิศใต้ส่วนหนึ่งพังลง แต่ได้มีการบูรณะซ่อมแซมจนเรียบร้อย ขณะที่กำแพงส่วนอื่นๆยังคงทนแข็งแรงอยู่ ถือได้ว่าเป็นกำแพงเมืองโบราณที่ยังสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง

เราสามารถเดินขึ้นไปชมกำแพงเมืองด้านบนได้อย่างใกล้ชิด ทำให้เห็นได้ว่าบนกำแพงมีพื้นที่ทางเดินที่กว้างขวางพอควร และยังปั่นจักรยานเที่ยวชมบนกำแพงเมืองได้ด้วย (มีจักรยานให้บริการ) แล้วเมื่อมายืนบนกำแพงเมืองแล้วก็สามารถชมเมืองซีอานในมุมสูงได้อีกด้วย
อนุสาวรีย์พระถังซำจั๋งตั้งอยู่ด้านหน้าวัดฉือเอิน
“ตะลอนเที่ยว” ใช้เวลาเดินเที่ยวบนกำแพงเมืองอยู่สักพัก จากนั้นจึงรีบไปเที่ยวกันต่อกันที่ศาสนสถานโบราณที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในแผ่นดินจีนสมัยราชวงศ์ถังกันที่ “วัดฉือเอิน” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “เจดีย์ห่านป่าใหญ่” อันลือลั่น
เจดีย์ห่านป่าใหญ่ที่พระถังซำจั๋งออกแบบเพื่อเก็บพระไตรปิฏก
วัดฉือเอิน เคยเป็นอารามหลวงที่สร้างขึ้นโดยฮ่องเต้ถังเกาจงเพื่อตอบแทนคุณมารดา และหลังจากสร้างเสร็จก็ได้นิมนต์พระถังซำจั๋งมาเป็นเจ้าอาวาส หลังจากที่ท่านได้เดินทางไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกกลับมา สำหรับเจดีย์ห่านป่าใหญ่นี้พระถังซำจั๋งได้เป็นผู้ออกแบบร่วมสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่เก็บพระไตรปิฎกที่ได้ไปอัญเชิญมาจากอินเดีย เจดีย์ที่เห็นตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในวัดมีลักษณะการก่อสร้างคล้ายเจดีย์อินเดีย มี 7 ชั้น สมัยก่อนสร้างด้วยดิน แต่พอมาในสมัยราชวงศ์หมิงได้รับการบูรณะเป็นอิฐทั้งหมด และเจดีย์ห่านป่าใหญ่ยังสามารถขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ด้วย เมื่อมองลงมาจะเห็นวิวเมืองซีอานแบบสุดลูกหูลูกตา
ภายในหอพระถังซำจั๋งมีรูปปั้นสัมฤทธิ์ของท่านในท่านั่งสมาธิ
ภายในบริเวณวัดฉือเอินนอกจากจะมีเจดีย์ห่านป่าใหญ่แล้ว ด้านในยังมีพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์ มีหอพระถังซำจั๋งที่มีรูปปั้นสัมฤทธิ์ของท่านในท่านั่งสมาธิให้ได้นมัสการขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แล้วเมื่อเดินออกมาจากวัดตรงมาที่ด้านหน้าที่เป็นลานสาธารณะโล่งกว้างก็จะเห็นอนุสาวรีย์พระถังซำจั๋งตั้งเด่นเป็นสง่าและมีฉากหลังเป็นเจดีย์ห่านป่าใหญ่ที่สวยงาม
ความงดงามของหอระฆังเมืองซีอานยามค่ำคืน
เราอำลาพระถังซำจั๋งพร้อมๆ กับที่พระอาทิตย์จะเริ่มลับขอบฟ้า แต่ว่าการเดินทางของเรายังไม่จบสิ้น เราจะต้องไปชม “หอระฆังเมืองซีอาน” ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอานกันก่อน หอระฆังสร้างด้วยอิฐและไม้ เป็นอาคารหลังคาสามชั้นดูยิ่งใหญ่อลังการมีความงดงามเป็นอย่างมาก ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีที่ 17 สมัยจักรพรรดิหงอู่แห่งราชวงศ์หมิง(ค.ศ.1384) ตามศิลปะสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดของราชวงศ์หมิง เป็นหอระฆังที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และยังรักษาไว้ได้สมบูรณ์แบบที่สุดของจีนโบราณที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ที่ถนนมุสลิมมีอาหารสไตล์มุสลิมให้ได้ลิ้มลอง
ส่วนไม่ไกลกันนักก็เป็นที่ตั้งของ “หอกลอง” ซึ่งหอคอยทั้งสองได้ชื่อว่าเป็น “ตึกสองพี่น้อง” หรือ “ระฆังรุ่งอรุณและกลองรัตติกาล” เพราะว่าเมื่ออดีตประเทศจีนจะมีการตีกลองเพื่อบอกเวลาและเตือนภัยยามมีสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยการให้สัญญาณบอกเวลานั้น ยามเช้าใช้เสียงระฆัง และยามค่ำใช้เสียงกลองบอกสัญญาณ

พอยามค่ำคืนมาเยือนแล้วเราก็ต้องขอไปชอปปิ้งกันสักหน่อย ซึ่งใกล้ๆ กับหอระฆังเป็นที่ตั้งของ "ถนนมุสลิม" เป็นถนนที่มีชาวมุสลิมที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในซีอานมาช้านานแล้ว ซึ่งยามค่ำคืนถนนสายนี้จะคึกคักมาก เพราะจะได้เห็นถึงวีถีชีวิตความเป็นอยู่และการค้าขายสินค้าของชาวมุสลิมที่น่าสนใจ มีทั้งอาหารสไตล์มุสลิมให้ได้ลองลิ้ม ผลไม้แห้งต่างๆ และมีของที่ระลึกให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านมากมาย ซึ่งเราก็ได้ชอปปิ้งซื้อของฝากติดมือกลับมานิดหน่อย
บรรยากาศถนนมุสลิมยามค่ำคืนคึกคัก
เรียกได้ว่าการได้มาเยือนซีอาน ของ “ตะลอนเที่ยว” ในทริปนี้ขอบอกได้เลยว่าทำให้เราได้รู้จักประเทศจีนเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะในแง่ของประวัติศาสตร์และอารยธรรมความเจริญของจีนที่มาตั้งแต่โบราณจวบจนถึงปัจจุบันนี้

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

การเดินทางสู่เมืองซีอาน ล่าสุดสายการแอร์เอเชียได้เปิดเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ(ดอนเมือง) - ซีอาน วันละ 1 เที่ยวบินทุกวัน โดยได้เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ไปเมื่อวันที่ 16 พ.ย.55 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2515-9999 หรือดูที่ www.airasia.com  

สำหรับเมืองซีอานนอกจากสถานที่น่าสนใจตามที่ได้กล่าวมาในเนื้อเรื่องแล้ว ยังมีสุสานทหารจิ๋นซีเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองนี้ เพราะได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก ซึ่งจะน่าสนใจแค่ไหนโปรดติดตามตอนต่อไป (คลิกอ่าน "ตามรอยจิ๋นซีที่“ซีอาน” ตะลุยสุสานทหาร ตะลึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลก" ได้ที่นี่)

 

กำลังโหลดความคิดเห็น