เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์กลางแม่น้ำเจ้าพระยา
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรมราราม โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ตั้งแต่ท่าวาสุกรี ถึงวัดอรุณฯ ท่ามกลางประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ และเฝ้ารอชมขบวนเรือพระราชพิธีอย่างเนืองแน่นริม 2 ฝั่งเจ้าพระยา
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค งามวิจิตรริม 2 ฝั่งเจ้าพระยา
เมื่อเวลาประมาณ 15.10 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งถึงท่าวาสุกรี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จพระราชดำเนินไปยังสะพานฉนวนน้ำท่าวาสุกรี ผู้บัญชาการขบวนพยุหยาตรา เฝ้าทูลละอองพระบาท กราบบังคมทูลรายงานขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและกำลังพล เสด็จพระราชดำเนินไปประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ โปรดเกล้าฯ ให้ผู้บัญชาการขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารคออกจากท่าวาสุกรีไปตามชลวิถีท้องน้ำเจ้าพระยาเมื่อเวลา 15.19 ขณะนั้นทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพแตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี แตร สังข์ มโหระทึก กลองเรือพระราชพิธีประโคมขึ้นพร้อมกัน ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเคลื่อนไปตามลำดับพระราชพิธี
เมื่อเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชถึงวัดอรุณราชวราราม เทียบเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชที่สะพานท่าหน้ากองบัญชาการ กองทัพเรือ เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญผ้าพระกฐินจากบุษบกไปยังอุโบสถ และเมื่อเวลาประมาณ 16.25 น. เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เทียบ ณ สะพานฉนวนน้ำประจำท่าวัดอรุณราชวราราม ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพแตรวงบรรเลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอุโบสถ เสด็จเข้าสู่พระอุโบสถ ทรงรับผ้าพระกฐินจากเจ้าพนักงานพระราชพิธี เสด็จฯ ไปถวายผ้าพระกฐิน ณ ที่ชุมนุมสงฆ์ตามพิธีกรรมราชประเพณี
ความงดงามของเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ
ประชาชนสุดปลาบปลื้ม เฝ้ารอชมขบวนเรือฯแน่น ริม 2 ฝั่งเจ้าพระยา
ทั้งนี้ ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประชาชนจำนวนมากมาเฝ้ารอชมขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคตามจุดต่างๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม 8 ถึงวัดอรุณฯ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใต้สะพานพระราม 8 บริเวณสวนสันติชัยปราการ ทางเดินริมน้ำบริเวณท่าพระอาทิตย์ โดยในเวลา 08.29 น. วันนี้ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้เป็นประธานในพิธีเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระที่นั่ง ณ อู่หมายเลข 2 อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เพื่ออัญเชิญเข้าร่วมการจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ตามความเชื่อของชาวเรือที่มีมาแต่โบราณว่า เรือทุกลำจะมีแม่ย่านางสิงสถิตอยู่ เพื่อคอยปกปักรักษาคุ้มครองอันตรายทั้งปวงที่จะเกิดแก่เรือ ดังนั้น ก่อนออกเรือทุกครั้งจะต้องมีการทำพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล
พรลภัส ม่วงเงิน ผู้มารอชมเรือกล่าวว่า เดินทางมาจากบ้านย่านพระโขนง ตั้งแต่ตี 3 เพื่อเตรียมตัวและจับจองพื้นที่ในการชมขบวนเรือฯ โดยได้มาชมหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 เพราะให้ความสำคัญกับทุกงานพระราชพิธี ไม่ว่าจะเป็นงานพระราชพิธีใดก็ไม่เคยพลาด ความรู้สึกในการมาชมขบวนเรือฯครั้งนี้ มีความปลาบปลื้มประทับใจ ในความงดงาม และยังถือว่าเป็นพระราชประเพณีของไทยที่มีมาแต่โบราณ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมามีการซ้อมเรือพระราชพิธีฯ ครั้งใหญ่ แต่มาไม่ทัน เห็นแต่เพียงหางเรือที่เคลื่อนผ่านไปแล้ว น้ำตายังไหลโดยไม่รู้ตัวด้วยความปลื้มปิติ คนทั่วโลกให้ความสำคัญและสนใจที่จะมาชม ในฐานะที่เราเป็นคนไทยก็ไม่ควรพลาดที่จะมาชมเช่นกัน
คุณยายอร ชูโชติ เดินทางมาไกลจากสงขลา
ด้าน ยายอร ชูโชติ กล่าวว่า ทราบข่าวมาจากลูกสาวว่ามีขบวนเรือพระราชพิธีฯ จึงตัดสินใจเดินทางมาด้วยรถไฟจากจังหวัดสงขลา เพื่อมาจับจองพื้นที่ที่สวนสันติชัยปราการตั้งแต่ ตี 4 ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาชมขบวนเรือพระราชพิธีฯ มีความรู้สึกดีใจมากที่สุดและยังเป็นโอกาสที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาชม ปลาบปลื้มใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย
ส่วน ปลื้มจิตร นาคบรรจง ซึ่งเดินทางมาจากชุมพรตั้งแต่เมื่อวาน โดยมาพักกับญาติที่จังหวัดนนทบุรี ได้จับจองพื้นที่ตั้งแต่ 9 โมงเช้า และกล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาชมขบวนเรือพระราชพิธีฯ ครั้งแรกนั้นได้มาชมเมื่อ 4ปีที่แล้ว มีความรู้สึกประทับใจ และปลาบปลื้มดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่ได้มีการจัดขึ้นบ่อยๆ นานทีจะมีสักครั้ง
และ สมศรี มงคลวรพิบูล กล่าวว่า ตนเดินทางมาจากบางเขน ตั้งแต่เที่ยง มาชมขบวนเรือเป็นครั้งที่ 2 เมื่อหลายสิบปีที่แล้วเคยมาดูเป็นครั้งแรก เพราะคิดว่าเป็นประเพณีที่ดี ในฐานะที่เป็นคนไทย ควรมาชมสักครั้งหนึ่งในชีวิตเพื่อเป็นแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และยังถือเป็นโอกาสได้ใกล้ชิดกับพระราชวงศ์ ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก นานๆ จะมีสักครั้ง
และเมื่อขบวนพยุหยาตราทางชลมารคได้ลอยลำผ่านไป ประชาชนที่มารอชมต่างมีความรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้มารอชม โดย อนงค์นาฏ สองรักษ์ นักศึกษา ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน อายุ 19 ปี ได้เล่าความรู้สึกหลังจากได้ชมขบวนเรือฯ ว่า เดินทางมาตั้งแต่ 14.00 น.เช่นกัน มาชมเป็นครั้งแรกในชีวิต เคยชมแต่ในโทรทัศน์ แต่เมื่อมาชมสถานที่และบรรยายกาศจริงๆ ทั้งภาพ และเสียง ให้ความรู้สึกที่แตกต่างมาก มีความตื่นเต้น และประทับใจเป็นอย่างมาก
ด้าน ส.ต.อ.สุรศักดิ์ รุ่งสุข เจ้าหน้าที่ประจำการรักษาความปลอดภัย บริเวณสวนสันติชัยปราการ กล่าวว่า เคยมาชมขบวนเรือพระราชพิธีฯ เป็นการส่วนตัวแล้ว1 ครั้ง แต่ครั้งนี้มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย รู้สึกเป็นเกียรติและปลื้ีมปีติ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ จึงไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะประจำการตั้งแต่ก่อนเริ่มเคลื่อนขบวนเรือพระราชพิธีฯ ถึง 2 ชม. ก็ตาม
ไม่เพียงชาวไทยเท่านั้นที่มีความประทับใจในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค โดยมิสเตอร์พีชเเละมิสเตอร์เคิร์ท ชาวอเมริกันจากเมืองนิวยอร์ก ซึ่งได้มาชมเรือพระราชพิธีฯ ที่สวนสันติชัยปราการ กล่าวว่ามีความรู้สึกตื่นเต้นเเละประทับใจในพระราชพิธีดังกล่าว เเละมีความรู้สึกว่าเรือสวยงามมาก โดยทางมิสเตอร์พีชได้ทราบข่าวจากมิสเตอร์เคิร์ท ซึ่งทำงานอยู่ในประเทศไทย เเละได้เดินทางมาดูด้วยกันในวันนี้
พรลภัส ม่วงเงิน หนึ่งในผู้ที่มารอชม
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค มรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่า
สำหรับการเสด็จทางน้ำที่เรียกว่า “ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค” นั้นมีมายาวนานนับตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา จวบจนถึงปัจจุบัน โดยแม่น้ำลำคลองถือเป็นเส้นทางสัญจรหลัก และในเวลารบทัพจับศึกก็จะใช้กระบวนทัพเรือเป็นสำคัญ เมื่อบ้านเมืองปราศจากสงครามก็จะมีการฝึกซ้อมกระบวนยุทธทางเรือกันในช่วงฤดูน้ำหลากซึ่งเป็นช่วงที่ราษฎรว่างจากการทำนา ประจวบกับเป็นช่วงของประเพณีการทอดกฐิน พระเจ้าแผ่นดินจึงเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินโดยกระบวนเรือเพื่อให้ไพร่พลได้รื่นเริงในการกุศล
ไม่เพียงประเพณีถวายผ้าพระกฐินเท่านั้น ขบวนพยุหยาตราชลมารคในอดีตยังจัดขึ้นในคราวที่พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินไปในการต่างๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก การเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการรอยพระพุทธบาท การอัญเชิญพระพุทธรูปที่สำคัญจากหัวเมืองเข้าประดิษฐานในเมืองหลวง การต้อนรับทูตต่างประเทศ เป็นต้น
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคที่ถือเป็นต้นแบบมาจนปัจจุบัน คือขบวนพยุหยาตราฯ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา โดยเรียกขบวนเรือว่า “ขบวนเพชรพวง” ซึ่งเป็นริ้วกระบวนยิ่งใหญ่ 4 สาย พร้อมริ้วเรือพระที่นั่งตรงกลางอีก 1 สาย มีเรือทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 100 ลำ นับเป็นขบวนพยุหยาตราทางชลมารคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์และนับเป็นต้นแบบสำคัญของขบวนพยุหยาตราฯ ในสมัยต่อมา
อนึ่งขบวนพยุหยาตราฯในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 16 ในรัชกาลปัจจุบัน โดยขบวนเรือพระราชพิธีสองครั้งก่อนหน้านี้ก็คือขบวนเรือพระราชพิธี ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2549 และขบวนพยุหยาตราชลมารค ในการเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2550