xs
xsm
sm
md
lg

แอ่วเชียงราย...“วัดร่องขุ่น” นำทัพทัวร์บุญ/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
วัดร่องขุ่นอันวิจิตรอลังการ
ลมหนาวเริ่มโชยมา

ขณะที่ใครหลายคนกำลังติดแรงเงา

“แรงเหงา” กับเป็นตัวกระตุ้นให้ผมขึ้นเหนือไปหาหนาวที่จังหวัดเชียงราย

การไปเชียงรายคราวนี้ผมไล่เที่ยวตั้งแต่เชียงแสน ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ช้อปปิ้งแม่สาย ดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง ไร่แม่ฟ้าหลวง ก่อนมาปิดท้ายแบบอิ่มบุญกับการไหว้พระ 3 วัดในเขต อ. เมือง ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้การส่งเสริมของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ภูมิภาคภาคเหนือและสายการบินแอร์เอเชีย
พระหยกเชียงราย แห่ง วัดพระแก้ว เชียงราย
วัดพระแก้ว

สำหรับวัดแรกในเขต อ.เมืองที่ผมไปประเดิมคือ “วัดพระแก้ว” หนึ่งในวัดสำคัญเก่าแก่ของเชียงราย ตั้งอยู่บนถนนไตรรัตน์ ต.เวียง

เดิมวัดนี้เรียกว่า “วัดป่าญะ” หรือ “วัดป่าเยียะ” เนื่องจากบริเวณนี้มีไม้เยียะที่เป็นไม้ไผ่ชนิดหนึ่ง คล้ายไผ่สีสุกขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เหตุที่เปลี่ยนมาเรียกวัดพระแก้ว เพราะมีการค้นพบสำคัญโดยบังเอิญนั่นก็คือในช่วงปี พ.ศ. 1977 ในสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้เกิดฟ้าผ่าลงบนเจดีย์ร้างองค์หนึ่ง และได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายใน ต่อมารักกะเทาะออก พบว่าเป็น “พระแก้วมรกต” จึงเรียกวัดนี้ใหม่ว่า “วัดพระแก้ว” เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

หลังพระแก้วมรกตถูกอัญเชิญไปยังสถานที่ต่างๆก่อนมาประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กทม. จนถึงปัจจุบัน จากนั้นในปี พ.ศ. 2533 เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ชาวเชียงรายได้ร่วมกันสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหม่ชื่อ “พระพุทธรัตนากรนวุติวัสสานุสรณ์” หรือ “พระหยกเชียงราย” ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ
พระเจ้าล้านทอง
พระหยกเชียงราย สร้างด้วยหยกสีเขียวคล้ายมรกต มีพุทธลักษณะงดงาม ประดับเครื่องทรงแบบพุกาม มีขนาดเล็กกว่ากระแก้วมรกตองค์จริงที่กรุงเทพฯ 2 นิ้ว นับเป็นหนึ่งพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงรายที่มีผู้คนเดินทางไปกราบไหว้สักการะและชื่นชมความงามกันไม่ได้ขาด

นอกจากพระหยกเชียงรายแล้ว ภายในพระอุโบสถยังมี “พระเจ้าล้านทอง” ที่มีพุทธลักษณะขรึมขลังเปี่ยมศรัทธาเป็นอีกหนึ่งพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อีกทั้งยังมีองค์พระธาตุประจำวัดสีทองตั้งตระหง่าน
สิ่งชวนชมในพิพิธภัณฑ์
ภายในวัดพระแก้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งน่าสนใจที่ใครหลายๆคนมองข้ามนั่นก็คือ “โฮงหลวงแสงแก้ว” ที่เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ประจำวัด ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าต่างๆมาก อาทิ พระพุทธรูปต่างๆ บุษบก ผ้าพระบฏ ศิลปะงานไม้พญาลวงของตัวลวงของล้านนา ตุง เครื่องสูง ผลพระเจ้า 5 พระองค์ พระบรมสารีริกธาตุ และ ฯลฯ นับได้ว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งรวมของดี ในระดับค่าควรเมืองที่ไม่ควรมองข้ามหรือเลยผ่านด้วยประการทั้งปวง
พระธาตุดอยทอง
วัดพระธาตุดอยทอง

วัดถัดไปที่ผมเดินทางไปรับบุญคือ “วัดพระธาตุดอยทอง” หรือ “วัดดอยทอง”วัดนี้ตั้งอยู่บนถนนอาจำนวย หลังศาลากลางจังหวัด บนดอยจอมทองริมฝั่งแม่น้ำกก

ตามประวัติเล่าว่า วัดพระธาตุดอยทอง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1483 ในสมัยพระยาเรือนแก้วผู้ครองนครไชยนารายณ์ เพื่อเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่พระมหาเถระชาวลังกาได้นำมาถวายแด่พระเจ้าพังคราช แห่งราชวงสิงหนวัติ เจ้าเมืองโยนกนาคพันธ์(เชียงแสน) โดยได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 3 ส่วน และนำไปประดิษฐานที่พระธาตุเจดีย์สำคัญในเชียงรายได้แก่ วัดพระธาตุดอยตุง วัดพระธาตุจอมกิตติ และที่พระเจดีย์วัดพระธาตุดอยทองแห่งนี้

ต่อมาได้เกิดแผ่นดินไหวทำให้องค์พระธาตุเจดีย์(องค์เก่า)พังทลายลงมา หลังจากนั้นพญามังราย(เม็งราย)ที่ทรงพบชัยภูมิสร้างเมืองเชียงรายจากดอยจอมทอง จึงได้สร้างพระธาตุเจดีย์องค์ใหม่ขึ้นมาพร้อมกับการสร้างเมือง นั่นก็คือองค์พระธาตุดอยทองสีทองอร่ามที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
ภายในวิหารวัดพระธาตุดอยทอง
วัดพระธาตุดอยทองเป็นหนึ่งในวัดสำคัญอันดับต้นๆของเมืองเชียงราย วัดแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดอยู่ 3 ประการ ได้แก่ เป็นวัดที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแห่งแรกในเชียงราย เป็นต้นกำเนิดและต้นธารประวัติศาสตร์ของเชียงราย และ(เชื่อว่า)เป็นสถานที่สิงสถิตของเจ้าพ่อ เจ้าแม่ดอยทอง เทพารักษ์ประจำเมืองเชียงราย

ที่วัดแห่งนี้ยังมีวิหารศิลปะผสมล้านนารัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันสวยงามให้ชมกัน
เสาสะดือเมืองที่ไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้วัดพระธาตุดอยทองยังมีสิ่งสำคัญคือ “เสาสะดือเมือง” เชียงรายที่แปลกแตกต่างแห่งเดียวในเมืองไทย

เสาสะดือเมืองเชียงราย มีทั้งหมด 108 หลัก ชาวเชียงรายพร้อมใจกันสร้างเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพญามังรายและเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยหลังจากสร้างเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมาเจิมเสาสะดือเมืองเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2531

เสาสะดือเมืองเชียงรายสร้างขึ้นด้วยคติจักรวาล หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ลานรอบนอกหมายถึงแผ่นดิน ล้อมด้วยคูน้ำ เปรียบเสมือนน้ำในขอบจักรวาล รอบในยกขึ้นเป็น 6 ชั้น หมายถึงสวรรค์ทั้ง 6 ของกามภูมิ แล้วยกขึ้นอีก 1 ชั้น หมายถึงรูปภูมิ อรูปภูมิ และนิพพาน

เสาสะดือเมืองเปรียบดังเขาสิเนรุ ตั้งอยู่บนฐาน 3 เหลี่ยม หมายถึง ผา 3 เส้า ล้อมด้วยเสา 108 ต้น เปรียบดังสิ่งสำคัญในจักรวาล ล้อมรอบด้วยร่องน้ำ 5 ร่อง เป็นดังปัญจมหานทีลดหลั่นเป็นชั้นๆ

ขณะที่ต้นเสาสะดือเมืองนั้นสร้างตามคติโบราณของล้านนาที่เชื่อว่า หัวเสาสะดือเมืองใหญ่เท่า 5 กำมือ และสูงเท่ากับความสูงของพระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้นเสาสะดือเมืองเชียงรายจึงสูงเท่าพระวรกายของพระเจ้าอยู่หัว และมีขนาดหัวเสาใหญ่เท่ากับ 5 พระหัตถ์กำ(กำปั้น)ของพระองค์ท่าน โดยได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตวัดพระหัตถ์กำ แล้วนำมาขยายสร้าง 5 เท่าด้วยกัน

เสาสะดือเมืองนับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ชาวเชียงรายให้ความเคารพศรัทธา จึงมีการนำผ้าแพรไปผูก ทองไปปิด และนิยมมาสรงน้ำเพื่อความร่มเย็นเป็นสุข
เส้นทางสู่พระอุโบสถ
วัดร่องขุ่น

มาถึงวัดอันดับสุดท้ายที่ผมเข้าไปรับบุญ วัดนี้เดิมเป็นวัดธรรมดาๆประจำชุมชน แต่เมื่อทำการสร้างโบสถ์ใหม่ก็โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน กลายเป็นวัดไฮไลท์ประจำเชียงราย อันเป็นที่หมายปองต้องการชมและสัมผัสในความงามของผู้คนมากมาย

สำหรับวัดนี้ก็ไม่ใช่วัดไหนหากแต่คือ “วัดร่องขุ่น” อันลือลั่น ซึ่งออกแบบโดยศิลปินแห่งชาตินามอุโฆษ “เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ที่ ต.ป่าอ้อดอนชัย ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 12 กม. วัดแห่งนี้เป็นวัดบ้านเกิดของ อ.เฉลิมชัย ซึ่งหลังจากได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด พบว่าวัดแห่งนี้ชำรุดทรุดโทรมมาก อ.เฉลิมชัย จึงตั้งปณิธานว่า อยากจะสร้างอุโบสถหลังใหม่เมื่อตนเองมีความพร้อม
งานพุทธศิลป์สื่อความหมาย
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2540 ที่ อ.เฉลิมชัย มีความพร้อมทั้งด้านชีวิต ครอบครัว กำลังทรัพย์ และชื่อเสียง อาจารย์จึงได้ลงมือสร้างโบสถ์วัดแห่งนี้ขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสุดท้ายแล้วได้กลายเป็นวัดร่องขุ่นโฉมใหม่อันสวยงามอลังการและเป็นที่กล่าวขวัญถึงไปทั่ว

วัดร่องขุ่นสร้างด้วยคติจักรวาลมีสระน้ำรอบล้อมโบสถ์ เปรียบดังมหานทีสีทันดร มีสะพานทอดข้ามผ่านเปรียบดังการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ตัวพระอุโบสถที่เป็นจุดเด่นสำคัญเป็นดังดินแดนแห่งการหลุดพ้น
ศิลปะแบบเฉลิมชัย
วัดร่องขุ่นโดดเด่นด้วยงานปูนปั้นสีขาว ตกแต่งกระจกแวววับ เพื่อแทนพระบริสุทธิคุณและพระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล

ขนาดของโบสถ์ไม่ใหญ่โตนักแต่ก็ทุกส่วนล้วนต่างมีความหมาย โดยลวดลายปูนปั้นต่างๆอันอ่อนช้อยละเมียดละไมนั้น แสดงถึงความเป็น อ.เฉลิมชัย อย่างชัดเจน

จิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ อ. เฉลิมชัย ที่วาดเห็นเป็นเรื่องราวในผนังด้านซ้าย(มือจากทางเข้า) บอกเล่าถึงการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกทั้งยังมีการประยุกต์ภาพเหตุการณ์ร่วมสมัย อาทิ สไปเดอร์แมน ซุปเปอร์แมน เบนเท็น จอร์จ บุช บิลลาเดน ใส่เข้าไปร่วมกับงานจิตรกรรมไทยอันลือลั่นของ อ.เฉลิมชัย
รูปเหมือน อ.เฉลิมชัย จัดไว้ให้ถ่ายรูปด้วย
ในบริเวณวัดร่องขุ่นยังมีงานศิลปสถาปัตยกรรมอันวิจิตรอ่อนช้อยให้ทัศนากันเป็นจุดๆ ไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำที่สร้างอย่างสวยงาม ชนิดที่เหมาะสมกับสถานที่ปลดทุกข์เป็นยิ่งนัก

นอกจากตัวงานพุทธศิลป์แล้ว อ.เฉลิมชัยก็ถือเป็นสิ่งเรียกแขกได้ไม่น้อย ใครและใครหลายๆคนที่ไปวัดแห่งนี้ ต้องการไปกระทบไหล่ ถ่ายรูป ผู้คุย กับผู้สร้างวัด ชนิดไม่ต่างอะไรกับการไปพบซุปเปอร์สตาร์ ซึ่งใครโชคดีก็จะได้พบกับอาจารย์ ส่วนถ้าวันไหนอาจารย์ไม่ว่าง แต่ถ้าใครอยากถ่ายรูปด้วย อ.เฉลิมชัย ก็มีภาพของตัวเอง ขนาดเท่าตัวจริงจัดเตรียมไว้ให้แฟนคลับถ่ายรูปด้วย ในท่าทาง ลีลา ฮากระจาย ที่ถือเป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปินแห่งชาตินามอุโฆษคนนี้

..............

และนั่นก็เป็น 3 วัดเด่นในตัวเมืองเชียงราย ที่มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ค้นหาทั้งทางโลก ทางธรรม ทางใจ และทางจิตวิญญาณ
กำลังโหลดความคิดเห็น