แม้ว่าจะเป็นเทศกาลของชาวตะวันตก แต่ “ฮัลโลวีน” ก็เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่คนไทยก็ร่วมสนุกไปกับเขาเหมือนกัน อันที่จริงแล้วมีความเชื่อกันว่า วันฮัลโลวีนเป็นวันที่มิติคนเป็นและคนตายจะเชื่อมโยงเข้าหากัน วิญญาณของผู้เสียชีวิตจะมาหาร่างของคนสิงสู่ ทำให้คนแต่งกายเป็นผีร้ายและส่งเสียงอึกทึกเพื่อให้ผีตัวจริงหนีไป จนปัจจุบันเทศกาลนี้ก็กลายเป็นงานฉลองสนุกสนาน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ไปเคาะประตูบ้านตามประเพณี Trick or Treat ที่จะจบลงด้วยการได้ขนมเล็กๆ น้อยๆ กลับมากิน
บรรยากาศที่ชวนวังเวงใจในช่วงฮัลโลวีนแบบนี้ ก็เหมาะอย่างยิ่งที่จะไปเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวสุดสยองจากรอบโลก โดยทาง Youtube ได้ทำการคัดสรร 10 สถานที่ชวนสยองขวัญต่างๆมานำเสนอ ว่ากันว่า ใครไปแล้วอย่างน้อยก็ต้องมีการขนหัวลุกกันบ้างไม่มากก็น้อย มาลองดูว่า ที่เที่ยวที่ว่านี้มีอะไรบ้าง
สุสานมัมมี่ เมืองปานาโม ประเทศอิตาลี เป็นสุสานใต้ดินเก่าแก่ตั้งอยู่ใต้อารามนักบวชคาปูชิน แห่งโบสถ์ฟรานเซสโก้ ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ภายในก็จะมีแต่ซากมัมมี่จำนวนมากมายจนกลายเป็นชุมชนแออัด บางศพก็แขวนหรือพิงอยู่กับฝาผนัง บางศพก็ยังสวมเครื่องแต่งกายเดิม และที่น่าแปลกที่สุดก็คือ มัมมี่ของเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ ชื่อว่า โรซาเลีย รอมบาโด้ ที่ดองไว้เกือบ 80 ปีแล้ว แต่กลับมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนเดิมเสมือนแค่หลับไปเฉยๆ
อุโมงค์ Pont de L'Alma กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นสถานที่ที่เจ้าหญิงไดอาน่าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ จนสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2540 และยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ว่าเป็นการฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุกันแน่ ใครที่ไปเที่ยวที่กรุงปารีสก็อย่าลืมแวะไปสัมผัสบรรยากาศน่ากลัวที่อุโมงค์แห่งนี้
เทือกเขาร็อกกี้ โคโลราโด มีเรื่องชวนสยองที่เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น โดยมนุษย์กินคนที่ไม่ใช่คนป่า เรื่องของเรื่องคือ ในปี 1974 ช่วงที่มีอากาศหนาวจัด มีคณะนักสำรวจ 6 คน เข้าไปขุดอุโมงค์และเกิดดินถล่ม ตัดขาดการสื่อสารจากโลกภายนอก หลังจากนั้น ก็มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตออกมาในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี และชายคนนี้ถูกจับในข้อกล่าวหาว่ากินเพื่อนของเขาเพื่อให้มีชีวิตรอด
หมู่เกาะปาปัวนิวกินี อยู่ทางเหนือของทวีปออสเตรเลีย มีชนเผ่าต่างๆ มากมายอาศัยอยู่ ซึ่งรวมไปถึงเผ่ามนุษย์กินคน ที่จะมีพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะและกินซุปเนื้อมนุษย์ วิธีปรุงเมนูนี้ก็คือ นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ต้มให้เดือด แล้วหั่นศพมนุษย์ใส่ลงไป และใส่ผักชนิดต่างๆ ต้มให้สุกและเปื่อย จากนั้นก็เริ่มกินได้ ส่วนหัวกะโหลกที่เหลือก็จะใช้เป็นเครื่องประดับประดาบ้านเรือน แต่ปัจจุบันนี้ พิธีกรรมกินเนื้อมนุษย์ไม่มีแล้ว เพราะมีกฎออกมาว่าห้ามกินเนื้อคนไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือนักท่องเที่ยว
ค่ายกักกันเอาชวิทซ์ (Auschwitz) ประเทศโปแลนด์ เป็นค่ายกักกันและค่ายมรณะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาค่ายกักกันของนาซี ระหว่างการทำสงครามโลกครั้งที่สอง ค่ายนี้สร้างขึ้นเพื่อสังหารชาวยิวด้วยการรมแก๊สพิษและเผาในเตาเผา ว่ากันว่ามีเหยื่อที่ถูกสังหารในค่ายนี้ถึงกว่า 1.1 ล้านคน และปัจจุบัน สภาพของค่ายก็ยังเหมือนเดิมทุกประการ เมื่อก้าวเข้าไปแล้วจะรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แถมด้วยความรู้สึกวังเวงจนขนหัวลุก
เมืองปอมเปอี เป็นเมืองเก่าในยุคกลาง ในประเทศอิตาลี เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศในช่วงฤดูร้อยของชาวโรมันในยุคนั้น ต่อมาเกิดภูเขาไฟระเบิดเข้าถล่มทั้งเมืองจนเหลือแต่ซาก มีการหล่อรูปคนตายในท่าที่ถูกลาวาทับ และแสดงท่าหนีตายของชาวเมืองและสัตว์เลี้ยง จนได้ฉายาว่า ซากเมืองแห่งความตาย และปัจจุบันเมืองปอมเปอีได้รับการฟื้นฟูและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้
หอคอยลอนดอน (Tower of London) ประเทศอังกฤษ เคยเป็นทั้งป้อมปราการ ปราสาท พระราชวัง คุก และแดนประหาร กว่า 900 ปีที่อยู่ในประวัติศาสตร์ มีทั้งการนองเลือด ความซับซ้อนซ่อนเงื่อน คดีดังของที่นี่ก็คือ การเป็นสถานที่ตัดหัว แอนน์ โบลีน พระสนมในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และยังมีคนที่ถูกทรมานอยู่ในหอคอยแห่งนี้อีกนับไม่ถ้วน ทำให้กลายเป็นสถานที่หลอนอีกแห่งหนึ่ง ว่ากันว่าถ้าหากโชคดีอาจจะได้ยินเสียงร้องขอชีวิต หรือเสียงลากโซ่ตรวนก็ได้ แต่ปัจจุบันหอคอยลอนดอนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ เก็บเครื่องมือทรมาน และเครื่องมือประหารนักโทษในยุคกลางไว้ให้สัมผัสความน่ากลัว
ปราสาท Bran Castle Vlad Dracul ทรานซิลวาเนีย ประเทศโรมาเนีย เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ ปราสาทแดร๊กคิวล่า ตำนานผีดูดเลือด ความน่ากลัวอยู่ที่ตำนานเล่าขานว่า เจ้าชายผู้เป็นเจ้าของปราสาทนี้ เป็นเจ้าชายจอมเสียบ เมื่อจับเชลยมาได้ก็จะนำไม้แหลมมาเสียบจากล่างทะลุบน แล้วจับมาเรียงรายกันในบริเวณกว้างๆ จากนั้นก็นั่งดูเล่นๆ ส่วนในปัจจุบันปราสาทนี้ก็ยังคงอยู่และอยู่บนเนินที่สูง ใครที่จะไปดูก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาปีนขึ้นไปเอง
คุกอัลคาแทรซ (Alcatraz Island) ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นคุกที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกา เพราะเป็นสถานที่คุมขัง อัลคาโปน เจ้าพ่อชื่อดัง และคุกแห่งนี้มีฉายาว่า เดอะร็อก เพราะไม่มีใครแหกคุกออกไปได้สำเร็จ แม้จะมีนักโทษที่พยายามใช้ของชิ้นเล็กๆ ตัดซี่กรงและแอบว่ายน้ำหนีออกไป แต่ก็ไม่ปรากฏว่าเขามีชีวิตรอดหรือไม่ หลายคนก็ต้องตายในคุกเพราะแผลติดเชื้อ กลายเป็นที่ม่ของเสียงประหลาดมากมาย ปัจจุบัน คุกแห่งนี้เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสามารถค้างคืนสัมผัสบรรยากาศสยองได้ด้วย
อนุสรณ์สถานแห่งคิลลิ่ง ฟิลด์ (Killing Field) หรือ ทุ่งสังหาร ในประเทศกัมพูชา เป็นอนุสรณ์ที่รำลึกถึงความรุนแรงโหดร้ายของยุคเขมรแดง ที่มีการสั่งฆ่าชาวบ้านนับล้าน จนกลายเป็นศพมากมายนับไม่ถ้วน และมีกะโหลกไร้ญาติถูกนำมารวมไว้ที่นี่ รวมถึงมีรูปผู้ตายติดไว้ให้ดู วันดีคืนดีก็อาจจะได้ยินเสียงร้องไห้ระงมดังมาจากกะโหลกเหล่านั้นก็ได้ แถมท้ายด้วย คุกตุล สาเลช คุกเถื่อนที่ในอดีตเคยเป็นโรงเรียนมัธยม ที่นี่มีคนถูกนำมาฆ่าตาย หรือนำมาทรมานก่อนจะตายอย่างสยองในยุคนั้น
ใครอยากขนหัวลุกชวนสยองขวัญ ก็เลือกไปเที่ยวกันได้ตามชอบ แต่ใครที่ขวัญอ่อนก็เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีก่อนไปก็แล้วกัน
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของผู้จัดการท่องเที่ยว Travel @ Manager on Facebook รับข่าวสารทั้งเรื่องกินเรื่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com