xs
xsm
sm
md
lg

“ปาย”สีเขียว เที่ยวหน้าฝน สัมผัสตัวตนบนความเป็น“ปาย”/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

ปายในสายรุ้ง
“ฟ้าหลังฝนมักสดใส”

ใครหลายคนว่าไว้อย่างนั้น

แต่ฟ้าหลังฝนในเย็นวันหลังฝนพรำ หลังจากที่ผมกับเพื่อนๆดั้นด้นฟันฝ่านานาสารพันโค้งมาถึงยังเมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน ท้องฟ้าหลังฝนนั้นดูไม่สดใส แต่ใต้แสงแดดที่ฉาบทอกลับปรากฏรุ้งกินน้ำตัวอ้วนทิ้งตัวโค้งทอดผ่านลงมาท่ามกลางม่านขุนเขาที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า

เพื่อนที่ร่วมเดินทางมาแอ่วปายด้วยกันบอกว่า นี่นับเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะเพียงแค่เข้ามาเหยียบปายได้ไม่ทันไร รุ้งก็มาออกต้อนรับพวกเราแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน เหนือม่านฟ้าได้เกิดปรากฏการณ์ให้ชวนทึ่งอีก เมื่อเกิดรุ้งกินน้ำอีกตัว ทาบทอตามมา

อา...นี่ไยมิใช่นิมิตหมายอันดีถึง 2 ต่อ สำหรับการมาเยือนปายในทริปนี้
แม่น้ำปาย
1…

แม้จะเคยมาเที่ยวปายหลายต่อหลายครั้ง แต่ปายหน้าฝนผมเพิ่งเคยมาเยือนเป็นครั้งที่สองเท่านั้นเอง

ปายหน้าฝนครั้งแรกแม้มาสัมผัสแค่เพียงผิวๆ แต่ด้วยความเขียวขจีของท้องไร่ท้องนา อากาศนอกเมืองที่ชุ่มเย็นบริสุทธิ์ และความสงบงามของเมืองนี้ที่ให้บรรยากาศต่างกันลิบลับกับปายหน้าหนาวในช่วงไฮซีซั่น นั่นเป็นสาเหตุแห่งความติดใจให้ผมต้องหาเหตุกลับขึ้นมาแอ่วปายช่วงหน้าฝนในครั้งนี้(และอีกหลายๆครั้งต่อไปในอนาคต)

การมาเที่ยวปายครั้งนี้ เมื่อมีนิมิตหมายอันดีเกิดขึ้นจากการที่มีรุ้งมาต้อนรับเราถึง 2 ตัว นั่นก็ทำให้ผมโชคดีได้พบกับกลุ่ม“ปายเซ็นเตอร์” กลุ่มคนที่พยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงอนุรักษ์ในเมืองปาย อีกทั้งยังเดินตามรอยเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง เน้นวิถีธรรมชาติ การเกษตรปลอดสาร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมฆหมอกลอยไต่ระเรี่ย
ปายเซ็นเตอร์แม้จะเป็นการรวมกันของกลุ่มคนเล็กๆ แต่นี่ถือเป็นหน่ออ่อนที่รอวันเติบใหญ่ให้นายทุนที่หวังจะมากอบโกยเอาจากเมืองปายต้องฉุกคิด และให้ผู้คนที่รับรู้เรื่องการท่องเที่ยวปายตามกระแสแบบฉาบฉวย หวังมาลั้ลลาที่ถนนคนเดิน มาหาพร็อบถ่ายรูป มาตามคอนเสิร์ตอีเวนต์ ได้เปิดมุมมองใหม่ๆว่า ปายนอกจากจะมีจุดท่องเที่ยวตามกระแสแล้ว ปายยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วิถีวัฒนธรรม ที่น่าสนใจอีกหลายให้ไปสัมผัสค้นหากัน

2...

“ปายเป็นปายอย่างที่ปายเป็น” หรือ “Slow Style” เป็นแนวคิดหลักที่กลุ่มปายเซ็นเตอร์ใช้ชูเป็นสโลแกน

สำหรับผมช่วงหน้าฝนอย่างนี้ ปายได้เผยให้เห็นสิ่งที่ปายเป็นและตัวตนบนความเป็นปายออกมามากทีเดียว เพราะปายช่วงนี้ดูสงบงาม อากาศดี ธรรมชาติเขียวชอุ่มดูสบายตา นักท่องเที่ยวน้อย ไม่พลุกพล่าน ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว แถมที่พักส่วนใหญ่ยังลดราคาลงมาถูกแบบครึ่งต่อครึ่ง

แต่ก็อย่างว่าแหละ นักท่องเที่ยวไทยหลายๆคนอาจไม่คุ้นกับการเที่ยวในหน้าฝน ซึ่งแต่เดิมถือเป็นโลว์ซีซั่น แต่ตอนนี้มีการเรียกขานใหม่กลายเป็น“กรีนซีซั่น”แล้ว (Green Season)
นาขั้นบันได
จากที่พักนอกเมือง พี่ๆกลุ่มปายเซ็นเตอร์มารับผมไปเที่ยวชมสีสันของปายหน้าฝน โดยมุ่งออกไปที่นอกเมืองเพื่อสัมผัสกับท้องทุ่งท้องนา สูดอากาศดีๆ รับโอโซนกันให้ชุ่มปอด

ทุ่งนาในเมืองปลายบางช่วงปลูกตามความสโลปเป็นขั้นบันไดน้อยๆสีเขียวสด บางช่วงปลูกอยู่บนพื้นที่ราบเมื่อมองลงไปจากมุมสูงดูประหนึ่งพรมสีเขียวผืนใหญ่พาดวางลงไปแอ่งกลางหุบเขา ยามสายลมพัดพลิ้วต้นข้าวสีเขียวที่ชูช่อรอวันแตกรวงจะโยกไหวตามแรงลม ดูสบายตา สบายใจ

หลังที่ราบทุ่งนา ฉากหลังเป็นทิวเขาทอดยาวตระหง่านแสดงให้เห็นความเป็นเมืองในหุบเขาของเมืองปาย เหนือขึ้นในบางช่องบางตอนมีเมฆหมอกลอยระเรี่ยหยอกล้อยอดเขา

เห็นบรรยากาศของทุ่งนา ฟ้า เขา ของปายหน้าฝนแล้ว มันทำให้ผมอดที่จะแปลงเนื้อร้องท่อนขึ้นต้นของเพลง“รอยไถแปร” ที่ร้องว่า “ทุ่งนาแดนนี้ไม่มีความหมาย” เป็น “ทุ่งนาแดนนี้ช่างมีความหมาย” เสียไม่ได้
ทิวทัศน์ตัวเมืองปาย เมื่อมองลงมาจากพระธาตุแม่
3…

ช่วงหน้าฝนแบบนี้ หากอยากเห็นตัวเมืองปายในความเขียวชอุ่ม “วัดพระธาตุแม่เย็น” ถือว่าตอบสนองความต้องการนี้ได้ดีทีเดียว เพราะที่นี่ตั้งอยู่บนเขา จัดเป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองปายชั้นดังและชั้นดี บนนี้เมื่อมองลงไปจะเห็นตัวเมืองปายเป็นแอ่งกระทะตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาที่แวดล้อม ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้มองเต็มไปด้วยความเขียวขจีมองสบายตานัก

พูดถึงวัดแล้ว เมืองปายยังมีวัดอีกมากมายหลายแห่ง อาทิ “วัดตาลเจ็ดต้น” ที่โดดเด่นไปด้วยศิลปกรรมแบบไทยใหญ่, “วัดกลาง” วัดเก่าแก่ที่อยู่ใกล้ท่ารถปาย ภายในงดงามด้วยเจดีย์สีทอง ศิลปะแบบไทยใหญ่, “วัดหลวง” ภายในประดิษฐานหลวงพ่อเพชร ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนปาย
วิหารวัดศรีดอนชัย
ปายยังมีวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ“วัดศรีดอนชัย” วัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองปาย(วัดแรกในเมืองปาย) สร้างในปี พ.ศ.1855 ซึ่งมีอายุครบ 700 ปีในปีนี้

วัดศรีดอนชัย ภายประดิษฐาน“พระพุทธสิหิงค์” หรือ “พระสิงห์ปาย” อีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของเมืองปาย ที่อัญเชิญมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่ครั้งกระโน้น

วัดศรีดอนชัย ปัจจุบันมีการบูรณะวิหารใหม่ ช่างที่นี่ทำออกมาได้อย่างสวยงามโดยเฉพาะลวดลายปูนปั้นนี่ ปั้นได้อ่อนช้อยพลิ้วไหวดีเหลือเกิน ขณะที่งานจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของสล่าน้อยนั้น(ในวันที่ผมไปเยือนวาดไปได้ครึ่งหนึ่ง)ก็ใช่ย่อย แกวาดบันทึกตำนานของเมืองปายไว้ในงานจิตรกรรมฝาผนังได้อย่างน่ายล นับเป็นงานที่ควรค่าแก่การให้เยาวชนรุ่นหลังในเมืองปายมาศึกษาสืบสานตำนานเมืองเพื่อให้รับรู้รากเหง้าว่า เมืองปายมีที่มาอันยาวนานก่อนที่จะกลายมาเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตดังเช่นทุกวันนี้
ป่าหินงาม
4…

ถนนคนเดินดูจะเป็นสถานที่หลักสำหรับนักท่องเที่ยวหลายๆคน แต่มาปายหนนี้ผมขอเลี่ยงถนนคนเดินออกไปเที่ยวยังนอกเมือง โดยช่วงเช้าไปมุ่งหน้าไปยัง“ป่าหินงาม” ที่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่เอี่ยมอ่องของเมืองปาย

ป่าหินงามเมืองปาย ตั้งอยู่ที่ บ้านโป่งไหม้ หมู่ที่ 2 ต.แม่ฮี้ การเข้าชมป่าหินงามในช่วงหน้าฝนอย่างนี้ควรใช้รถโฟร์วีลจะดีที่สุด ป่าแห่งนี้เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนที่ทางจังหวัดได้มาสำรวจพบว่ามีป่าหินที่อุดมไปด้วยก้อนหินใหญ่น้อยมากมายนับสิบไร่(เดิมเป็นที่หาของป่าของชาวบ้าน) นั่นจึงทำให้ทางจังหวัดพัฒนาปรับปรุงพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว

ป่าหินงามปายในช่วงหน้าฝนนี้ ถือว่าสวยทีเดียวเพราะนอกจากจะมีก้อนหินน้อยใหญ่มากมายขึ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณแล้ว หินหลายๆก้อนจะมีมอสขึ้นปกคลุมดูคล้ายมีพรมธรรมชาติห่อหุ้ม ซึ่งเป็นการสร้างความนุ่มนวลของผืนมอสกับความแข็งกระด้างของก้อนหินได้เป็นอย่างดี
โป่งน้ำร้อนท่าปาย
สำหรับก้อนหินมากมายที่ป่าหินงามนั้น ข้อมูลจากป้ายสื่อความหมายบอกว่าเป็นหินแกรนิต เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและแรงลม แต่เรื่องนี้มีหลายๆคนแย้งว่าหินเหล่านี้น่าจะเกิดจากแรงระเบิดของภูเขาไฟในอดีตมากกว่า เพราะพื้นผิวหินมีลักษณะขรุขระ หินบางก้อนแตกตัวดูเหมือนมีเปลือกห่อหุ้มอยู่ ไม่ได้มีพื้นผิวเกลี้ยงเกลาเหมือนหินที่ถูกน้ำกัดเซาะ อีกทั้งก้อนหินยังตำกระจัดกระจายไม่ได้ตกอยู่บริเวณเดียวกันในที่ต่ำเหมือนกับการถูกน้ำพัดไปกองรวมกันไว้ เหมือนกองหินแม่น้ำหลายๆที่

เรื่องนี้คงต้องให้นักธรณีวิทยามาทำการศึกษาและนำข้อมูลที่ถูกต้องมานำเสนอต่อไป

หลังเที่ยวสวนหินจนเหงื่อไหลไคลย้อยแล้ว เราไปผ่อนคลายกันที่ “โป่งน้ำร้อนท่าปาย” ที่อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ซึ่งวันที่ 1 ต.ค. นี้เขาจะขึ้นค่าเข้าอุทยานฯแห่งนี้ และอีก 28 แห่ง เป็น 100 บาทแล้ว

โป่งน้ำร้อนท่าปาย เป็นแหล่งน้ำร้อนธรรมชาติที่มีธารน้ำร้อนให้แช่ผ่อนคลายกัน อีกทั้งยังเป็นโป่งน้ำร้อนที่มีจุดให้แช่ไข่กินได้อีกด้วย
กำแพงเมืองจีนบ้านสันติชล
น้ำร้อนที่โป่งน้ำร้อนท่าปายนอกจากจะเปิดรูขุมขนให้เลือดลมเดินโล่งสะดวกแล้ว ความร้อนของน้ำยังเรียกเหงื่อได้ไม่น้อย ทำให้หิวได้ที่ พวกเราจึงมุ่งหน้าไปกินอาหารจีนยูนนานรสเด็ดในมื้อเที่ยงที่ “บ้านสันติชล” หมู่บ้านชาวจีนยูนนาน ที่กำลังเติบโตด้านการท่องเที่ยว โดยโซนรับนักท่องเที่ยวของหมู่บ้านนี้มีการจัดสร้างในบรรยากาศแบบจีนๆ มีบ้านดิน โรงเตี๊ยม ร้านขายชา ขายของที่ระลึก และล่าสุดเพิ่งมีการจำลองกำแพงเมืองจีนเล็กๆมาสร้างไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิว ถ่ายรูปกัน นอกจากนี้ก็ยังมีจุดถ่ายรูปที่อนุสาวรีย์มังกรบนก้อนหินยักษ์ มีชิงช้าแบบภูมิปัญญาพื้นบ้านไว้ให้โยกเล่นกัน

อิ่มหนำจากอาหารยูนนานโดยเฉพาะขาหมูหมั่นโถรสโอชะแล้ว ผมไปสัมผัสความชุ่มฉ่ำของน้ำตกที่ใกล้ตัวเมืองปายที่สุด คือ “น้ำตกหมอแปง” ก่อนที่เบื้องบนฝนฟ้าจะเทลงมา

เมื่อมาปายหน้าฝนงานนี้ย่อมถูกสายฝนชโลมบ้างเป็นธรรมดา
ปายในม่านฝน
5…

นักเดินทางผู้โรแมนติกหลายคน มักจะบอกว่าเวลาเดินช้าเมื่อมาเมืองปาย

สำหรับเรื่องนี้คงไม่สามารถยืนยันได้ เพราะการมาแอ่วปายหน้าฝนของผมในครั้งนี้

นาฬิกาผมตาย!?!
กำลังโหลดความคิดเห็น