เมื่อใดที่ท้องเริ่มส่งเสียงร้อง น้ำย่อยเริ่มออกมาทำงาน ก็คงจะเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งว่า อาการหิวมาถึงแล้ว และเมื่อถึงเวลาที่ต้องหาอะไรซักอย่างลงท้อง ถ้าหากอยู่ในกรุงเทพฯแล้วล่ะก็ การจะหาของกินอะไรซักอย่างในนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่ว่าจะเป็นภัตตาคาร ร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งอาหารริมทางก็สามารถหากินได้ง่าย เรียกได้ว่าแทบจะทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้
ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในแถบเอเชีย ที่มีเอกลักษณ์ทางด้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว หรืออาหารหวาน ก็ไม่แพ้ชาติใด และที่สำคัญอาหารไทยสามารถหากินได้ง่าย โดยไม่ต้องเข้าร้านอาหารก็สามารถหาของอร่อยกินได้ ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ ผัดไท ฯลฯ หรือไม้กระทั่งต้มยำกุ้ง ที่รสชาติจัดจ้านจนฝรั่งต้องยกนิ้วให้
จะเชื่อหรือไม่ว่า อาหารริมถนนในบ้านเราที่เราๆท่านๆเคยกินกันอยู่เป็นประจำ จะโด่งดังไปไกลถึงเมืองนอก จนได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยกให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีอาหารริมถนนดีที่สุดในโลก โดยเว็บไซต์ “เวอร์ชวลทัวริสต์” ที่ได้สำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยว เกี่ยวกับความประทับใจเรื่องอาหารริมถนน จากหลายเมืองทั่วโลก ซึ่งผลการสำรวจได้ออกมาว่า เมืองที่ครองอันดับ 1 อาหารริมถนนดีที่สุดในโลกนั้น คือกรุงเทพมหานครนั่นเอง
ขณะที่อันดับ 2 ตกเป็นของ ประเทศ สิงคโปร์ ซึ่งมีจุดเด่นที่การผสมผสานวัฒนธรรมด้านอาหารของจีน มลายู อินเดีย รวมถึงอาหารเปรานากัน และขึ้นชื่อในเรื่องอาหารสะอาดถูกหลักอนามัย อันดับที่ 3 ได้แก่เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย ที่มีการผสมผสานด้านวัฒนธรรมของมาเลเซีย จีนและอินเดีย ส่วนอันดับที่ 4 เมืองมาร์ราเกช โมร็อกโก และอันดับที่ 5 เมืองปาแลร์โม ประเทศอิตาลี ตามลำดับ
ในเว็บไซต์ “เวอร์ชวลทัวริสต์” ให้ข้อมูลว่าผู้คนกว่า 1.2 ล้านคน จาก 220 ประเทศทั่วโลก ระบุว่า “ซอยรามบุตรี” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดชนะสงครามและถนนข้าวสารขึ้นชื่อเรื่องการมีอาหารข้างทางที่หลากหลาย ขณะที่ซอย 38 บนถนนสุขุมวิทก็มีจุดเด่นในเรื่องของตลาดจำหน่ายอาหารในช่วงค่ำคืนไม่แพ้กัน
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอีกหลายย่านที่มีอาหารริมถนนที่หลากหลาย อาทิ ซอยโชคชัย 4 สีลม เยาวราช หรือแม้กระทั่งริมถนน ตรอกซอกซอยอื่นๆอีกมากมายในบ้านเรา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งของกินริมทางเลยก็ว่าได้
อนึ่งการที่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกกินอาหารริมทางนั้น มีเหตุหลักมาจากความ “อร่อย และถูก” และสามารถหากินได้ง่าย ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนก็มีของกินข้างทางให้เลือกสรรอยู่เสมอ
และนี่ก็เป็น 5 ย่านของแหล่งอาหารริมทางชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่เป็นดังสวรรค์น้อยๆของนักกินกันเลยดีเดียว
เยาวราช
เริ่มต้นกันที่ย่านแรกนั้นก็คือ “เยาวราช” ถนนเยาวราชเป็นถนนสายสำคัญสายหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ปัจจุบันถนนเยาวราช (หรือไชน่าทาวน์)ได้กลายเป็นแหล่งค้าขายสิ้นค้าจำนวนมาก และยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนไทยเชื้อสายจีน ที่เข้ามาค้าขาย นอกจากนั้น ถนนเยาวราชยังเป็นย่านการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร อีกด้วย
เยาวราช ถือเป็นสวรรค์ของนักกินเลยก็ว่าได้ เพราะย่านนี้มีทั้งของคาว ของหวาน ขนมขบเคี้ยว ไปจนถึงผลไม้ให้ลิ้มรสกันได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ชนิดที่ว่ากินกันทั้งเดือนก็ไม่ครบทุกร้าน นอกจากนี้แล้วผู้คนที่แวะเวียนมาที่เยาวราชนี้ ก็คงจะไม่พลาดกับการลิ้มรสอาหารริมทางที่มีให้เลือกสรรอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หูฉลาม รังนก กระเพาะปลา ฯลฯ ก็สามารถหากินกันได้ที่ย่านเยาวราชนี้เลย
สุวรรณี จันทร์พร เจ้าของร้านกระเพาะปลาน้ำแดงเจ้าเก่าย่านเยาวราช เผยว่า ตนดีใจที่ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องดังกล่าวมาก่อน แต่ตนเชื่อว่าประเทศไทยได้ครองอันดับ 1 อาหารริมถนนดีที่สุดในโลกจริง เพราะเวลาตนไปต่างประเทศเวลาจะกินอาหาร ก็จะมีอาหารไม่หลากหลายเหมือนประเทศไทย อยู่ประเทศไทยแล้วมีอาหารให้เลือกกินมากมาย แถมรสชาติก็อร่อยถูกปาก และนอกจากนั้นแล้วย่านเยาวราชมีชาวต่างชาติค่อนข้างมาก เวลาชาวต่างชาติมากินอาหารที่ร้านก็จะกินกันจนหมดชามอีกด้วย
สีลม
สีลมนับเป็นย่านธุรกิจแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุงเทพฯ จึงทำให้สีลมเป็นแหล่ง ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวติต่างชาติต่าง แวะเวียนกันไปในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเย็นๆถึงกลางคืน จะเห็นได้ว่าสองฟากฝั่งของถนนสีลมเต็มไปด้วยร้านค้าริมทางเป็นจำนวนมาก
ด้านนางสาววิภวานี ทิอ่อน หรือพี่จุ่ม แม่ค้าข้าวเหนียวมะม่วงย่านสีลมกล่าวว่า ได้ขายข้าวเหนียวมะม่วงในย่านสีลมมาร่วม 15 ปีแล้ว ลูกค้าส่วนมากก็มีทั้งชาวไทย ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ เมืองไทยเป็นเมืองที่อาหารการกินหาได้ไม่ยาก และอาหารหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วงก็สามารถหากินได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หน้าข้าวเหนียวมะม่วง แต่ก็สามารถหากินมะม่วงได้ทั้งปี ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น
ซอยรามบุตรี
ซอยรามบุตรีเป็นอีกซอยหนึ่งที่อยู่ระหว่างถนนข้าวสารและบางลำพู ภายในซอยมีทั้งร้านอาหาร โรงแรม เกสท์เฮ้าส์ และของกินริมทางมากมาย นักท่องเที่ยวจากต่างชาติจำนวนไม่น้อย ที่อาศัยอาศัยอยู่ในซอยรามบุตรี และใช้ซอยแห่งนี้เป็นที่ฝากท้องเช่นเดียวกัน นอกจากนี้แล้วยังมีร้านเสื้อผ้า และสิ่งของต่างๆตั้งขายอยู่ในซอยรามบุตรี ที่เปิดค้าขายกันทั้งกลางวันและกลางคืน จึงทำให้ซอยรามบุตรีแห่งนี้เป็นชุมชนย่อยๆของชาวต่างชาติเลยก็ว่าได้
โดยคุณนภาพร สามสารี หรือพี่หญิง แม่ค้าขายผัดไท และอาหารตามสั่ง ในซอยรามบุตรี กล่าวว่า ไม่รู้สึกแปลกใจ ในเรื่องที่ประเทศไทยได้เป็นเมืองที่มีอาหารริมถนนดีที่สุดในโลก เพราะผู้คนส่วนมากในซอยรามบุตรี ก็เป็นชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก และลูกค้าที่มากินอาหารที่ร้านก็เป็นชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเมนูที่ขายดีก็คือ ผัดไท ผัดกะเพรา และต้มยำกุ้ง ตนจึงรู้สึกไม่แปลกใจกับเรื่องดังกล่าว
สุขุมวิท 38
“ซอยสุขุมวิท 38” ย่านใจกลางเมืองเป็นอีกหนึ่งแห่งที่เลื่องลือด้านอาหารริมทางไม่แพ้ย่านไหน เนื่องจากซอยสุขุมวิท 38 เปิดขายอาหารกันตั้งแต่บ่ายแก่ๆไปจนถึงประมาณตี2 จึงทำให้ ซอยสุขุมวิท 38 เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วตอนกลางคืนยังมีกลุ่มทัวร์จากชาวต่างชาติต่างแวะเวียนกันมาลิ้มรสอาหารริมทางที่ซอยนี้อีกด้วย
นางสาวณัฐฐาภรณ์ ถายะ หรือพี่ใหม่ ร้านก๋วยจั๊บน้ำข้น-ใส ปากซอยสุขุมวิท 38 กล่าวว่า รู้สึกยินดีกับเรื่องกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากร้านนี้เปิดขายมานานแล้ว ตั้งแต่รุ่นคุณยาย จนมาถึงรุ่นของตน (รุ่นหลาน) และทุกๆวันก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเวียนมากินอย่างไม่ขาดสาย มีทั้งขาประจำ และนักท่องเที่ยวที่มากินกันเป็นกลุ่มๆอีกด้วย
โชคชัย 4
“โชคชัย 4” เป็นย่านหนึ่งแถบถนนลาดพร้าว ที่มีอาหารริมทางขายทั้งกลางวันและกลางคืน กลางวันร้านค้าจะตั้งอยู่บริเวณริมซุปเปอร์มาร์เก็ต และริมถนน แต่จะมีร้านค้าไม่มากเท่าในตอนกลางคืน เนื่องจากตอนกลางคืนจะมีร้านค้าแผงลอยมากมายตั้งขายกันเต็มถนน เรียกว่าเป็นตลาดที่คึกคักในช่วงค่ำกันเลย
นางสาวประยูร ทำขูรู หรือพี่ยูร แม่ค้าขายผลไม้ในซอยโชคชัย 4 กล่าวว่า เมืองไทยสามารถหากินอาหารได้ เนื่องจากจะขายเวลาไหนก็ได้ และลูกค้าก็จะมากินตอนไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน แต่ก็ยังมีหลายๆคนที่มองว่าอาหารข้างทางนั้นไม่สะอาด ก็อยากจะฝากว่า จริงๆแล้วแม่ค้าทุกคนที่ขายอาหารริมถนนนั้น ล้วนแล้วแต่รักษาความสะอาด และทำอาหารออกมาเต็มที่ เพื่อให้ลูกค้ามองแล้วน่ากิน อยากให้หลายๆคนลองเปลี่ยนมุมมองความคิดใหม่ แล้วจะเห็นอะไรๆในอาหารริมทาง
และนั่นก็คือ 5 ย่านอาหารริมทางอันโดดเด่นในเมืองหลวง ซึ่งแม้อาหารริมทางในบ้านเราจะได้รับการยกย่องจากต่างชาติให้เป็นเบอร์ต้นๆของโลก แต่ ในขณะเดียวกันก็มีบุคคลไม่น้อย ที่มองว่าอาหารข้างทางอาจไม่สะอาด หรือไม่มีคุณภาพเหมือนของในร้านอาหาร ฯลฯ กระนั้นก็เถอะ ต่างคนต่างที่มา ต่างความคิด และอาจต่างในเรื่องของปัจจัย ใครใคร่จะกินร้านอาหาร หรือร้านริมทาง ก็สุดแล้วแต่ความชอบ แต่ก็ยังคงมีชาวต่างชาติไม่น้อยที่เลือกร้านอาหารข้างทางมาบริโภค
ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือแม้กระทั่ง ร้านค้าริมถนน ริมฟุตบาท ที่เราเห็นๆกันอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ล้วนแล้วแต่มีรสชาติที่อร่อยเหมือนๆกัน แต่สุดท้ายแล้วใครจะเลือกบริโภคแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่ร้านค้าริมถนน หรือริมทางนี่แหละคือ “เสน่ห์เมืองกรุง” อีกอย่างหนึ่ง