xs
xsm
sm
md
lg

ตื่นตาโลมาสีชมพู ดูว่าที่มรดกโลก...เที่ยว“นครศรีฯ ดี๊ดี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วัดพระมหาธาตุ มีองค์พระบรมธาตุเจดีย์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนคร
ใช่ว่า “ตะลอนเที่ยว” จะไม่เคยมาเยือนเมืองนครมาก่อน เพราะว่าเราเคยล่องใต้มาเที่ยวที่ จ.นครศรีธรรมราชก็หลายครั้งหลายคราแล้ว แต่เหตุผลที่เรามาเที่ยวที่นครในทริปนี้อีกก็เพราะว่า จ.นครศรีฯ ได้เปิดตัวโครงการ “นครศรีดี๊ดี ที่เดียวเที่ยวครบเครื่อง เมืองเดียวเที่ยวทั้งปี” ขึ้น โดยทางเมืองนครได้จับมือการ“สายการบินนกแอร์”จัดแคมเปญนี้ขึ้นมา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองคอน

ว่าแล้ว“ตะลอนเที่ยว” ก็ขอเปิดฉากทัวร์ไฮไลท์เมืองนคร ด้วยการไปกราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครกันก่อน นั่นคือมาที่ “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” หรือที่คนนครฯ เรียกว่า “วัดพระมหาธาตุ” หรือ “วัดพระธาตุ” ซึ่งพอเอ่ยชื่อแล้วหลายคนคงนึกถึงองค์จตุคามรามเทพ เพราะช่วงปี 49 - 50 ที่วัดนี้ดังมาก แต่ละวันมีผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้ขอพร ทำพิธีปลุกเสกองค์จตุคามกันจันล้นวัด
ทางเดินขึ้นสู่พระบรมธาตุเจดีย์มีเหล่าผู้ปกปักรักษาองค์พระธาตุอยู่มากมาย
มาวันนี้กระจตุคามรามเทพซบลงไปแล้ว ทำให้วัดพระธาตุเมืองคอนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง แต่กระนั้นที่นี่ก็ยังคงมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางมาสักการะองค์“พระบรมธาตุเจดีย์” อันศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่ เก่าแก่ เป็นเจดีย์ทรงลังกาหรือระฆังคว่ำ ปลียอดหรือยอดเจดีย์หุ้มด้วยทองคำแท้ จนทำให้พระธาตุแห่งนี้ได้รับการเรียกขานว่า “พระธาตุทองคำ”ขณะที่รอบองค์พระมหาธาตุเจดีย์ก็มีเจดีย์รายรอบอย่างสวยงามถึง 158 องค์

เราได้เข้าไปกราบองค์พระธาตุกันถึงด้านบน โดยเดินขึ้นไปตามบันไดที่ทั้งสองข้างของบันไดจะมีรูปปั้นขององค์จตุคามรามเทพประดิษฐานอยู่ 2 องค์ คือ เท้าขัตตุคาม และเท้ารามเทพ และยังมีเหล่าผู้ปกปักรักษาองค์พระธาตุอยู่อีกมากมาย เราได้เดินเวียนทักษิณารอบองค์พระธาตุและกราบขอพรจากองค์พระธาตุจนเป็นที่เรียบร้อย ก็ออกเดินเที่ยวรอบวัดพระธาตุ ซึ่งต้องขอบอกว่าที่วัดนี้มีของดีให้ชมมากมาย สมแล้วที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครศรีฯ ที่กำลังขอเป็นมรดกโลก ซึ่งจากประวัติศาสตร์ความเป็นมาและสิ่งน่าสนใจต่างๆมากมายในวัดแห่งนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานเราจะได้มีมรดกโลกเคียงคู่กับเมืองนครศรีธรรมราช
เรื่องราวขององค์จตุคามรามเทพจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองนครศรีธรรมราช
“ตะลอนเที่ยว” ออกจากวัดมาด้วยจิตใจอันผ่องใสแบบอิ่มบุญเต็มที่ จากนั้นเราไปทำความรู้จักกับเมืองนครให้มากกว่านี้ ด้วยการไปศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองที่น่าสนใจกันที่ “พิพิธภัณฑ์เมืองนครศรีธรรมราช” ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) ถ. ราชดำเนิน เมื่อเดินเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์จะมีอาคารจัดแสดงอยู่ 2 หลัง หลังแรกมีชื่อว่าอาคารวีรไท ที่ภายในชั้นล่างจัดแสดง เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองนครศรีฯ ที่มีเส้นทางการค้าและเคยเป็นเมืองท่าโบราณที่สำคัญ มีนิทรรศการของบุคคลสำคัญของบ้านเมือง ส่วนชั้น 2 นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา เน้นวัดพระมหาธาตุฯ และแสดงวัฒนธรรมการจำลองประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุให้ได้ชม
ภายในพิพิธภัณฑ์นครศรีธรรมราชจัดแสดงข้อมูลความเป็นมาของเมืองนคร
แล้วเดินมาต่อที่อาคารเทิดไท้ราชินี ที่มีการจัดแสดงด้วยสื่อที่ทันสมัยมาก มีการจำลองเรือเดินสมุทรโบราณที่ให้ขึ้นไปนั่งแล้วเรือจะพาเราล่องย้อนอดีตไปสัมผัสกับเมืองท่าค้าขายทางทะเลที่สำคัญของคาบสมุทรไทย สร้างความตื่นเต้นเพลิดเพลินให้กับการชมเป็นอย่างยิ่ง และมีการจัดแสดงหุ่นจำลองให้เห็นถึงการค้าขายสินค้าเครื่องเทศของเมืองตามพรลิงค์ มีการจัดแสดงมรดกวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้านอย่างมโนราห์ หนังตะลุง ลิเกป่า เพลงบอก ผ่านสื่อวีดิทัศน์ที่น่าสนใจ ส่วนชั้น 2 จัดแสดงเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับเมืองนครอย่าง ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่นครศรีฯ และเหตุการณ์วาตภัยแหลมตะลุมพุกเมื่อปี 2505 และก็ยังมีมุมจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับองค์จตุคามรามเทพให้กับผู้ที่สนใจได้ชมกันด้วย
ห้องนิทรรศการปากพนังในอดีต ที่พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ
เรียกว่ามาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์เมืองนครฯ แล้วทำให้รู้จักเมืองนครมากขึ้นจริงๆ จากนั้นเราออกเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางต่อไปมุ่งหน้ามาที่อ.ปากพนัง เพื่อมาเที่ยวชม “พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกิดจากโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวง ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในบริเวณสถานที่ดำเนินโครงการพื้นที่ลุ่มน้ำ ปากพนัง ประกอบด้วยห้องทรงงานส่วนพระองค์ ห้องประชุมและห้องนิทรรศการปากพนังในอดีต
อนุสาวรีย์ปล่องโรงสีข้าวโบราณอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งปากพนัง
เมื่อได้เข้ามาชมห้องนิทรรศการที่ถูกจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจผ่านสื่อมัลติมีเดีย โดยมีเรื่องราวความรู้มากมายเกี่ยวกับโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ จัดแสดงไว้ให้ได้ศึกษากัน ตั้งแต่พาไปย้อนอดีตสู่ลุ่มน้ำปากพนังที่เมื่ออดีตเคยรุ่งโรจน์ ก่อนที่จะพบกับสภาพปัญหาต่างๆ และสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ในโครงการฯ จากนั้นก็จัดแสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงที่มีต่อพื้นที่โครงการฯ และมีการนำเสนอแผนการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ แห่งปากพนัง
และสุดท้ายเป็นส่วนของการจัดแสดงผลสำเร็จหลังโครงการเสร็จสิ้น และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สำคัญในภาคใต้ และบริเวณใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์ฯ ยังมี"อนุสาวรีย์ปล่องโรงสีข้าวโบราณ" ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าให้ได้ชมกัน ซึ่งปล่องโรงสีข้าวโบราณนี้ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งปากพนังที่แสดงให้เห็นว่าในอดีตปากพนังมีความอุดมสมบูรณ์ในฐานะอู่ข้าวอู่น้ำแห่งหนึ่งของเมืองไทย
วิถีชีวิตของชาวลุ่มน้ำปากพนังผูกพันกับสายน้ำ
พอได้ชมเรื่องราวของโครงการฯ ปากพนังกันแล้ว เราก็ไปล่องเรือสัมผัสวิถีชีวิตของชาวลุ่มน้ำปากพนังกันดีกว่า การล่องเรือไปบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย พาให้เราได้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายของชาวปากพนังที่มีความผูกพันกับสายน้ำ ที่หล่อเลี้ยงชาวปากพนังให้มีความเป็นอยู่ที่ดีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติ เราจะได้เห็นเรือประมงของชาวบ้านมากมายจอดเรียงรายไปตามแนวแม่น้ำ ได้เห็นชาวบ้านแล่นเรือออกมาหาปลา เห็นบ้านเรือนที่ปลูกอยู่ริมน้ำ มีกระชังปลาอยู่หน้าบ้าน และยังได้เห็น “ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ” ที่เป็นนามพระราชทานจากในหลวง มีความหมายถึง ความสามารถแบ่งแยกน้ำจืดน้ำเค็ม ได้สำเร็จ ซึ่งประตูระบายน้ำนี้มีความสำคัญและยังประโยชน์ต่อชาวลุ่มแม่น้ำปากพนังเป็นอย่างมาก เพราะช่วยปิดกั้นน้ำเค็มไม่ให้รุกเข้าไปในลำน้ำกักเก็บน้ำจืด เพื่อไว้ใช้ดำรงชีพของชาวบ้าน
คอนโดนกแอ่นมีอยู่ทั่วไปที่อำเภอปากพนัง
แล้วก็ยังจะได้เห็นคอนโดนกแอ่นจำนวนมาก ที่ถูกสร้างขึ้นเหมือนบ้านคนแต่ว่าจะมีช่องเล็กๆ ที่ถูกเจาะไว้เพื่อให้นกแอ่นได้เข้าไปทำรัง และชาวบ้านก็จะได้เก็บรังนกไปขายซึ่งรังนกของที่นี่มีราคาสูง เพราะเป็นรังนกที่มีคุณภาพดี ซึ่งการสร้างคอนโดให้นกแอ่นอยู่แบบนี้ ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ที่ดีอีกทางหนึ่งให้กับชาวปากพนัง

ได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่คู่กับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์พูนสุขของชาวปากพนังแล้ว ทำให้ “ตะลอนเที่ยว” รู้สึกซาบซึ้งไปกับพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหนแห่งของพระองค์
นักท่องเที่ยวมาตักน้ำทะเลจืดที่รอยเท้าหลวงปู่ทวด
จากอ.ปากพนัง “ตะลอนเที่ยว” ยังไม่หยุดยั้งการเดินทางแต่เพียงเท่านี้ เพราะว่าเรามีจุดหมายปลายทางข้างหน้ารออยู่ นั่นคือการเดินทางไปยัง อ.ขนอม เพื่อไปเฝ้าลุ้นระทึกกับเจ้าโลมาสีชมพูที่ถือเป็นซุปตาร์ของทะเลแห่งนี้
เขาหินพับผ้า ความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น
การได้ออกมาล่องเรือที่ทะเลขนอม ทำให้เราได้สัมผัสกับความงดงามของสายลม แสงแดด และเกลียวคลื่นอันสดใสของท้องทะเลฝั่งอ่าวไทย ที่มากมายไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่ชวนชม หากที่พอเราแล่นเรือออกมาได้สักพักก็ได้พบกับความมหัศจรรย์ของแนวหิน ที่เรียกกันว่า "เขาหินพับผ้า" ซึ่งธรรมชาติได้รังสรรค์ให้เกิดขึ้นมานานแล้วกว่า 265 ล้านปี ซึ่งเขาหินพับผ้านี้มีลักษณะเป็นแนวหินผาอันแข็งแกร่ง วางชั้นหินสลับทับซ้อนกันไปมา ดูคล้ายกับผ้าที่ถูกพับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ทั้งแนวเขา ดูแล้วสวยงามชวนให้อัศจรรย์ใจยิ่งนัก
โลมาสีชมพูไฮไลท์แห่งทะเลขนอม
เพลิดเพลินกับการดูแนวหินพับผ้ามาได้สักพัก สิ่งที่เรารอคอยก็มาปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้าลิบๆ นั่นคือ เจ้าโลมาน้อยสีชมพูกำลังแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเล เมื่อเรือพาตัวเคลื่อนเข้าไปใกล้ๆ เจ้าโลมาน้อยกลับไม่ต้องใจว่ายน้ำหนีไปแต่อย่างใด ยังคงว่ายวนไปมาข้างๆ เรือ เหมือนจะมาส่งยิ้มทักทายให้กับเหล่านักท่องเที่ยว ให้ได้รู้ว่าเขาอยู่ดีมีความสุข ณ ที่ทะเลขนอมแห่งนี้ หากว่าตราบใดที่นี่ยังคงมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ไม่มีภัยมารุกรานเช่นนี้ เจ้าโลมาสีชมพูก็ยังจะอยู่คู่กับทะเลขนอมไปอีกนานแสนาน

พอเจ้าโลมาน้อยสีชมพูโบกครีบลาพร้อมกับว่ายน้ำหายไปแล้ว เรือได้เบนหัวเรือมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำจืดกลางทะเล ที่ตั้งอยู่บนเกาะที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เกาะหลวงปู่ทวด” ที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีตำนานเล่าว่าหลวงปู่ทวดเคยมาขึ้นเรือที่เกาะนี้ แล้วได้สร้างปาฏิหาริย์เหยียบน้ำทะเลจืด เกิดเป็นรูปร่างเหมือนรอยเท้า และตรงรอยเท้านี้น้ำทะเลก็มีรสชาติที่จืดสามารถกินได้ไม่เค็ม ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งเรียกขานกันว่า “รอยเท้าหลวงปู่ทวด” ขณะที่ด้านบนของเกาะชาวบ้านก็ได้ร่วมใจกันสร้างรูปจำลองหลวงปู่ทวดประดิษฐานไว้ ให้ได้กราบไหว้ขอพรกัน
บรรยากาศความสนุกสนานของงานราตรีพระจันทร์สุก
“ตะลอนเที่ยว” ได้ล่องเรือเที่ยวทะเลขนอมอย่างสนุกสนานแล้ว เราก็กลับเข้าฝั่งมาพักผ่อนกันก่อน ที่เมื่อยามราตรีมาเยือนเมื่อไหร่ เราจะได้ออกไปเที่ยวยังที่เที่ยวแห่งใหม่ที่กำลังมาแรง ณ ตอนนี้ นั่นคือการไปเที่ยวงาน “ราตรีพระจันทร์สุก” หรือ “Ample Moon Party” ที่จะจัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำของทุกเดือน ที่บริเวณหาดหน้าด่าน

บรรยากาศของงานราตรีพระจันทร์สุก คึกคักไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวที่มาฟังเพลงจากวงดนตรี ที่มาเล่นเพลงให้ฟังกันสดๆ ตรงเวทีริมชายหาด และมีโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากต้นมะพร้าวให้เลือกนั่ง หรือจะนั่งกินลมแบบชิลล์ ชิลล์ บนหาดทรายก็ไม่มีใครว่า เรียกว่างานนี้ได้ฟังเพลงเพราะๆ แบบมันส์สุดเหวี่ยง สนุกสนานกันเต็มที่ ถ้าหิวก็มีอาหารทะเลสดๆ บาร์บีคิวให้บริการด้วย รวมถึงถ้าใครเกิดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวขึ้นมา ก็มีมุมนวดไทยให้บริการคลายเมื่อยกันอีกด้วย
ภายในงานราตรีพระจันทร์สุกมีนวดไทยให้บริการด้วย
สำหรับราตรีนี้ของเราที่ อ.ขนอมยังคงอีกยาวไกล เพราะตราบใดที่เสียงเพลงยังคงดังต่อเนื่อง และสร้างความสุขสนุกสนานให้แบบนี้ เห็นทีคงจะมีเรื่องกลับไปเม้าท์ให้คนที่บ้านที่ไม่ได้มาเที่ยวเมืองนครด้วยกันฟังมากมาย ว่า “นครศรีฯ นี้ดี๊ดีเพียงใด ถ้ามีโอกาสอยากให้มาเที่ยวมาเยือนกันให้ได้จริงๆ”

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สายการบินนกแอร์ให้บริการเที่ยวบินสู่จ.นครศรีธรรมราชทุกวัน วันละ 4 เที่ยวบิน และจะเพิ่มเป็น 5 เที่ยวบินต่อวันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nokair.com หรือ โทร. 1318 และสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว จ.นครศรีธรรมราชเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สนง. นครศรีธรรมราช โทร. 0-7534-6515-6 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/nakhonsrididee http://www.facebook.com/NakhonsiAwesome


กำลังโหลดความคิดเห็น