xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อนางงาม(ดู)ไม่งาม ใน“ฉงชิ่ง”เมืองหญิงงาม/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

ไซซี(ซ้าย) หวางเจาจวิน(ขวา)กับจินตนาการที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด
ในประวัติศาสตร์ชาติจีนมีสุดยอดหญิงงามแห่งแผ่นดินอันลือลั่นโลก อยู่ 4 นาง ได้แก่ ไซซี หวางเจาจวิน เตียวเสี้ยน และหยางกุ้ยเฟย

ไซซี เป็นหญิงงามในสมัยชุนชิว(770 ปี- 453 ปี ก่อนคริสตกาล) เธอได้รับฉายาที่ “อ.ถาวร สิกขโกศล” ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน แปลความในภาคภาษาไทยว่า “มัจฉาจมวารี” ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงปลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ” ส่วน อ.สุขสันต์ วิเวกเมธากร ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนอีกท่านหนึ่งของเมืองไทย ให้ฉายาไซซีว่า “งามโฉม บรรโลมโสมสวาท”

หวางเจาจวิน เป็นหญิงงามในสมัยฮั่นตะวันตก(202 ปีก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 8) ได้รับฉายา(แปลโดย อ.ถาวร) ว่า “ปักษีตกนภา” อันหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า” ส่วน อ. สุขสันต์ ให้ฉายาความงามของเธอว่า “งามพราก จากแผ่นดินผูกพัน”
เตียวเสี้ยน(ซ้าย) หยางกุ้ยเฟย(ขวา)กับจินตนาการที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด
เตียวเสี้ยน เป็นหญิงงามในยุคสามก๊ก(ปลายสมัยฮั่นตะวันออก : ค.ศ. 220 - 280) ได้รับฉายา(แปลโดย อ.ถาวร) ว่า “จันทร์หลบโฉมสุดา” หรือที่หมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้” ส่วน อ.สุขสันต์ ให้ฉายาเธอว่า “งามฆาต ขาดคุณธรรมทำอาสัญ

หยางกุ้ยเฟย เป็นหญิงงามในสมัยถัง (พ.ศ. 1161-1450) ) ได้รับฉายา(แปลโดย อ.ถาวร) ว่า “มวลผกาละอายนาง” ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย” ส่วน อ.สุขสันต์ ให้ฉายาเธอว่า “งามสั่น สะท้านเขตเภทภัยเมือง

สุดยอดสาวงามทั้ง 4 คนในยุคปัจจุบันไม่มีใครเคยเห็นวงพักตร์รูปโฉมโนมพรรณของพวกนาง แต่ภาพของนางได้ถูกถ่ายนำเสนอผ่านจินตนาการเป็นภาพวาดในสไตล์จีน ที่ตามเมืองท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีภาพพิมพ์ 4 หญิงงามที่พิมพ์มาจากภาพวาดอีกที แล้วพ่อค้าแม่ค้ามาเดินเร่ขายหรือวางแผงหลอกขายนักท่องเที่ยวว่าเป็นภาพวาด

ภาพพวกนี้หากใครถูกใจก็สามารถซื้อหาเป็นที่ระลึกกันได้ เพราะจะว่าไปราคาไม่แพงเลย ถ้าเราสามารถต่อราคาได้เป็นที่พอใจ(นะ) เมื่อหลายปีที่แล้วผมเคยซื้อชุดภาพวาด(อันที่จริงภาพพิมพ์)แขวนผนังรูป 4 สาวใบโตที่เมืองเหอหนานในราคาแค่ 20 หยวนเอง(เดี๋ยวนี้คงไม่ได้แล้ว)
ฉงชิ่งเมืองที่ได้รรับฉายาว่าดินแดนแห่งสาวงาม
นั่นเป็นตำนานของ 4 สาวงามอมตะแห่งแผ่นดินจีนในอดีต ซึ่งบางเมืองที่เป็นถิ่นกำเนิด ถิ่นอาศัยของหญิงงามเหล่านั้น ก็จะชูเรื่องราวของพวกเธอมาเป็นหนึ่งในจุดขายทางการท่องเที่ยว อย่างที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ที่มีอนุสาวรีย์หยางกุ้ยเฟยเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวดังของเมือง

จากเรื่องราวของ 4 สุดยอดสาวงามมาถึงเรื่องของเมืองสาวงามในแผ่นดินจีนกันบ้าง

สมัยก่อนคนจีนเขายกให้หางโจวกับซูโจว เป็นเมืองแห่งหญิงงาม แต่เดี๋ยวนี้หากพูดถึงเมืองแห่งหญิงงาม ทอดตาทั้งแผ่นดินจีนจนตาไหม้เกรียมคงหนีไม่พ้นเมือง “ฉงชิ่ง” ซึ่งจากการสำรวจของสื่อจีนเมื่อไม่นานมานี้ได้เผยข้อสรุปถึงเมืองที่มีสาวงามมากที่สุด 3 อันดับแรก

อันดับ 3 คือ เมืองฉางซา(มณฑลหูหนัน) อันดับ 2 เมืองเฉิงตู(มณฑลเสฉวน) และอับดับ 1 คือ ฉงชิ่ง เมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งเดิมมีฐานะเป็นเมืองเอกที่ขึ้นกับมณฑลเสฉวน แต่ปัจจุบันถือเป็น 1 ใน 4 มหานครของจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เทียนสิน และฉงชิ่ง

ฉงชิ่ง นอกจากจะเป็นเมืองสำคัญแห่งดินแดนตะวันตกเฉียงใต้ในหลากหลายด้านแล้ว เมืองนี้ยังได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งสาวงาม” หรือที่คนไทยมักเรียกให้คล้องจองกันว่า “ฉงชิ่งเมืองหญิงงาม” ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่มีข้อโต้แย้งแต่ประการใด เพราะจากการที่มีโอกาสไปเยือนฉงชิ่ง พบว่าเมืองนี้อุดมไปด้วยสาวงามจริง แค่ดอร์เกิร์ลในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ผมไปพักนี่ก็สร้างความตะลึงพรึงเพริศแล้ว เพราะโรงแรมทั่วๆไปมักจะใช้หนุ่มๆมาเป็นดอร์แมน แต่โรงแรมนี้มีดอร์เกิร์ลเป็นสาวสวย ขาว หุ่นดี ยิ้มสวย อัธยาศัยดี แถมเธอยังสวมเครื่องแบบได้ดูสง่านัก

เรียกว่าดูทรงแล้ว เธอน่าจะเป็นดาราหรือนางแบบมากกว่าเป็นดอร์เกิร์ล
สุ่ยหลิง ดาราที่มีถิ่นเกิดอยู่ที่ฉงชิ่ง
ในเมืองฉงชิ่งยังมีสาวงามขาวๆแต่งตัวแจ่มๆให้เห็นกันอีกมากหลายสมฉายาเมืองหญิงงาม ซึ่งฉายานี้หาได้มาโดยโชคช่วยไม่ หากแต่มันมาจากรากของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองนี้ ซึ่ง “อาหง” หรือ “คุณสมชาย” ไกด์จีนหนุ่มใต้จากมณฑลยูนนานที่พาผมทัวร์เมืองฉงชิ่งได้ให้ข้อมูลในเชิงข้อเท็จจริงถึงความเป็นดินแดนสาวงามว่า

“ฉงชิ่งเป็นเมืองในหุบเขา มีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ปริมาณที่แสงแดดส่องลงมากระทบผิวกายจึงค่อนข้างน้อย สาวๆที่นี่จึงมีผิวพรรณดี นอกจากนี้เมืองฉงชิ่งยังมีลักษณะขึ้นๆลงๆ ตามสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขา มีทางเดินขึ้นๆลงๆ ผู้หญิงที่นี่ถึงหุ่นดี”

นอกจากนี้การนิยมกินอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง เพราะอาหารพวกนี้จะช่วยขับเหงื่อขัยไขมันออกทำให้ไม่อ้วน(ถ้ากินแบบพอดี) ส่วนเรื่องของหน้าตานั้นมาจากพันธุกรรมของคนในภูมิภาคแถบนี้ จะเห็นได้ว่าเมืองเฉิงตูที่คว้าตำแหน่งเมืองสาวงามอันดับสองที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกันกับฉงชิ่งนั้นก็มีองค์ประกอบคล้ายๆกัน เพียงแต่ว่าเมื่อฉงชิ่งเขาล้ำหน้ากว่าเรื่องความทันสมัย สาวๆที่นี่จึงมีโอกาสเข้าถึงเครื่องสำอางค์ เครื่องประทินโฉม หรืออุปกรณ์เสริมความงามต่างๆ ที่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของผู้หญิงยุคใหม่ให้สาวๆเมืองฉงชิ่งจำนวนมากดูสวยงามสมคำร่ำลือ

“หลังจากที่ผมได้มาเป็นไกด์พาเที่ยวฉงชิ่ง ผมรู้สึกเสียดายว่าที่ผ่านมาไม่น่ารีบแต่งงานเลย”

สมชายบอกกับผมอย่างนั้น ซึ่งคุณสมชายพูดกับผมนะพูดได้ แต่อย่าเผลอหลุดปากไปพูดให้เมียได้ยินเข้าล่ะ งานเข้าแน่นอน ดีไม่ดีอาจถูกใบแดงห้ามมาฉงชิ่งอีกเลยก็เป็นได้

แม้ฉงชิ่งจะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งสาวงาม แต่มันน่าแปลกตรงที่ดาราดังๆในเมืองจีนที่เป็นผลผลิตของเมืองนี้กลับมีไม่มากนัก เท่าที่ผมรู้จักก็มีเพียงคนเดียวคือ “สุ่ยหลิง” หรือ “เจี่ยงฉินฉิน”(ชื่อจริง) ที่ฝากผลงานละครไว้มากหลาย อาทิ “เจ้าหญิงกำมะลอ”, “พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก”, “นางพญาผมขาว”, “มังกรหยก” และ ฟงหวิน เป็นต้น
2 ใน 3 ผู้คว้ารางวัลมิสอินเตอร์เนชั่นแนล ครั้งที่ 52 ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์
ส่วนที่น่าแปลกกว่าและน่าแปลกมากก็เห็นจะเป็นจากข่าว ผลการประกวดนางงามฉงชิ่งหรือมิสอินเตอร์เนชั่นแนล ครั้งที่ 52 ในเมืองฉงชิ่ง เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่ง 2 ใน 3 สาว คือ อันดับ 1 และรองอันดับ 2 ที่คว้าตำแหน่งนั้น แม้ผลงานทั้งรูปร่างหน้าตาและอื่นๆของเธอจะเข้าตากรรมการ แต่ว่าไม่เข้าตาคนทั่วๆไป งานนี้ทั้ง 2 สาวและคณะกรรมการจึงถูกคนจีนวิพากษ์วิจารณ์สับเละ(รวมถึงคนไทยที่อ่านข่าวแปลนี้ด้วย) โทษฐานที่ทำให้ฉงชิ่งเมืองหญิงงามขายหน้า ถึงขนาดชาวฉงชิ่งบางคนระบายความในใจผ่านทาง Weibo ว่า

“เป็นที่รู้กันว่าสาวๆ ฉงชิ่ง นั้นขึ้นชื่อในความสวย แต่เกิดเรื่องให้ถกเถียงขึ้นมา ... ทำไมนะหรือ? ก็เพราะ 3 อันดับแรกบนเวทีประกวดมิสอินเตอร์เนชั่นแนล ครั้งที่ 52 ในเขตฉงชิ่ง ได้สร้างคำถามใหญ่ขึ้นมา บางคนถึงกับบอกว่าพวกเธอเข้าขั้นขี้เหร่เลยก็ว่าได้ หากนี่คือมาตรฐานของ ฉงชิ่ง ฉันก็คงอายที่จะบอกว่าตัวเองเป็นคน ฉงชิ่ง”
ดอร์เกิร์ลขวัญใจคณะทัวร์ไทย
เรื่องของความสวยความงามถือเป็นมุมมองส่วนบุคคลที่แล้วแต่ใครจะมอง กรรมการอาจมีมุมมองที่แตกต่างไปจากสายตาของคนทั่วๆไป ซึ่งสำหรับตัวผมแล้วมองว่า น้องดอร์เกิร์ลที่เคยเจอะเจอนั้นเธอดูสวยเป็นธรรมชาติและน่ารักกว่า 2 สาวผู้คว้ารางวัล มิสอินเตอร์เนชั่นแนล ครั้งที่ 52

อย่างไรก็ดีมันมีเรื่องน่าแปลก(อีกเช่นกัน)สำหรับน้องดอร์เกิร์ลคนนี้ คือหลังจากวันแรกที่น้องนางคนนี้ถูกหนุ่มๆจากคณะทัวร์ไทยขอถ่ายรูปเธอกันให้จ้าละหวั่นคนละหลายๆแชะ แถมบางคนยังหาเรื่องสนทนาภาษามือกับเธอเป็นที่วุ่นวาย หลังจากนั้นช่วงระยะเวลาอีก 2 วันที่ยังคงพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้

ผมมองเท่าไหร่ก็หาไม่เห็นแม่ดอร์เกิร์ลคนงามคนนี้เสียแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น