xs
xsm
sm
md
lg

คนป่าไม้ มีหน้าที่พิทักษ์ป่า ไม่ใช่พิทักษ์นักการเมือง/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
อนุสาวรีย์ สืบ นาคะเสถียร ตำนานแห่งนักอนุรักษ์ ที่ห้วยขาแข้ง
ความเป็นคนชอบเดินป่า นอกจากจะทำให้ผมได้มีโอกาสผจญภัยไปยังผืนป่าหลายแห่งในเมืองไทยแล้ว มันยังทำให้ผมได้รู้จักกับพี่ๆเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอีกมากหลาย

การได้มีโอกาสร่วมเดินป่ากับพี่ๆเหล่านี้ ไม่เพียงเป็นการเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับป่าไพร ธรรมชาติ แต่มันยังให้ผมได้เรียนรู้ตัวเอง อีกทั้งยังได้รับรู้ถึงความยากลำบากในการทำงานของคนป่าไม้และพิทักษ์ป่าจำนวนมาก ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นลูกจ้างชั่วคราว และไม่มีหวังที่จะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการประจำ

พี่ๆป่าไม้เหล่านี้ได้รับเงินค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด หากเทียบกับภารกิจแสนหนักที่พวกเขาต้องแบกรับ

หลายคนทุ่มเทถึงขนาดยอมเอาชีวิตเข้าแลก จนบาดเจ็บ พิการ ล้มตาย ซึ่งหนึ่งในตำนานนักสู้เพื่อพิทักษ์รักษาผืนป่าของไทยก็คือคุณ“สืบ นาคะเสถียร” ที่สุดท้ายแล้ว ต้องจบชีวิตลงด้วยการอัตวินิตบาตกรรมตัวเอง ในวันที่ 1 ก.ย. 2533 ที่เป็นการตายที่ไม่สูญเปล่า เพราะเขาได้ปลุกให้เกิดกระแสธารการอนุรักษ์ธรรมชาติในเมืองไทยขึ้นมาอีกมากมาย
“พิทักษ์ป่า” คนเล็กๆที่ทำงานเพื่อพิทักษ์รักษาผืนป่า ไม่ใช่เพื่อพิทักษ์นักการเมือง
พูดถึงความยากลำบากของพี่พิทักษ์ป่า แค่มีโอกาสได้ติดตามพวกเขาเข้าป่าเดินป่าระยะไกลขึ้นเขาสูงๆ โดยไม่ต้องมีอุปสรรคอะไรมาให้เผชิญ แค่นั้นมันผมทำให้ผมรู้ซึ้งแล้ว แต่ประทานโทษพวกพี่ๆพิทักษ์ป่าเขาต้องผจญกับอุปสรรคภยันอันตรายมากกว่านั้นมากมาย

พิทักษ์ป่าที่ออกลาดตระเวนส่วนใหญ่ล้วนหนีไม่พ้นจาก“ไข้ป่า” หรือ “โรคมาลาเรีย” ที่แม้ใครๆหลายคนจะทรหด แข็งแรง เก่งกาจ ไม่ต่างจาก “รพินทร์ ไพรวัลย์” แต่ถ้าเจอไข้ป่าเล่นงานก็ถึงกับอ่วม ไปไม่เป็น

แต่ไข้ป่ากับไม่น่ากลับเท่า“ไข้โป้ง” เพราะเทคโนโลยีการแพทย์ปัจจุบันนั้นก้าวไกล สามารถช่วยผ่อนหนักเป็นเบาจากมาลาเรียได้มากโข ผิดกับไข้โป้งที่หากเจอลูกตะกั่วเข้าไปแบบเหมาะเหม็งถูกที่ถูกทาง

มีแต่ “ตาย” สถานเดียว!!!

ยิ่งยุคนี้โจรผู้ร้ายมีอาวุธทันสมัยล้ำหน้าเกินเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พวกเขายิ่งสุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นอกจากไข้ป่า ไข้โป้ง ภัยอันตรายจากสัตว์ดุร้ายในป่า ไม่ว่าจะเป็น เสือ ช้างป่า งู หมูป่า ก็ถือเป็นอีกสิ่งที่พวกเขาต้องระวัง ซึ่งสัตว์พวกนี้ยามปกติจะกลัวคน แต่ว่าถ้าเป็นยามที่มันบาดเจ็บหรือตกใจ ใครเกินหลุดเข้าไปในวงโคจรโดนมันเล่นงานสถานเดียว ส่วนกับ“หมี”นั้น ถือเป็นสัตว์ที่พิทักษ์ป่าไม่ต้องการเจอเป็นที่สุด เพราะมันทั้งดุ ทั้งสู้คนอีกต่างหาก

สำหรับความสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายอีกอย่างหนึ่งที่หลายๆคนคิดไม่ถึงก็คือ “ความสุ่มเสี่ยงต่อสิ่งลี้ลับ” ที่คนป่าไม้ส่วนใหญ่มีความเชื่อ เวลาก่อนจะเข้าป่าพวกเขาจะทำการไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาทุกครั้ง

นี่ถือเป็นสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ไม่เหมือนกับสิ่งที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วนั่นก็คือ

ขณะที่บรรดาคนป่าไม้ตัวเล็กๆเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยต้องทุ่มเทเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายปฏิบัติภารกิจ เพื่อปกป้องพิทักษ์ผืนป่าเมืองไทยเอาไว้ แต่พวกตัวใหญ่ๆเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีตำแหน่งใหญ่โตบางคนในวงการป่าไม้กลับจับมือกับพวก “คนใหญ่ๆ”อันได้แก่ “นักการเมือง(เลว)” “ข้าราชการชั่ว” และ “นายทุนสามานย์” ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์จากป่าไม้ในบ้านเรา
ม็อบคนป่าไม้ที่ถูกกะเกณฑ์มายังเขาดิน
ไอ้คนพวกนี้มันเป็นผู้ที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของการโกงกินผืนป่า การตัดไม้ทำลายป่า การล่าสัตว์ และการบุกรุกป่าอีกมากมาย ซึ่งหากพิทักษ์ป่าคนไหนเกิดดวงแตกไปจับไอ้พวกนี้ได้ คนโชคร้ายก็โดนเก็บ คนโชคดีก็โดนเด้ง

พิทักษ์ป่าไม่รู้กี่คนต่อกี่คนที่เล่าเรื่องทำนองนี้ให้ผมฟัง เรื่องราวส่วนใหญ่พล็อตเรื่องออกมาคล้ายๆกัน มีฉาก มีตัวละคร มีบทสรุปออกมาแนวเดียว คือพวกตัวเล็กๆไม่ตาย ไม่โดนเด้ง กลายเป็นแพะ แต่พวกตัวใหญ่ที่คอยเลียนักการเมืองนั้นกลับได้ดิบได้ดี

นั่นจึงทำให้พวกตัวใหญ่ๆมีตำแหน่งหน้าที่ในวงการป่าไม้ พยายามมุ่งมารับใช้นักการเมืองเพื่อให้ตัวเองได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง โดยนอกจากเงินแล้วก็ยังมีสิ่งของจากป่าไม่ว่าจะเป็น ไม้ ที่ดิน หรือแม้กระทั่ง เรื่องของ“การฆ่าช้างเอางา” เพื่อนำงาช้างไปกำนัลต่อนักการเมืองที่ใครหลายๆคนในวงการป่าไม้ไทยต่างรู้ดี

สำหรับการรับใช้นักการเมืองอันน่าอัปยศล่าสุดที่ปรากฏเป็นข่าวคึกโครมก็คือ การรับใช้นักการเมืองอย่างสุดลิ่มของ“นายหนวด”อำมาตย์ป่าไม้ที่เกณฑ์ลูกน้องจำนวนมากเข้ากรุง ซึ่งจากหลักฐานที่ไม่ปรากฏในสื่อกระแสหลัก ไม่ปรากฏในฟรีทีวี มันชัดแจ้งแดงแจ๋ว่า มีการเกณฑ์คนป่าไม้มาเพื่ออะไร และมาทำอะไร

อย่างไรก็ดีพนักงานส่วนใหญ่ที่ถูกกะเกณฑ์เข้ามานั้น หาได้รู้เรื่องรู้ราวไม่ พวกเขาถูกคำสั่งจากนายให้มาก็ต้องมา ซึ่งได้มีเสียงจากผู้ที่รักความเป็นธรรมที่ถูกคำสั่งอัปยศให้มาร่วมรับใช้นักการเมืองในครั้งนี้ว่า ทุกคนที่มาเพราะคำสั่ง และเห็นว่าความขัดแย้งทางการเมืองไม่ใช่เรื่องของพวกตน แต่ก็ต้องเอาพวกตนเป็นเครื่องมือซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เห็นด้วย

และนี่ก็เป็นหนึ่งตรรกะอันบิดเบี้ยวในวงการป่าไม้ที่ผู้หลักผู้ใหญ่เจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งอำมาตย์ป่าไม้คนนี้แทนที่จะงบประมาณแผ่นดินที่ต้องนำไปพิทักษ์รักษาผืนป่าตามเจตนารมณ์ แต่เขากลับมาใช้จ่ายเพื่อพิทักษ์ปกปักรับใช้นักการเมืองแทน

แล้วก็ไม่ใช่ไอ้นักการเมืองหลายๆคนที่เขามาปกป้องนั่นนะหรือที่มันเป็นหนึ่งในพวกกินป่า ทำลายป่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกนี้จะแอบจับมือกับอำมาตย์ป่าไม้งาบป่ากินป่าในเมืองไทยกันด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆในโครงการสร้าง “เขื่อนแม่วงก์”นั้น สังคมไทยไม่เคยเห็นนายอำมาตย์ป่าไม้คนนี้เดินหน้าออกมาต่อต้านคัดค้านแต่อย่างใด ทั้งๆที่นี่เป็นหนึ่งในโครงการที่มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง และเป็นโครงการที่ยังไม่ผ่านการศึกษาเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

ที่สำคัญคือนี่ถือเป็นหนึ่งในโครงการทำลายป่าครั้งมโหฬารของเมืองไทย แต่ดูเหมือนอำมาตย์ป่าไม้จะแกล้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียนี่ ทุด!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น