โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
“เกาะพะงัน” กับงาน “ฟูลมูนปาร์ตี้” เป็นของคู่กันมานานนับสิบปีแล้ว
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่โดยเฉพาะพวกฝรั่งแบ็กแพ็กเกอร์ ถ้ามาพะงันต้องมาเที่ยวฟูลมูน แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีฟูลมูน บางทีอาจไม่มาพะงัน
อย่างไรก็ดีในชื่อเสียงระดับโลกของงานฟูลมูนปาร์ตี้นั้น มันถือเป็นเหรียญ 2 ด้านทางการท่องเที่ยว ที่ด้านหนึ่งสร้างเม็ดเงินกระจายรายได้ให้กับชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนอีกด้านหนึ่งมันทำให้เกิดวัฒนธรรมอันไม่พึงประสงค์ของชาวชุมชนขึ้นรวมถึงการก่อให้เกิดสิ่งเสื่อมๆตามมา ไม่ว่าจะเป็น ยาเสพติด เซ็ก อาชญากรรม เกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันมาจนทุกวันนี้ ซึ่งชาวบ้านหลายๆคนถึงกับตำหนิว่า งานฟูลมูนมันเป็นวัฒนธรรมบ้าๆบอๆของฝรั่ง ที่คนบ้านเราไม่ควรเอาแบบอย่าง
ด้วยเหตุนี้ ชาวพะงันส่วนหนึ่งจึงพยายามจะสื่อสารและรณรงค์ให้รู้ว่าบน “เกาะพะงัน” แห่ง จ.สุราษฎร์ธานีนั้นมีอะไรดีมากกว่างานฟูลมูนปาร์ตี้ โดยเฉพาะความสวยงามของหาดทรายชายทะเลที่หลายๆคนอาจมองข้ามไปหรือไม่ก็คิดไม่ถึง เพราะถูกชื่อของฟูลมูนปาร์ตี้บดบัง
ดังนั้นในทริปนี้ผมจึงขอออกตะลอนเที่ยวชิลล์ ชิลล์ บนเกาะพะงันแบบไม่ต้องง้องานฟูลมูนกันแต่อย่างใด
ไหว้พระ ไหว้เจ้า
เกาะพะงันใช่มีดีเฉพาะทะเล แต่บนเกาะนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาให้นักท่องเที่ยวได้ไปสักการะเสริมสิริมงคลกัน โดยศาสนสถานที่เด่นๆ ก็มี
"วัดมธุรวราราม" หรือ “วัดมะเดื่อหวาน” วัดนี้เป็นวัดสงบๆตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้ ในวัดมีไฮไลท์อยู่ที่ “รอยพระพุทธบาทจำลอง” และ “พระพุทธรูปหยกขาว” หรือที่ทางวัดเรียกว่า “พระศิลายวง”
พระพุทธรูปหยกขาว ตั้งอยู่ในมณฑปพระพุทธบาทคู่กับรอยพระพุทธบาทบนเขานุ้ยที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปแบบเหงื่อซึม แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการออกกำลังกายเดินขึ้นไป เพราะพระพุทธรูปหยกขาวนั้นมีพระพุทธลักษณะที่สวยงาม ชวนให้ผู้ที่กราบไหว้อิ่มเอิบใจยิ่งนัก
อีกวัดหนึ่งที่มีชื่อไม่แพ้กัน คือ “วัดเขาถ้ำ(สวนสุวรรณโชติการาม)”ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาข้าวแห้ง ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่น ที่นี่เป็นสำนักสงฆ์ที่มีคนนิยมมานั่งวิปัสสนาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ภายในวัดเขาถ้ำมีพระพุทธบาทจำลอง พระแม่ธรณีบีบมวยผม และพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันโดดเด่นให้สักการะ อีกทั้งยังมีเนินหินสูงเป็นจุดชมวิวที่เมื่อขึ้นไปสามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างของเกาะพะงันได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมหรือนิยมไหว้เจ้าตามความเชื่อของชาวจีน บนเกะพะงันมี “ศาลเจ้าแม่กวนอิม” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเกาะ ที่นี่มีเจ้าแม่กวนอิมหลายปางร่วมกับพระพุทธรูปอีกจำนวนหนึ่งให้สักการะ ในบรรยากาศศาลบนเนินเขาที่ถือเป็นจุดชมวิวชั้นดีอีกแห่งหนึ่งบนเกาะ
เมื่อผมขึ้นไปยืนบนนั้นมองออกไปยังฝั่งทะเลจะเห็นดงมะพร้าวขึ้นอย่างหนาแน่น ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่ามะพร้าวบนเกาะพะงันจะไม่ถูกตัดโค่นทิ้งจนเหี้ยนเพื่อนำไปสร้างเป็นโรงแรม รีสอร์ท เหมือนกับ“สมุย” ดินแดนแห่งมะพร้าวที่วันนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
น้ำตกธารเสด็จ
หากเปรียบเกาะพะงันกับเกาะสมุยที่อยู่ใกล้ๆกัน เกาะพะงันยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มากกว่า(มาก) ปัจจัยสำคัญเพราะบนเกาะนี้มี “อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ” ตั้งอยู่ ซึ่งสามารถช่วยควบคุมสภาพผืนป่าบนเกาะไม่ให้ถูกทำลายไปได้มากโข
อุทยานฯน้ำตกธารเสด็จเดิมชื่ออุทยานน้ำตกแพงตามชื่อ“น้ำตกแพง” ที่เป็นน้ำตกอันสวยงามโดดเด่นของอุทยานฯ ส่วนชื่อใหม่ของอุทยานฯนั้นตั้งชื่อตาม“น้ำตกธารเสด็จ” หนึ่งในน้ำตกที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นน้ำตกที่รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดมาก โดยได้เคยเสด็จประพาสถึง 14 ครั้งตลอดรัชกาล
น้ำตกธารเสด็จเป็นน้ำตกขนาดย่อม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมฝั่งถนนสามารถเดินเท้าเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็น
หาดทรายชายทะเล
เกาะพะงันมีหาดที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดคือ“หาดริ้นนอก” เพราะเป็นหาดที่ใช้จัดงานฟูลมูนปาร์ตี้ หาดนี้ มีลักษณะโค้งยาวประมาณ 2 กิโลเมตร มีเนินเขาปิดหัวปิดท้าย มีหาดทรายขาวเนียน ละเอียดเดินนุ่มเท้า น้ำทะเลสวยใส ในยามพระจันทร์เดือนเพ็ญลอยเด่นจากทะเลขึ้นมาที่หน้าหาดนั้นสวยงามมาก มากจนใครต่อใครหลายคนที่มาประทับใจจนต้องบอกต่อๆกันไปจนกลายเป็นงานฟูลมูนปาร์ตี้อันโด่งดังชื่อก้องโลก
อย่างไรก็ดีหาดริ้นนอกยามปกติที่ไม่ได้จัดงานฟูลมูน นับเป็นหนึ่งในหาดที่มีความสวยงามในอันดับต้นๆของพะงัน
พูดถึงหาดที่มีความสวยงามอีกหาดหนึ่ง ซึ่งขับเคี่ยวเป็นอันหนึ่งและสองกับหาดริ้นนอกบนเกาะพะงันก็คือ “หาด(อ่าว)ท้องนายปานใหญ่” เพราะบางคนยกให้เป็นหาดสวยงามเบอร์หนึ่ง บางคนยกให้เป็นเบอร์สอง
หาดท้องนายปานมีหาดทรายโค้งยาวกว้างไกล เป็นหาดที่นายพลุกพล่านกับนายคึกคักกำลังเริ่มเดินทางเข้ามาเยือน ที่นี่ในวันแดดร้อนเปรี้ยงจะมีฝรั่งมานอนอาบแดดกันจำนวนหนึ่ง แถมสาวๆหลายคนนอนเปลือยอกอย่างสบายใจ ขณะที่รอบบริเวณมีรีสอร์ทสร้างอยู่เรียงราย บางรีสอร์ทสร้างได้ดูดี แต่บางรีสอร์ทเห็นได้ชัดว่ารุกล้ำที่ป่าที่เขาไปอย่างน่าเกลียดทีเดียว
นอกจาก 2 หาดงามตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บนเกาะพะงันยังมีหาดและอ่าวน่าสนใจอีกมากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หาด(อ่าว)ศรีธนู หาด(อ่าว)ท้องนายปานเล็ก หาดยาว หาด(อ่าว)แม่หาด เป็นต้น
ทะเลแหวก เกาะพะงัน
ทะเลแหวกใช่มีเฉพาะที่เกาะ 3 เส้า แห่งทะเลกระบี่ แต่ทะเลแหวกยังมีอีกหลายแห่งในเมืองไทย โดยหนึ่งในนั้นก็คือที่เกาะพะงันนั่นเอง
ทะเลแหวกเกาะพะงันเกิดขึ้นที่บริเวณ “อ่าวแม่หาด”จุดชมประอาทิตย์ตกชั้นดีของเกาะ ซึ่งแต่ละปีจะมีช่วงฤดูกาลที่ทะเลเผยให้เห็นทะเลแหวกหรือสันทรายที่โผล่ขึ้นมาเป็นแนวยาว เชื่อมระหว่างอ่าวแม่หาดกับ “เกาะม้า” ที่อยู่ใกล้ๆกัน ชนิดสามารถเดินเท้าจากทะเลแหวกข้ามเกาะไปยังเกาะม้าได้
สำหรับเกาะม้า ทางฝั่งหน้าเกาะถือเป็นแหล่งดำน้ำตื้น(สน็อกเกิ้ล)ชมปะการังชั้นดีของเกาะที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยม ซึ่งทั้งอ่าวแม่หาด เกาะม้า และทะเลแหวก ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง ซึ่งทำให้คนที่รู้ต่างแวะเวียนมาเที่ยวชมสัมผัสกับทะเลแหวกแห่งนี้อยู่ไม่น้อย
บ้านโฉลกหลำ
ใครที่มาเที่ยวเกาะพะงันแล้วอยากกินอาหารทะเลสดจากแหล่ง อยากสัมผัสกับวิถีชาวประมงพื้นบ้านต้องไปที่ “บ้านโฉลกหลำ” ที่นี่มีหาดยาวลึกเข้ามาในแผ่นดิน สามารถกำบังลมได้เป็นอย่างดีคนสมัยก่อนจึงมาตั้งเป็นหมู่บ้านชาวประมงขึ้นที่นี่ โดยชาวบ้านที่นี่มีความเชื่อในเรื่องของ “ศาลตา-ยาย” และได้ตั้งศาลตา-ยาย ไว้เป็นอนุสรณ์สถานเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน ซึ่งชาวประมงที่นี่เวลาก่อนออกทะเลจะทำการจุดประทัดขอกับศาลตา-ยาย ก่อน เพื่อขอให้จับปู ปลา ได้ฝนจำนวนมากๆ
ที่บ้านโฉลกหลำ มีอ่าวโฉลกหลำทอดยาว มีสะพานท่าเรือยื่นออกไปใช้เป็นที่เทียบท่าจอดเรือ ริมอ่าวที่เป็นหาดทรายทอดยาวมีเรือจอดเรียงราย ถัดเข้ามาเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งขนานไปกับความยาวของหาด
ในวันที่ผมเป็นเดินเที่ยวบ้านโฉลกหลำ เห็นชาวบ้านกำลังทำหมึก ล้างหมึก คัดหมึก และตากหมึกกันอย่างขมีขมัน ซึ่งที่นี่เขาเด่นในเรื่องของหมึกแห้งที่ถือเป็นสินค้าของฝากประจำหมู่บ้านชั้นดี
ส่วนผมเมื่อเห็นหมึกสดๆใหม่ๆอย่างนี้แล้ว มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้งในค่ำวันนั้นเพื่อมาหาอาหารทะเลสดๆนั่งกินริมชายฝั่ง เพราะหมู่บ้านแห่งนี้มีร้านอาหารทะเลสดๆ ราคาไม่แพงให้เลือกนั่งหม่ำกันอยู่หลายร้านด้วยกัน
ตกเย็นนั่งหม่ำอาหารทะเลสดๆ ชมทิวทัศน์ของท้องฟ้ายามโพล้เพล้ พร้อมรับลมทะเลเย็นๆ
แหม...ไหนๆเมื่อบรรยากาศพาไปแบบนี้แล้ว ค่ำนั้นมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องร่ำสุราเย้ยจันทร์ ซึ่งแม้ค่ำคืนนี้ พระจันทร์จะไม่เต็มดวง แต่ผมกลับชื่นชอบบรรยากาศอันสงบเรียบเรื่อยริมทะเลแบบนี้มากกว่าความคึกคักพลุกพล่านของชายทะเลที่หาดริ้นนอกในค่ำคืนแห่งฟูลมูนปาร์ตี้เป็นไหนๆ
“เกาะพะงัน” กับงาน “ฟูลมูนปาร์ตี้” เป็นของคู่กันมานานนับสิบปีแล้ว
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่โดยเฉพาะพวกฝรั่งแบ็กแพ็กเกอร์ ถ้ามาพะงันต้องมาเที่ยวฟูลมูน แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีฟูลมูน บางทีอาจไม่มาพะงัน
อย่างไรก็ดีในชื่อเสียงระดับโลกของงานฟูลมูนปาร์ตี้นั้น มันถือเป็นเหรียญ 2 ด้านทางการท่องเที่ยว ที่ด้านหนึ่งสร้างเม็ดเงินกระจายรายได้ให้กับชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนอีกด้านหนึ่งมันทำให้เกิดวัฒนธรรมอันไม่พึงประสงค์ของชาวชุมชนขึ้นรวมถึงการก่อให้เกิดสิ่งเสื่อมๆตามมา ไม่ว่าจะเป็น ยาเสพติด เซ็ก อาชญากรรม เกิดเป็นประเด็นถกเถียงกันมาจนทุกวันนี้ ซึ่งชาวบ้านหลายๆคนถึงกับตำหนิว่า งานฟูลมูนมันเป็นวัฒนธรรมบ้าๆบอๆของฝรั่ง ที่คนบ้านเราไม่ควรเอาแบบอย่าง
ด้วยเหตุนี้ ชาวพะงันส่วนหนึ่งจึงพยายามจะสื่อสารและรณรงค์ให้รู้ว่าบน “เกาะพะงัน” แห่ง จ.สุราษฎร์ธานีนั้นมีอะไรดีมากกว่างานฟูลมูนปาร์ตี้ โดยเฉพาะความสวยงามของหาดทรายชายทะเลที่หลายๆคนอาจมองข้ามไปหรือไม่ก็คิดไม่ถึง เพราะถูกชื่อของฟูลมูนปาร์ตี้บดบัง
ดังนั้นในทริปนี้ผมจึงขอออกตะลอนเที่ยวชิลล์ ชิลล์ บนเกาะพะงันแบบไม่ต้องง้องานฟูลมูนกันแต่อย่างใด
ไหว้พระ ไหว้เจ้า
เกาะพะงันใช่มีดีเฉพาะทะเล แต่บนเกาะนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาให้นักท่องเที่ยวได้ไปสักการะเสริมสิริมงคลกัน โดยศาสนสถานที่เด่นๆ ก็มี
"วัดมธุรวราราม" หรือ “วัดมะเดื่อหวาน” วัดนี้เป็นวัดสงบๆตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้ ในวัดมีไฮไลท์อยู่ที่ “รอยพระพุทธบาทจำลอง” และ “พระพุทธรูปหยกขาว” หรือที่ทางวัดเรียกว่า “พระศิลายวง”
พระพุทธรูปหยกขาว ตั้งอยู่ในมณฑปพระพุทธบาทคู่กับรอยพระพุทธบาทบนเขานุ้ยที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปแบบเหงื่อซึม แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการออกกำลังกายเดินขึ้นไป เพราะพระพุทธรูปหยกขาวนั้นมีพระพุทธลักษณะที่สวยงาม ชวนให้ผู้ที่กราบไหว้อิ่มเอิบใจยิ่งนัก
อีกวัดหนึ่งที่มีชื่อไม่แพ้กัน คือ “วัดเขาถ้ำ(สวนสุวรรณโชติการาม)”ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาข้าวแห้ง ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่น ที่นี่เป็นสำนักสงฆ์ที่มีคนนิยมมานั่งวิปัสสนาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ภายในวัดเขาถ้ำมีพระพุทธบาทจำลอง พระแม่ธรณีบีบมวยผม และพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันโดดเด่นให้สักการะ อีกทั้งยังมีเนินหินสูงเป็นจุดชมวิวที่เมื่อขึ้นไปสามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างของเกาะพะงันได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมหรือนิยมไหว้เจ้าตามความเชื่อของชาวจีน บนเกะพะงันมี “ศาลเจ้าแม่กวนอิม” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเกาะ ที่นี่มีเจ้าแม่กวนอิมหลายปางร่วมกับพระพุทธรูปอีกจำนวนหนึ่งให้สักการะ ในบรรยากาศศาลบนเนินเขาที่ถือเป็นจุดชมวิวชั้นดีอีกแห่งหนึ่งบนเกาะ
เมื่อผมขึ้นไปยืนบนนั้นมองออกไปยังฝั่งทะเลจะเห็นดงมะพร้าวขึ้นอย่างหนาแน่น ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่ามะพร้าวบนเกาะพะงันจะไม่ถูกตัดโค่นทิ้งจนเหี้ยนเพื่อนำไปสร้างเป็นโรงแรม รีสอร์ท เหมือนกับ“สมุย” ดินแดนแห่งมะพร้าวที่วันนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
น้ำตกธารเสด็จ
หากเปรียบเกาะพะงันกับเกาะสมุยที่อยู่ใกล้ๆกัน เกาะพะงันยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มากกว่า(มาก) ปัจจัยสำคัญเพราะบนเกาะนี้มี “อุทยานแห่งชาติน้ำตกธารเสด็จ” ตั้งอยู่ ซึ่งสามารถช่วยควบคุมสภาพผืนป่าบนเกาะไม่ให้ถูกทำลายไปได้มากโข
อุทยานฯน้ำตกธารเสด็จเดิมชื่ออุทยานน้ำตกแพงตามชื่อ“น้ำตกแพง” ที่เป็นน้ำตกอันสวยงามโดดเด่นของอุทยานฯ ส่วนชื่อใหม่ของอุทยานฯนั้นตั้งชื่อตาม“น้ำตกธารเสด็จ” หนึ่งในน้ำตกที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นน้ำตกที่รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดมาก โดยได้เคยเสด็จประพาสถึง 14 ครั้งตลอดรัชกาล
น้ำตกธารเสด็จเป็นน้ำตกขนาดย่อม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมฝั่งถนนสามารถเดินเท้าเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็น
หาดทรายชายทะเล
เกาะพะงันมีหาดที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดคือ“หาดริ้นนอก” เพราะเป็นหาดที่ใช้จัดงานฟูลมูนปาร์ตี้ หาดนี้ มีลักษณะโค้งยาวประมาณ 2 กิโลเมตร มีเนินเขาปิดหัวปิดท้าย มีหาดทรายขาวเนียน ละเอียดเดินนุ่มเท้า น้ำทะเลสวยใส ในยามพระจันทร์เดือนเพ็ญลอยเด่นจากทะเลขึ้นมาที่หน้าหาดนั้นสวยงามมาก มากจนใครต่อใครหลายคนที่มาประทับใจจนต้องบอกต่อๆกันไปจนกลายเป็นงานฟูลมูนปาร์ตี้อันโด่งดังชื่อก้องโลก
อย่างไรก็ดีหาดริ้นนอกยามปกติที่ไม่ได้จัดงานฟูลมูน นับเป็นหนึ่งในหาดที่มีความสวยงามในอันดับต้นๆของพะงัน
พูดถึงหาดที่มีความสวยงามอีกหาดหนึ่ง ซึ่งขับเคี่ยวเป็นอันหนึ่งและสองกับหาดริ้นนอกบนเกาะพะงันก็คือ “หาด(อ่าว)ท้องนายปานใหญ่” เพราะบางคนยกให้เป็นหาดสวยงามเบอร์หนึ่ง บางคนยกให้เป็นเบอร์สอง
หาดท้องนายปานมีหาดทรายโค้งยาวกว้างไกล เป็นหาดที่นายพลุกพล่านกับนายคึกคักกำลังเริ่มเดินทางเข้ามาเยือน ที่นี่ในวันแดดร้อนเปรี้ยงจะมีฝรั่งมานอนอาบแดดกันจำนวนหนึ่ง แถมสาวๆหลายคนนอนเปลือยอกอย่างสบายใจ ขณะที่รอบบริเวณมีรีสอร์ทสร้างอยู่เรียงราย บางรีสอร์ทสร้างได้ดูดี แต่บางรีสอร์ทเห็นได้ชัดว่ารุกล้ำที่ป่าที่เขาไปอย่างน่าเกลียดทีเดียว
นอกจาก 2 หาดงามตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บนเกาะพะงันยังมีหาดและอ่าวน่าสนใจอีกมากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หาด(อ่าว)ศรีธนู หาด(อ่าว)ท้องนายปานเล็ก หาดยาว หาด(อ่าว)แม่หาด เป็นต้น
ทะเลแหวก เกาะพะงัน
ทะเลแหวกใช่มีเฉพาะที่เกาะ 3 เส้า แห่งทะเลกระบี่ แต่ทะเลแหวกยังมีอีกหลายแห่งในเมืองไทย โดยหนึ่งในนั้นก็คือที่เกาะพะงันนั่นเอง
ทะเลแหวกเกาะพะงันเกิดขึ้นที่บริเวณ “อ่าวแม่หาด”จุดชมประอาทิตย์ตกชั้นดีของเกาะ ซึ่งแต่ละปีจะมีช่วงฤดูกาลที่ทะเลเผยให้เห็นทะเลแหวกหรือสันทรายที่โผล่ขึ้นมาเป็นแนวยาว เชื่อมระหว่างอ่าวแม่หาดกับ “เกาะม้า” ที่อยู่ใกล้ๆกัน ชนิดสามารถเดินเท้าจากทะเลแหวกข้ามเกาะไปยังเกาะม้าได้
สำหรับเกาะม้า ทางฝั่งหน้าเกาะถือเป็นแหล่งดำน้ำตื้น(สน็อกเกิ้ล)ชมปะการังชั้นดีของเกาะที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยม ซึ่งทั้งอ่าวแม่หาด เกาะม้า และทะเลแหวก ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง ซึ่งทำให้คนที่รู้ต่างแวะเวียนมาเที่ยวชมสัมผัสกับทะเลแหวกแห่งนี้อยู่ไม่น้อย
บ้านโฉลกหลำ
ใครที่มาเที่ยวเกาะพะงันแล้วอยากกินอาหารทะเลสดจากแหล่ง อยากสัมผัสกับวิถีชาวประมงพื้นบ้านต้องไปที่ “บ้านโฉลกหลำ” ที่นี่มีหาดยาวลึกเข้ามาในแผ่นดิน สามารถกำบังลมได้เป็นอย่างดีคนสมัยก่อนจึงมาตั้งเป็นหมู่บ้านชาวประมงขึ้นที่นี่ โดยชาวบ้านที่นี่มีความเชื่อในเรื่องของ “ศาลตา-ยาย” และได้ตั้งศาลตา-ยาย ไว้เป็นอนุสรณ์สถานเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน ซึ่งชาวประมงที่นี่เวลาก่อนออกทะเลจะทำการจุดประทัดขอกับศาลตา-ยาย ก่อน เพื่อขอให้จับปู ปลา ได้ฝนจำนวนมากๆ
ที่บ้านโฉลกหลำ มีอ่าวโฉลกหลำทอดยาว มีสะพานท่าเรือยื่นออกไปใช้เป็นที่เทียบท่าจอดเรือ ริมอ่าวที่เป็นหาดทรายทอดยาวมีเรือจอดเรียงราย ถัดเข้ามาเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งขนานไปกับความยาวของหาด
ในวันที่ผมเป็นเดินเที่ยวบ้านโฉลกหลำ เห็นชาวบ้านกำลังทำหมึก ล้างหมึก คัดหมึก และตากหมึกกันอย่างขมีขมัน ซึ่งที่นี่เขาเด่นในเรื่องของหมึกแห้งที่ถือเป็นสินค้าของฝากประจำหมู่บ้านชั้นดี
ส่วนผมเมื่อเห็นหมึกสดๆใหม่ๆอย่างนี้แล้ว มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้งในค่ำวันนั้นเพื่อมาหาอาหารทะเลสดๆนั่งกินริมชายฝั่ง เพราะหมู่บ้านแห่งนี้มีร้านอาหารทะเลสดๆ ราคาไม่แพงให้เลือกนั่งหม่ำกันอยู่หลายร้านด้วยกัน
ตกเย็นนั่งหม่ำอาหารทะเลสดๆ ชมทิวทัศน์ของท้องฟ้ายามโพล้เพล้ พร้อมรับลมทะเลเย็นๆ
แหม...ไหนๆเมื่อบรรยากาศพาไปแบบนี้แล้ว ค่ำนั้นมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องร่ำสุราเย้ยจันทร์ ซึ่งแม้ค่ำคืนนี้ พระจันทร์จะไม่เต็มดวง แต่ผมกลับชื่นชอบบรรยากาศอันสงบเรียบเรื่อยริมทะเลแบบนี้มากกว่าความคึกคักพลุกพล่านของชายทะเลที่หาดริ้นนอกในค่ำคืนแห่งฟูลมูนปาร์ตี้เป็นไหนๆ