คลื่นยักษ์ของเทพโพเซดอนที่กวาดล้างทหารเปอร์เซีย ปกป้องชาวกรีกให้พ้นจากภัยคุกคามนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือ “สึนามิ” แห่งยุคโบราณ ที่นักธรณีวิทยายุคใหม่ชี้ชัดไว้ ซ้ำจากบันทึกอดีต ยังระบุว่า คลื่นดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง กลายเป็นคำถามถึงความเสี่ยงของชายฝั่งพักร้อนในแถบทะเลเอเจียน
เมื่อ 2,500 ปีก่อน เมืองชายฝั่งแห่งหนึ่งของกรีก รอดพ้นจากการรุกรานของทหารเปอร์เซีย ที่ยกกองกำลังมาทางเรือ พร้อมปล้นสะดม โดยจากบันทึกของ เฮโรโดตัส (Herodotus) นักประวัติศาสตร์แห่งยุคกรีกโบราณ บอกเล่าเหตุการณ์คลื่นยักษ์ที่พากองทหารเปอร์เซียหายสู่ทะเลต่อหน้าต่อตาชาวเมือง โดยพวกเขาเชื่อว่า เทพแห่งท้องทะเล คือ “โพเซดอน” ได้ช่วยเหลือ พร้อมทั้งได้ขนานนามคลื่นทะลุหนุนสูงว่า “โพเซดอนเวฟ” (Poseidon Wave)
ทว่า จากการศึกษาหลักฐานในยุคดิจิทัลนี้ ได้ชี้ชัดว่า เหตุกาณ์อันเป็นตำนาน ที่เทพปกป้องมนุษย์จากการรุกรานนั้น แท้จริงคือปรากฏการณ์ธรรมชาติ และมันคือ “สึนามิ” ที่เราคุ้นหูกันนี่เอง ซึ่งนับเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่ต้องใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์เข้าขยายความ
เคลาส์ ไรชเออร์เตอร์ (Klaus Reicherter) นักภูมิศาสตร์ชาวเยอรมัน แห่งมหาวิทยาลัยอาเคิน (Aachen University) ในเยอรมนี ได้ศึกษาหลักฐานทางภูมิศาสตร์ของเหตุการณ์ จนมีข้อสรุปดังกล่าว พร้อมทั้งเสนอไว้ในการประชุมของสมาคมแผ่นดินไหวแห่งอเมริกา (Seismological Society of America) เมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยอาวเออร์อะเมซิงแพลเน็ต (OurAmazingPlanet) ได้นำมารายงาน
ข้อความของเฮโรโดตัส เขียนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปัจจุบันคือ บริเวณแหลมคาสซานดรา (Kassandra) ทางตอนเหนือของกรีซ มุ่งสู่เมืองเนียโพทีเดีย (Nea Potidea) ว่า ขณะที่กองทัพเรือของเปอร์เซียกำลังมุ่งหน้าเข้ามาที่ชายฝั่ง น้ำทะเลก็เริ่มลดแห้งลง แต่ยังไม่ทันที่ผู้บุกรุกจะได้เหยียบแผ่นดิน ท้องทะเลก็คำรามพร้อมกับคลื่นยักษ์หนุน ดูดกลืนทหารเปอร์เซียหายไปสิ้น ทำให้ชาวเมืองปลอดภัยจากการรุกราน
“กระแสน้ำขนาดใหญ่จากทะเลหนุน สูงขึ้นมากกว่าที่เคยเห็นมาก่อน และในฐานะที่เป็นคนที่นี่ เชื่อว่า กระแสน้ำหนุนสูงเช่นนี้ มีเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง” เฮโรโดตัสบันทึกไว้ ในสิ่งที่เห็นกับตาพร้อมกับชาวเมืองเนียโพทีเดีย
ทว่า การบรรยายเหตุการณ์คลื่นทะเลที่กลืนทหารเปอร์เซียไปนั้น ทำให้ไรชเออร์เตอร์ แน่ใจว่า นั่นคือ รูปแบบการเกิดสึนามิ และยังแสดงให้เห็นว่า บริเวณชายฝั่งทะเลเอเจียน แถบนั้นน่าจะมีคลื่นสึนามิเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากกว่าที่เราคิด
“ถ้าหลักฐานจากการบันทึกทางประวัติศาสตร์เหล่านั้นถูกต้องจะต้องเข้าไปประเมินที่บริเวณชายฝั่งดังกล่าว” ไรชเอร์เตอร์ กล่าว เพราะจากบันทึกของเฮโรโดตัส ที่บอกว่า เห็นน้ำทะเลขึ้นสูงบ่อยครั้ง ทำให้เกิดคำถามว่า ชายฝั่งบริเวณนั้นจะมีความปลอดภัยหรือไม่ เพราะปัจจุบันกลายเป็นสถานที่พักร้อนยอดนิยมในแถบนั้นไปเสียแล้วด้วย
ทั้งนี้ ไรชเออร์เตอร์ เปิดเผยว่า ความเชื่อว่าสึนามิที่ชายฝั่งของกรีซ มีอยู่จริงไม่ใช่แค่จากบันทึกเรื่องเล่าโบราณ แต่พื้นดินที่อยู่ใกล้กับเมืองเนียโพทีเดีย นักวิจัยได้ขุดพบชั้นทรายที่คลื่นสึนามิพามาทับถมไว้ และยิ่งกว่านั้น สภาพทางภูมิศาสตร์ในบริเวณดังกล่าวยังมีความเป็นไปได้ในการก่อรูปร่างคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ ซึ่งก้นทะเลที่มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ใกล้กับชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรีซ
จากข้อมูลดังกล่าว เมื่อไรชเออร์เตอร์ และทีมได้สร้างแบบจำลองขึ้นมา ทำให้เห็นว่า มีปัจจัยมากพอที่จะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินถล่ม รวมถึงคลื่นยักษ์สึนามิสูงราว 2-5 เมตร
ทั้งนี้ งานวิจัยของไรชเออร์เตอร์เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาประเมินผลกระทบของสึนามิโบราณ เพื่อจะพิจารณาว่าพื้นที่ส่วนใดที่เสี่ยงต่อการถูกทำลายด้วยคลื่นยักษ์ และยังช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมการรองรับภัยธรรมชาติอาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า