xs
xsm
sm
md
lg

“ระนอง-เกาะสอง” เที่ยวเพลิน เยี่ยมเยือนเพื่อนบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) ด้านหน้ามีรูปปั้นการทำเหมืองแร่ในอดีต
ย่างเข้าหน้าฝน ช่วงนี้ฝนเลยมาเยี่ยมเยือนทุกวัน แต่คนระนองไม่เคยหวั่น เพราะได้ชื่อว่าเป็นเมือง “ฝนแปดแดดสี่” ในหนึ่งปีมีฝนตกถึงแปดเดือน วันนี้ “ตะลอนเที่ยว” มีโอกาสมาเที่ยวในตัวเมืองระนอง ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ข้ามไปเที่ยวต่างประเทศ ไปไกลถึงเกาะสอง สหภาพเมียนมาร์ จึงอยากพาทุกคนไปเที่ยวด้วยกัน

สำหรับในตัวเมืองระนองที่แรกที่ได้ไปชมก็คือ “พระราชวังรัตนรังสรรค์” ที่เป็นถือสถานที่สำคัญที่สุดของจังหวัดระนองก็ว่าได้ เพราะที่นี่ถือเป็นพระราชวัง 1 ใน 6 แห่งที่สร้างขึ้นตามหัวเมืองในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยพระองค์ได้เสด็จเลียบมณฑลปักษ์ใต้ฝั่งตะวันตกเป็นครั้งแรก เมื่อ ปี 2433 พระยารัตนเศรษฐี (คอ ซิม ก๊อง) เจ้าเมืองระนองในขณะจึงได้สร้างพลับพลาที่ประทับรับเสด็จที่บนเนินควนอันอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งหลังจากนั้นก็ยังได้รับเสด็จพระมหากษัตริย์อีก 2 พระองค์ คือรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 เมื่อครั้งเสด็จประพาสเยี่ยมหัวเมืองปักษ์ใต้เช่นกัน

ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังที่สร้างจำลองขึ้น เพราะพระราชวังเดิมได้ทรุดโทรมลงจนต้องรื้อถอนไป ทางจังหวัดระนองจึงได้ค้นคว้าหลักฐานภาพถ่าย โดยขอความร่วมมือจากกรมศิลปากรจำลองพระราชวังขึ้นมาใหม่ และเรียกว่า “พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง)” สร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง โดยรักษาบรรยากาศของพระราชวังแต่เดิมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นห้องบรรทมของรัชกาลที่ 5 ห้องบรรทมของพระราชินีและพระราชโอรส พระราชธิดา ห้องทรงพระอักษร เป็นต้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ชนรุ่นหลังได้ชื่นชมความงามและรับรู้ถึงประวัติศาสตร์ที่สำคัญต่อไป
สักการะ 9 เกจิ ที่หอเก้าเกจิอาจารย์
มาชมพระราชวังแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้กราบพระเกจิชื่อดัง ที่ “หอเก้าเกจิอาจารย์” หอพระที่อยู่ใกล้กับพระราชวังซึ่งที่ประดิษฐานรูปหล่อของ 9 เกจิอาจารย์ชื่อดัง ได้แก่ หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ หลวงพ่อบรรณ พุทธโร วัดอุปนันทาราม หลวงพ่อจันทร์ วัดจันทาราม พระครูอุดมคุณาจารย์ (รื่น คมภีโร) วัดสุวรรณคีรีวิหาร หลวงพ่อเบี้ยว อุปกิจโจ วัดธรรมวุธาราม หลวงพ่อติ๋ว สุวรรโณ หลวงพ่อน้อย วัดหาดส้มแป้น หลวงพ่อลอย วัดปากน้ำ และหลวงพ่อนุ้ย
สุสานเจ้าเมืองระนอง
“จวนเจ้าเมืองระนอง” เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทราบเรื่องราวของเมืองระนองและตระกูล ณ ระนอง จวนแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ ปี 2420 ในสมัยของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอ ซู้ เจียง) เจ้าเมืองระนองคนแรกและเป็นต้นสกุล ณ ระนอง โดยผู้สร้างคือลูกชายของท่าน หรือพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอ ซิม ก๊อง)

จวนเจ้าเมืองและเรือนรับรองแต่เดิมเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้หลังแฝด 3 หลังเชื่อมต่อกันด้วยระเบียง ปัจจุบันสองหลังที่อยู่ด้านริมได้ผุพังไปเหลือเพียงเสาและพื้นหินไว้ให้เห็น ส่วนเรือนหลังกลางได้ปรับปรุงทำเป็นศาลบรรพบุรุษ ด้านบนประตูทางเข้ามีป้ายแผ่นไม้สีทองเขียนสีดำอักษรจีน อ่านว่า เกา-หยัง แปลว่า ดวงตะวันอันสูงส่ง ตัวอักษรเล็กๆมุมด้านซ้ายมีความหมายว่า บ้านหลังนี้มากไปด้วยแก้วแหวนเงินทอง บ้านหลังนี้มากไปด้วยขุนนาง ส่วนด้านในมีป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ ภาพถ่ายของคนในตระกูล ณ ระนอง และสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าเมืองระนองคนแรกไว้ให้ชมกัน
ภายในศาลบรรพบุรุษ จวนเจ้าเมืองระนอง
หรือหากอยากไปสักการะสุสานท่านเจ้าเมืองระนองคนแรกก็สามารถเดินทางไปได้ที่ “สุสานเจ้าเมืองระนอง” บนเขาระฆังทอง ซึ่งเป็นที่ฝังศพของพระยารัตนเศรษฐี (คอ ซู้ เจียง) โดยที่ดินบริเวณสุสานประมาณ 450 ไร่ แห่งนี้ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นสุสานประจำตระกูลเมื่อ ปี 2426

ตัวสุสานสร้างแบบจีน มีรูปสลักลอยตัวลวดลายจีนที่สวยงาม ด้านหลังของสุสานมีลักษณะเหมือนกระดองเต่าหมายถึงความมีอายุยืน ด้านบนมีรูปสัญลักษณ์หยินหยางของจีน พื้นของสุสานปูด้วยศิลา 3 ชั้น สองข้างมีตุ๊กตาแกรนิตโบราณนำมาจากประเทศจีน ประกอบด้วยรูปขุนนางจีนฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น 2 คน รูปม้า 2 ตัว หมายถึง บริวารข้าทาส รูปเสือ 2 ตัว หมายถึง อำนาจบารมี และรูปแพะ 2 ตัว หมายถึง ทรัพย์สมบัติ
บ่อพ่อ บ่อน้ำพุร้อนในสวนสาธารณะรักษะวาริน
อีกหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้หากมาเที่ยวระนองก็คือต้องไปเยือน “บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน” หรือ “บ่อน้ำร้อนวัดตโปทาราม” ตั้งอยู่ในหุบเขา ทางเมืองระนองได้จัดสร้างเป็น “สวนสาธารณะรักษะวาริน” มีการสร้างบ่อน้ำร้อนครอบคลุมแหล่งน้ำพุจำนวน 3 บ่อตั้งชื่อตามขนาดของบ่อ คือบ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว นอกจากนั้นก็ยังสร้างบ่อให้นักท่องเที่ยวได้แช่ตัว แช่เท้าในน้ำร้อน และต้มไข่กินกันได้อีกด้วย
เจดีย์ปิดอร์เอ เป็นที่เคารพสักการะของคนบนเกาะสอง
อย่างที่บอกไปแล้วว่า “ตะลอนเที่ยว” มาเมืองระนองครั้งนี้ ไม่ยอมเสียเที่ยวจึงต้องข้ามไปเที่ยวต่างประเทศ แวะไปเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านฝั่งพม่าที่ “เกาะสอง” โดยการมาเที่ยวเกาะสองนั้นสามารถนั่งเรือหางยาวจากปากน้ำระนอง (ท่าเรือสะพานปลา) มายังเกาะสองได้ หรือหากมาใช้บริการของโรงแรมอันดามัน คลับ รีสอร์ท ก็สามารถซื้อทัวร์แบบ One Day Trip พร้อมเจ้าหน้าที่นำชมไปยังเกาะสองได้อย่างสะดวก โดยต้องทำบัตรผ่านแดนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนองเสียก่อน

จากฝั่งระนองใช้เวลาเพียง 30 นาที เท่านั้นก็เดินทางมาถึงเกาะสองกันแล้ว โดยเกาะสองที่เราเรียกกันนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่เกาะ แต่เป็นแผ่นดินปลายแหลมสุดของพม่า ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำกระบุรีตรงข้ามกับเมืองระนองของไทยนี่เอง เมื่อสมัยอังกฤษเข้าปกครองใช้ชื่อเรียกว่า “วิคตอเรีย พอยท์” (Victoria Point) แต่ปัจจุบัน ชาวพม่าเรียกกันว่า “คิง บุเรงนอง พอยท์” (King Bayintnaung Point) หรือแหลมพระเจ้าบุเรงนองนั่นเอง

บนเกาะสองนี้มีผู้คนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ ทั้งพม่า มุสลิม มอญ จีน บ้านเรือนผู้คนบนเกาะสองส่วนมากหากอยู่ริมถนนก็จะเป็นอาคารปูน สร้างเป็นตึกแถว ส่วนบ้านไม้ใต้ถุนสูงก็ยังคงมีให้เห็น เรียกได้ว่าบรรยากาศไม่แตกต่างจากบ้านเราสักเท่าไร แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือการแต่งกายของผู้คน ที่ผู้ชายจะนุ่งโสร่ง ผู้หญิงนุ่งผ้าถุง บนใบหน้าประแป้งทานาคากันทั้งบ้านทั้งเมือง ดูน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ทิวทัศน์เมื่อมองจากเนินเขา 555 มองเห็นเจดีย์ปิดอร์เอ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสองนั้นก็มีหลายแห่งด้วยกัน อย่างในวันนี้ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาที่ “555 hill” หรือ “เนินเขา 555” ภูเขาที่ได้ชื่อมาจากความสูงจากระดับน้ำทะเล 555 เมตร ที่แห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่เมื่อก่อนไม่เปิดให้ใครได้ขึ้นมาเพราะเป็นเขตทหาร แต่เมื่อพม่าเปิดประเทศแล้ว เราจึงเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกๆ ที่ได้ขึ้นมาบนยอดเขาเพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเกาะสองได้รอบด้าน มองเห็นบ้านเรือนและวัดวา อันมีเจดีย์สีทองที่สร้างขึ้นตามแบบเจดีย์ชเวดากองอยู่หลายวัด มองได้ไกลเห็นเรือขนาดต่างๆ ที่แล่นอยู่ในทะเล และถ้าอากาศแจ่มใสก็จะมองเห็นฝั่งระนองของไทยได้ชัดเจน
พระมหามุนีที่จำลองมาจากเมืองมัณฑะเลย์
“เจดีย์ปิดอร์เอ” เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะสองที่ “ตะลอนเที่ยว” มาเยือน ชื่อของเจดีย์แห่งนี้มีความหมายว่า "เจดีย์แห่งความสงบร่มเย็น" สร้างขึ้นเมื่อ ปี 2491 องค์เจดีย์จำลองรูปทรงมาจากเจดีย์ชเวดากองที่เมืองย่างกุ้ง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และบริเวณฐานด้านในเจดีย์มีพระพุทธรูปประจำวันเกิดตั้งอยู่ประจำทิศต่างๆ ส่วนบริเวณรอบๆ เจดีย์มีรูปปั้นเรื่องราวพระเจ้าสิบชาติ และพระเจ้าทันใจให้กราบไหว้กัน ส่วนภายในโบสถ์ประดิษฐานพระมหามุนีซึ่งจำลองมาจากเมืองมัณฑะเลย์ด้วย
อนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนอง
เมืองไทยเรายกย่องสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ชาวพม่าเองก็ยกย่องพระเจ้าบุเรงนองให้เป็นกษัตริย์ผู้เกรียงไกรเช่นกัน และที่เกาะสองแห่งนี้ก็มี "อนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนอง" ที่ชาวพม่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ อนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนองทรงชุดนักรบ อยู่ในอิริยาบถพร้อมรบเท้าซ้ายยกเตรียมย่างเหยียบ มือกุมดาบเตรียมพร้อมต่อสู้ นักท่องเที่ยวที่มาที่เกาะสองส่วนมากก็จะมากราบสักการะท่าน และยังจะได้ชมทิวทัศน์ท้องทะเลที่สวยงามด้วย
ซื้อของฝากก่อนกลับจากเกาะสอง
ปิดท้ายการท่องเที่ยวบนเกาะสอง จะเป็นที่ไหนไปได้ ถ้าไม่ใช่ที่ตลาดขายของที่ลึก หรือที่ "ตลาดร่างสุเวนีย์" ที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้เลือกซื้อผ้าโสร่ง แป้งทานาคา ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบแป้งทานาคาสำเร็จรูป และแบบที่ต้องฝนท่อนทานาคากับแผ่นหินเอง นอกจากนั้นก็ยังมียาดมพม่าที่ฮิตไม่น้อยในเมืองไทย เครื่องหวาย ไม้แกะสลัก เครื่องประดับ รวมไปถึงเสื้อยืดลายใบหน้าดอกไม้เหล็กอย่างอองซานซูจีก็มีขายเช่นกัน

มาเที่ยวคราวนี้ “ตะลอนเที่ยว” ว่าคุ้มค่า ตรงที่ได้เห็นของดีทั้งของบ้านเราและบ้านเขา ได้เปิดโลกกว้างในมุมใกล้ๆ บ้านที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยนิด แต่ก็คุ้มค่าที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น