xs
xsm
sm
md
lg

“สาบเสือ” ที่ผืนป่าแม่วงก์/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
ยอดเขาโมโกจู
บนเส้นทางเดินป่าพิชิตยอด“โมโกจู” 5 วัน 4 คืน(ขึ้น 3 วัน ลง 2 วัน) ในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์(ฝั่ง จ.กำแพงเพชรนั้น)หากเรามัวแต่เดิน เดิน เดิน อย่างเดียว เพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปพิชิตยอด แบบไม่สนอีร้าค่าอีรม นี่ไยมิใช่เรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง

จริงอยู่แม้บนยอดเขาโมโกจูจะได้ชื่อว่าสวยงามนัก ทั้งจากหินเรือใบประหลาดที่ธรรมชาติจำเพาะเจาะจงสรรค์สร้างให้เกิดขึ้นที่บนยอดเขานี้อย่างลงตัว ทั้งมุมมองวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศารอบตัว โดยเฉพาะวิวยามเช้าช่วงพระอาทิตย์ขึ้นกับวิวยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตก ที่ใครหลายคนเห็นแล้วต่างบอกงดงามเหมือนอยู่บนโลกกันคนละมิติ

แต่กระนั้น ถ้าหากใครสนใจใส่ใจในรายละเอียดรอบข้างบนเส้นทางขึ้นๆ-ลงๆ ก็จะพบว่าในผืนป่าแห่งนี้มีของดีซุกซ่อนอยู่มากมายเช่นกัน ทั้งสภาพความหลากหลายของผืนป่า พืชพันธุ์ต้นไม้ใบหญ้า ดอกไม้ป่าสีสันสดใสริมทาง วิวทิวทัศน์รอบข้าง แสงเงาเส้นสายลวดลายจากจิตรกรธรรมชาติ

รวมถึงร่องรอยของสัตว์ป่าต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เก้ง กวาง หมูป่า แมวป่า หมาไน เม่น หมี กระทิง สมเสร็จ ช้าง และ “เสือ” เจ้าแห่งป่าไพร ที่ผู้นำทางอย่าง“อาทิตย์ แสงจันทร์”หรือ“พี่ทิด” ผู้ชายชื่อ-สกุลเท่(เพราะมีทั้งตะวันและเดือน) แกะรอยชี้ชวนให้ผมดูร่องรอยของมันไปตลอดทั้งทริปตั้งแต่ต้นจนจบ

พี่ทิดเป็นหนึ่งในทีมสำรวจประชากรเสือของโครงการชื่อย๊าว ยาว คือ “โครงการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งและเหยื่อและการอนุรักษ์อย่างมีส่วนร่วม ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์และอุทยานแห่งชาติคลองลาน” ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมอุทยานฯกับ WWF
รอยตีนเสือ พบได้บ่อยครั้งในป่าแม่วงก์
พูดถึงผืนป่าแม่วงก์ ใครและใครหลายคนอาจไม่รู้ว่าที่นี่มีเสือชุม แต่ถ้าดูจากทำเลที่ตั้งจะพบว่าที่นี่คือดงอาศัยของเสือดีๆนี่เอง เพราะนอกจากป่าแม่วงก์จะเป็นป่าดิบอันอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ติดกับ 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสำคัญ คือ “ห้วยขาแข้ง”(มรดกโลก)และอุ้มผาง ซึ่งชุกชุมไปด้วยสัตว์ป่ามากมายแล้ว ป่าแม่วงก์ยังเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย และมีอาณาเขตเชื่อมต่อกับผืนป่าในพม่าที่เมื่อรวมๆกันแล้วนี่คือผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใหญ่เป็นอันดับต้นๆของเอเชียเลยทีเดียว

และก็เป็นผืนป่าตะวันตกแห่งนี้แหละที่หยิบยกใช้เป็นเส้นทางใน“เพชรพระอุมา” นวนิยายเรื่องยาวที่สุดในโลก ที่แม้โลกเกชั่นหลักๆ “พนมเทียน” ผู้เขียนจะนำฉากมาจากผืนป่าเมืองกาญจน์แล้วใส่จินตนาการเสริมแต่งเข้าไป แต่แฟนเพชรพระอุมาหลายๆคนต่างเชื่อว่าในเส้นทางที่เดินไล่ไปจากป่าเมืองกาญจน์ขึ้นเหนือ เข้าพม่า ขึ้นไปจนถึงหลังคาโลกแถบๆเนปาลนั้น “รพินทร์ ไพรวัลย์” ได้นำชาวคณะผ่านเข้ามายังผืนป่าแม่วงก์ด้วย

เรื่องนี้แม้ไม่ใช่ประเด็นสลักสำคัญอะไร แต่มันก็ทำให้คนที่เคยอ่านเพชรพระอุมา(จบ)อย่างผมอดจินตนาการตามไปด้วยไม่ได้ ในระหว่างที่ย่ำเท้าก้าวเดินตามพี่ทิดมุ่งหน้าสู่เส้นทางพิชิตยอดโมโกจู

1...

ป่าอาจมีขอบเขตสำหรับคน แบ่งเป็นป่าในเมืองไทย ป่าในพม่า ป่าในเขตจังหวัดกำแพงเพชร เขตจังหวัดนครสวรรค์ ป่าในเขตอุทยานฯแม่วงก์ เขตอุทยานฯคลองลาน เขตรักษาพันธุ์ฯห้วยขาแข้ง เขตรักษาพันธุ์ฯอุ้มผาง และป่าในเขต ฯลฯ

แต่ป่าสำหรับสัตว์ป่าแล้ว มันไม่มีเขตแดน มีแต่แหล่งอาหารและเหยื่อให้พวกมันออกตระเวนหากิน มันจึงมีการเดินข้ามเขตระหว่างป่าต่างๆไป-มา ตามพฤติกรรมการหากินของมัน ดังนั้นเมื่อผืนป่าถูกมนุษย์ทำลายลดทอนอาณาเขต สัตว์ป่าก็ย่อมได้รับผลกระทบถูกลดอาณาเขตหากินไปด้วย
กล้องคาเมราแทบที่ทางอุทยานฯแม่วงก์ติดไว้เพื่อบันทึกภาพเสือและสัตว์ต่างๆ
สำหรับเสือโคร่ง แม้พวกมันจะไม่มีขอบเขตป่า แต่มันมีอาณาจักรมีขอบเขตที่ชัดเจนในการหากินของมัน

“เสือโคร่ง มันจะมีเส้นทางหากินตามเส้นทางเหยื่อ ตัวเมียมีอาณาเขตประมาณ 60-80 ตารางกิโลเมตร ส่วนตัวผู้ประมาณ 200-300 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพของป่านั้นๆ โดยมันหากินเป็นวงรอบ”

พี่ทิดเล่าให้ฟัง ระหว่างที่ผมก้มๆเงยๆดูกล้องอินฟาเรดคาเมร่าแทบที่ติดอยู่บริเวณโคนต้นไม้ 2 ต้นตรงข้ามกัน ที่มีการติดกระจายอยู่หลายจุดในผืนป่าแม่วงก์แห่งนี้

กล้องอินฟาเรดติดไว้เพื่อบันทึกข้อมูลการหากินของเสือ ซึ่งแม้จะเพิ่งเริ่มติดได้ไม่นานประมาณเกือบ 2 เดือน แต่ว่ามันก็คุ้มค่า เพราะนอกจากภาพของสัตว์ป่าหลากหลาย อาทิ เก้ง กวาง หมาป่า กระทิง ที่มาเป็นดาราหน้ากล้องแล้ว เจ้ากล้องนี้ยังสามารถบันทึกภาพของเสือโคร่งตัวเขื่องเดินผ่านได้ มีทั้งมาเดี่ยว และมาคู่ตัวผู้ตัวเมียที่ยังความตื่นเต้นให้กับทีมงานของโครงการไม่น้อย
คู่เสือโคร่ง ที่ทางอุทยานฯบันทึกภาพไว้ได้
แต่ที่ตื่นเต้นกว่า เห็นจะเป็นคำบอกเล่าจากที่ทิดที่แกบอกผมว่า ตลอดชีวิตการลาดตระเวนในป่า เคยเผชิญหน้ากับเสือตัวเป็นๆประมาณ 3-4 ครั้ง ครั้งที่จำได้แม่น คือเจอเสือโคร่งตัวเขื่อง กำลังเดินดุ่มๆในเส้นทาง(ของมัน) แล้วพี่ทิดกับเพื่อนๆพิทักษ์ป่าบังเอิญลาดตระเวนผ่านไปพบมัน

“เราอยู่ห่างกันราวๆ 50 เมตรเห็นจะได้”

งานนี้พี่ทิดไม่ได้หยิบปืนขึ้นมาเพื่อเตรียมยิงป้องกันตัว หากแต่รีบล้วงหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อจะถ่ายรูปมันเก็บไว้เป็นข้อมูล แต่เจ้าเสือตัวนั้น มันเล่นตัว เดินหายไป ถ่ายได้เพียงหลังไหวๆ

“ตอนที่มันเห็นผมสงสัยยังอิ่มอยู่เลยไม่กระโจนเข้าใส่ โชคดีไป แต่มันค่อยๆเดินเลี่ยงหลบหายเข้าป่าลึกไปอย่างสง่า สมกับเป็นเสือจริงๆ”

พี่ทิดรำลึกความหลัง พร้อมเล่าต่อว่า ในครั้งนั้นแกเดินนำอยู่หน้าสุด หลังเจ้าเสือมันค่อยๆเดินเลี่ยงไป แกหันหลังกลับไปหาเพื่อนๆที่ร่วมลาดตระเวนด้วยกัน พลันได้พบกับภาพอันชวนตื่นตะลึง

เพราะพวกที่เดินมาด้วยกัน วิ่งหนีเผ่นแผล็วหายตัวไปกันหมด
พี่ทิดพิสูจน์กลิ่นสเปรย์
2…

เสือโคร่งเวลาออกหากิน มันจะประกาศอาณาเขตด้วยการทิ้งรอยข่วนไว้ตามต้นไม้เพื่อเป็นการลับเล็บไปในตัว รวมถึงการประกาศอาณาเขตสำคัญอย่างการ “สเปรย์” ที่เป็นการปล่อยกลิ่นทิ้งไว้ตามโคนต้นไม้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอาณาเขต

“สเปรย์แม้มีลักษณะการปล่อยออกมาคล้ายฉี่ แต่สเปรย์ไม่ใช่ฉี่ หากแต่เป็นการปล่อยกลิ่นพิเศษของเสือออกมา โดยเลือกต้นไม้ที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษ เสือตัวเมียจะสเปรย์สูงประมาณ 80 เซน(ติเมตร) ตัวผู้ประมาณ 1-1.2 เมตร”

พี่ทิดนอกจากจะคอยให้ข้อมูลแล้ว ในเส้นทางเดินตลอดทั้งทริป แกได้พยายามแกะกลิ่นแกะรอยต้นไม้ที่เจ้าเสือโคร่งมันสเปรย์ประกาศอาณาเขตทิ้งไว้ เพื่อจัดเต็มให้ผมได้ลองสัมผัสดมในกลิ่นฉุนๆตามคำเรียกร้องที่อยากรู้ว่ากลิ่นสเปรย์เป็นอย่างไร ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง มีทั้งกลิ่นเก่า กลิ่นใหม่ ทิ้งไว้ให้ดมกัน 3-4 จุดด้วยกัน
พิสูจน์กองขี้เสือ
นอกจากสเปรย์แล้ว ตลอดเส้นทางผมยังพบกับรอยตีนเสืออีกเพียบ ทั้งรอยตีนเสือโคร่งและเสือดาว รวมถึงร่องรอยการออกหากิน การคุ้ยเขี่ยดิน และการขี้ทิ้งไว้ งานนี้ผมได้เจอกองขี้สดๆใหม่ๆของเสือ 2 กอง ซึ่งพี่อาทิตย์คาดว่ากองหนึ่งน่าจะเป็นเสือดาว ส่วนอีกกองหนึ่งน่าจะเป็นเสือโคร่ง เพราะดูตามขนาดของกองและรอยดินที่พวกมันตะกุยทิ้งไว้ อีกทั้งเจ้ากองขี้เสือโคร่งกองใหญ่มันยังประกาศศักดาด้วยการขี้ทิ้งไว้บนกลางทางเดินนั่นแหละ

“เสือโคร่งเขาถือว่าตัวเองเป็นเจ้าพ่อ เวลาขี้จะขี้ทิ้งไว้กลางทาง ส่วนเสือดาวเขาไม่กล้าหือ จึงขี้หลบๆไปตามข้างทาง” พี่ทิดบอก ก่อนพาผมไปสำรวจขี้เสือใหม่ๆกองหนึ่งที่พบเจอระหว่างทางดูว่ามันน่าจะกินอะไรเข้าไป

ในกองขี้นั้นเราพบทั้งขนสัตว์และกีบสัตว์ที่มันถ่ายออกมา

“ไม่เป็นเก้งก็หมูป่า”

พี่ทิดคาด หลังพวกเราละมือจากการคุ้ยเขี่ยกองขี้เหม็นหึ่งของมัน ซึ่งถ้าเสือเจ้าของขี้มาเห็นมันคงขำกลิ้งว่า ไอ้ตัวประหลาด 2 ขา หน้าไม่มีขนนี่ มันช่างพิลึกพิลั่นเงยๆก้มๆดมๆของเหม็นๆของตูได้
ร่องรอยสัตว์มากมายที่โป่งสัตว์
3…

ในเส้นทางขึ้นลงยอดเขาโมโกจู ผมพบว่าคนกับสัตว์ล้วนต่างมีเส้นทางเป็นของตัวเอง

ทางของสายพันธุ์ต่างถิ่นอย่างมนุษย์ผู้ผ่านทางแวะเวียนเข้าในผืนป่าเป็นชั่วครั้งชั่วคราวนั้น มีทั้งเส้นทางรถยนต์(ถนนลูกรัง)และเส้นทางเดินเท้าปรากฏอย่างชัดเจน

ขณะที่ทางของสายพันธุ์เจ้าถิ่นอย่างพวกสัตว์ต่างๆนั้น เส้นทางของสัตว์บางชนิดปรากฏชัดเจน บางชนิดคลุมเครือ บางชนิดก็แอบอิงแฝงไปกับทางสัตว์อื่นๆ โดยเส้นทางของสัตว์ส่วนใหญ่ต่างมุ่งหน้าไปยัง “โป่งธรรมชาติ” ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของสัตว์สารพันสารพัน ทั้งเก้ง กวาง หมูป่า นก ไก่ป่า สมเสร็จ ช้าง กระทิง หมาป่า หมาใน และร่องรอยของ “เสือ” ที่มาคอยล่าเหยื่อของมันอีกที

เสือแม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักล่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งป่าไพร แต่เสือมันจะล่าเหยื่อเพื่อกิน ล่าเมื่อหิว เป็นไปตามระบบนิเวศห่วงโซ่อาหารที่สัตว์ผู้ด้อยกว่า อ่อนแอกว่าย่อมถูกกำจัดเพื่อความสมดุล โดยเฉพาะกับเสือโคร่งแล้ว มันได้ชื่อว่าเป็นนักล่าบนยอดพีรามิด ที่เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ดังคำกล่าวที่ว่า “เสือพีเพราะป่าปก ป่ารกเพราะเสือยัง” แต่สถานการณ์ของเสือในบ้านเราในวันนี้มันไม่สู้ดีเอาเสียเลย เพราะนับวันยิ่งมาป่ายิ่งลดน้อยถอยลง แถมเสือก็ยังถูกพวกคนใจบาปคอยไล่ล่าอีกต่างหาก
เสือโคร่ง เดินผ่านกล้องบันทึกภาพของอุทยานฯ
“มีพวกโจรเคยมาลักลอบล่าเสือในป่าแถวนี้อยู่บ่อยๆ เราก็ต้องออกไล่ตามจับกันไป มันมีออร์เดอร์มาจากเมืองนอกโน่น พวกโจรแม้จะเสี่ยง แต่ว่าถ้าล่าได้มันคุ้มสามารถไปถอยรถได้สบาย เพราะเสือตัวนึงมันขายได้หมด ตั้งแต่เนื้อ หนัง เขี้ยว กระดูก เครื่องใน โดยเฉพาะตัวเดียวอันเดียวนี่ พวกชอบกินของแปลกชอบกันนัก เขาว่ากินแล้วมันคึก ทั้งๆที่เสือมันผสมพันธุ์แป๊บเดียวเอง”

พี่ทิดสะทกสะท้อนอารมณ์ให้ฟัง พร้อมกับเล่าถึงศักดิ์ศรีของเสือโคร่งว่า

“เสือเป็นสัตว์ที่รู้จักอิ่ม เมื่อกินอิ่มแล้ว มันจะทิ้งเหยื่อไว้ จากนั้น 2-3 วัน จะเวียนมากินซากเหยื่อของมันอีกที กินจนหมดทิ้งซาก เขา กระดูกไว้ ระหว่างนี้ เสือดาว(ของที่นี่) หมาไหน มันจะคอยมาตามกินเหยื่อที่เสือโคร่งล่าทิ้งไว้ แต่เสือโคร่งมันจะไม่กินซากที่สัตว์อื่นล่าไว้ ”

ฟังพี่ทิดเล่าแล้ว มันช่างสมศักดิ์ศรีกับคำว่า“เสือ” จริงๆ แต่กระนั้นเมื่อพูดถึงเสือแล้ว มักจะดูโหดร้ายน่ากลัวสำหรับคนส่วนใหญ่

ทั้งๆที่สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและโหดร้ายที่สุดบนโลกใบนี้ ทอดตาทั้งแผ่นดินคงจะไม่มีสิ่งใดเกิน สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า“คน”ไปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น