xs
xsm
sm
md
lg

“รอยไหม” ในแพร่/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)
ดารานำในละครเรื่องรอยไหม
ผมไม่ใช่แฟนละครไทย ทั้งน้ำเน่า น้ำครำ หรือน้ำดี เนื่องจากกิจวัตรประจำวันไม่เอื้อต่อการดูละคร เพราะกว่าจะเลิกงานก็ปาเข้าไป 4-5 ทุ่ม แถมส่วนใหญ่หลังเลิกงานแล้วยังไม่ยอมกลับบ้าน ต้องไปนั่งสังสรรค์กับเพื่อนฝูงอีกจนดึกจนดื่น เลยทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูละครไทยสักเท่าไหร่ แม้ว่าละครไทยหลายต่อหลายเรื่องจะโด่งดังมีแฟนๆติดกันตรึม กับพล็อตเรื่องอมตะนิรันดร์กาล พระเอกหล่อรวยฉลาดไปหมดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนางเอกดันโง่แสนโง่ ชอบนางเอกแต่ต้องทรมานใจเธอไว้ก่อน บางคนตบก่อนแล้วค่อยจูบตามหลัง ส่วนนางเอกก็แสนดีใสซื่อถูกนางร้ายแม่ผัวกระทำเท่าไหร่ก็เก็บความรู้สึกไว้ตลอด แถมยังร้องไห้เง้างอนกับพระเอกได้เกือบครึ่งค่อนเรื่อง

ด้านนางร้ายที่(แม่ม)กรี๊ดสนั่นมันได้ทั้งเรื่อง ชีวิตนี้เธอคิดอยู่เรื่องเดียวคือทำยังไงถึงจะได้เป็นเมียพระเอก ขณะที่แม่ผัวนั้นก็เป็นจอมวางแผนรู้ทั้งรู้ว่านางร้ายไม่ดีแต่ดันอยากยกลูกชายให้ นอกจากนี้ยังมีคนใช้สุดแสบเป็นลูกมือ วันๆไม่ยอมทำงานทำการคอยสอดรู้สอดเห็นแกล้งนางเอกตลอดทั้งเรื่อง

แต่ประทานโทษ!?! พอถึงตอนจบทุกคนคิดได้กันหมด กลับตัวเป็นคนดี(เฉยเลย) ให้อภัยกัน ที่แล้วให้มันแล้วไป หันมาจับมือปรองดองเริ่มต้นกันใหม่ชนิดที่แม้แต่รัฐบาลก็ยังไม่อาจทำได้ แล้วทุกคนก็มาเรียงหน้าออกหน้าจอ จบแบบแฮปปี้เอนด์ดิ้ง ผ่านพ้นไปอีกเรื่องหนึ่งสำหรับละครไทยที่สามารถเรียกเรตติ้งได้กระฉูดถล่มทลาย

สำหรับละครเรื่อง"รอยไหม"ที่เพิ่งลาจอแก้วไปเมื่อไม่นาน เน่าหรือไม่เน่าผมเชื่อว่าแฟนๆที่ติดตามคงมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นละครเรื่องนี้มันก็มีจุดดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ผมเกิดอาการสนใจมันได้ไม่น้อย
บ้านวงศ์บุรี เรือนงามคู่เมืองแพร่
อย่างแรก น้องแอฟ-ทักษอร เธอเป็นนางเอกในดวงใจผมมาตั้งแต่รับบทเป็นมณีจันทร์ ในตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 แล้ว อย่างที่สองคือปรากฏการณ์ “ผีอีเม้ย” (ชุดาภา) ที่ออกอาละวาดเรียกแฟนคลับได้ถล่มทลายเหนือกว่าคู่พระคู่นางเสียอีก

ส่วนจุดดึงดูดใจลำดับสุดท้ายก็คือชื่อละคร“รอยไหม”ที่หากอ่านตรงๆก็ ธรรมด๊า ธรรมดา แต่ถ้าเกิดผวนคำเมื่อไหร่ เป็นได้เรื่อง

ด้วยความที่ละครรอยไหมแบบไม่ผวนมีบางสิ่งบางอย่างดึงดูด วันไหนที่กลับบ้านเร็วและตรงกับวันมีละคร จึงกดรีโมทโฉบเข้าไปแวะเวียนชมละครเรื่องนี้บ้างพอเหม็นปากเหม็นคอ เพื่อให้รู้ว่าไผเป็นไผ โดยเฉพาะกับผีอีเม้ยนั้น งานนี้พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

ในละครเรื่องรอยไหมนอกจาก 3 สิ่งดึงดูดตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เน้นผ้าไทยก็ถือเป็นอีกสิ่งชวนมอง ในขณะที่ฉากสถานที่ถ่ายทำที่เป็นบ้านเก่าอาคารเก่าหลังงามนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสะดุดใจผม เพราะหลายฉากรู้สึกคุ้นตาว่าเคยไปมา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นที่ไหน จนเมื่อเห็นข่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานแพร่ ชวนเที่ยวเมืองแพร่ตามรอยละครรอยไหม ที่ “บ้านวงศ์บุรี” กับ “คุ้มเจ้าหลวง” จึงถึงบางอ้อ นึกได้ขึ้นมาทันที

อ้อ!?! นึกออกแล้ว มันคือที่นั่นนั่นเอง
หน้าจั่วกับลวดลายประดับอันสวยงาม
จากนั้นเมื่อมีโอกาสขึ้นไปเยือนเมืองแพร่ในช่วงหลังละครจบหมาดๆ ผมจึงขออินเทรนด์ไปตามรอยละครรอยไหมกับเขาบ้าง โดยเริ่มกันที่บ้านวงศ์บุรีหรือคุ้มวงศ์บุรี

บ้านวงศ์บุรี(ถ.คำลือ) เป็นบ้านหลังงามเก่าแก่คู่เมืองแป้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับไฮไลท์ของจังหวัด ในละครเรื่องรอยไหมบ้านหลังนี้ใช้เป็นฉากเรือนประทับหลังงามของ “เจ้านางมณีริน”

บ้านวงศ์บุรีสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2440 ตามดำริของ“แม่เจ้าบัวถา” ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่
บรรยากาศการตกแต่งภายในบ้าน
บ้านวงศ์บุรี เป็นสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปแบบ “เรือนขนมปังขิง” มีสีชมพูสวยเด่นเป็นสง่า ก่อสร้างอย่างประณีต ละเมียดละไม ด้วยไม้สักทองเป็นหลัก มี 2 ชั้น มีความงดงามสมส่วน ภายนอกน่ายลไปด้วยเส้นสายลวดลายฉลุไม้ทั้งตาม ชายคา ระเบียง ช่องลม ช่องแสง โดยเฉพาะลวดลายฉลุตรงหน้าจั่วนั้นถือเป็นสิ่งน่าสนใจในระดับต้นๆของบ้านเลยทีเดียว

ภายในบ้านวงศ์บุรี แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ ส่วนที่อยู่อาศัยทางด้านหลังบ้าน กับส่วนพิพิธภัณฑ์ทางด้านหน้า ที่จัดแสดงสิ่งที่น่าสนใจเปิดให้คนทั่วไปเข้าเที่ยวชม ประกอบด้วยห้องน่าสนใจ อาทิ ห้องแม่เจ้าบัวถา ห้องโถง ห้องรับแขก ห้องนอน รวมถึงส่วนชานเชื่อมต่อระหว่างอาคาร ที่มี “เติ๋น” ยกพื้นขึ้นมาใช้สำหรับนักเล่น พักผ่อน รับประทานอาหาร และ “ข่ม” ที่เป็นการยกพื้นในระดับที่ต่ำลงมา
ห้องจัดแสดงที่มีภาพของแม่เจ้าบัวถา
นอกจากนี้ยังมีข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ ลายคราม จัดแสดงให้ชมกันอีกมากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเงิน เครื่องถ้วย ถ้วยโถโอชาม โต๊ะเครื่องแป้ง เก้าอี้ เครื่องเงิน แหย่งช้าง อาวุธโบราณ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน อู่ทอง รูปภาพเก่าๆ และเอกสารเก่าแก่ที่หาดูได้ยากมากในปัจจุบัน อย่างเช่น เอกสารขอสัมปทานป่าไม้ในอดีต ตั๋ว รูปพรรณ รวมถึงเอกสารที่เรียกความสนใจจากใครและใครหลายคนได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ เอกสารซื้อ-ขายทาสในสมัยเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว

ด้วยความโดดเด่น งดงาม เก่าขลัง ของบ้านวงศ์บุรีทำให้บ้านสีชมพูหลังนี้ได้รับการยกย่องจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เป็น“อาคารอนุรักษ์ดีเด่น” ประจำปี 2536 อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังและละครหลายเรื่อง โดยเฉพาะกับเรื่องล่าสุดรอยไหมนั้นสร้างความโด่งดังดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยวตามรอยละครกันไม่น้อยทีเดียว
คุ้มเจ้าหลวง
จากบ้านวงศ์บุรีผมย้ายตัวตามรอยไหมต่อไปยังคุ้มเจ้าหลวง อีกหนึ่งอาคารเก้าแก่ทรงคุณค่าของเมืองแพร่

คุ้มเจ้าหลวง (ถ.คุ้มเดิม หน้าจวนผู้ว่าฯแพร่ปัจจุบัน) สร้างโดยเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองเมืองแพร่องค์สุดท้าย ในปีพ.ศ. 2435

คุ้มเจ้าหลวง แม้เป็นอาคารยุคเดียวกับบ้านวงศ์บุรี แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ คุ้มเจ้าหลวงเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น มีประตูหน้าต่างรวม 72 บาน ตกแต่งด้วยลายฉลุสวยงามทั้งภายนอก ภายใน อีกทั้งยังมีความพิเศษตรงที่อาคารหลังนี้ไม่มีการฝังเสาเข็ม หากแต่ใช้ไม้ซุงเป็นท่อนวางเรียงเป็นฐานรากแทน
ส่วนจัดแสดงในส่วนของห้องนอน
ในปี พ.ศ. 2501 คุ้มเจ้าหลวงเคยเป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อคราวเสด็จเยี่ยมราษฎรในจังหวัดแพร่

ปัจจุบันคุ้มเจ้าหลวงจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ แบ่งพื้นที่เป็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องพิริยภูมิศิลป์ นำเสนอมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น) ห้องพิริยทัศนา นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดแพร่ ห้องพิริยสวามิภักดิ์ เป็นห้องเทิดพระเกียรติ ห้องพิริยอาลัยนำเสนอประวัติเจ้าหลวง เป็นต้น พร้อมข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ เฟอร์นิเจอร์ รูปภาพ และ ฯลฯ
ส่วนจัดแสดงชั้น 2
นอกจากห้องจัดแสดงต่างๆแล้ว คุ้มเจ้าหลวงยังมีสิ่งน่าสนใจอยู่ที่ส่วนใต้อาคาร ที่ในอดีตใช้เป็นที่คุมขังนักโทษหรือคุกในชั้นใต้ดิน แบ่งเป็นคุกปีกซ้าย-ปีกขวาเอาไว้คุมขังผู้ที่ทำความผิดสถานเบา(ลหุโทษ) พร้อมกับมี"ตูบผี"หรือช่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่เอาไว้หย่อนอาหารให้นักโทษในส่วนของคุกปีกขวา ขณะที่ผู้กระทำผิดสถานหนัก ร้ายแรง จะถูกคุมขังอยู่ในคุกมืดที่ห้องกลาง

อนึ่งในการเข้าไปชมในส่วนคุกใต้ดินนั้น คนเมืองแพร่เขามีเคล็ดอยู่ว่า อย่าเดินหน้าหันหน้าเข้าคุกเป็นอันขาด แต่ให้เดินถอยหลังเข้าคุกแทน ส่วนตอนออกก็เดินหน้าออกมาอย่าหันหลังไปมองคุก เพราะอาจจะทำให้ต้องโทษเข้าคุกในอนาคตได้
คุกใต้ดิน
สำหรับบรรยากาศในคุกนั้นวังเวงชะมัด โดยเฉพาะบริเวณศาลใต้ดิน ใครที่ใจไม่แข็งพอ อย่าไปเดินคนเดียวควรชวนเพื่อนไปด้วย มิฉะนั้นอาจเสียวสันหลังวูบวาบเอาได้ง่ายๆ แต่ยังไงงานนี้ไม่มีผีอีเม้ยโผล่มากวนใจแน่นอน

ด้วยเสน่ห์ความน่าสนใจของคุ้มเจ้าหลวง ทำให้อาคารแห่งนี้ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นในปี พ.ศ. 2540 รวมถึงได้รับเลือกให้เป็นฉากถ่ายในทำละครเรื่องรอยไหม เป็นฉากที่ประทับของเจ้าเมืองเวียงเจียงใหม่ ส่วนที่ประทับของเจ้าศิริวัฒนา(ชาติโยดม หิรัญยัษฐิติ)

และนั่นก็คือเสน่ห์ของเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยละครรอยไหมในเมืองแพร่ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจตามรอยไปเที่ยวกันไม่น้อย ซึ่งสำหรับผมแล้วแม้จะตามรอยรอยไหมมา แต่งานนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับฉากในละครเป็นหลักสักเท่าไหร่ หากแต่ให้ความสำคัญกับคุณค่าความงามของอาคารประวัติศาสตร์ทั้ง 2 หลังนี้มากกว่า

เพราะนี่คือมรดกของชาติที่เราต้องช่วยกันสืบสานอนุรักษ์ไว้ตราบนานเท่านาน
*****************************************

นอกจากกิจกรรมท่องเที่ยวตามละครรอยไหมตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานแพร่ ยังได้จัดกิจกรรมนั่งสามล้อเที่ยวชมบ้านเก่า อาคารเก่า โดยได้ผนวกรวมบ้านวงศ์บุรีและคุ้มเจ้าหลวงเข้าไว้ด้วยกัน กับกิจกรรม “นั่งสามล้อ ผ่อเฮือนเก่า เล่าขานตำนานเมืองแป้” ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ ชมรมสามล้อจังหวัดแพร่ โทร. 08-1673-9841 หรือที่ ททท. สำนักงานแพร่ โทร. 0-5452-1118, 0-5452-1127
กำลังโหลดความคิดเห็น