xs
xsm
sm
md
lg

ไฮ “โซล” 2 วิถี...เกาหลีหลากสีสัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : ตะลอนเที่ยว (travel_astvmgr@hotmail.com)
มงกุฎโบราณทำจากทองคำในพิพิธภัณฑ์ฯชาติเกาหลี
ในช่วงหลายปีมานี้กระแสเกาหลีฟีเวอร์ในบ้านเรายังคงแรงดีไม่มีตก ทำให้ดารานักร้อง บอยแบนด์ เกิร์ลแบนด์ และไอดอลชาวเกาหลีแวะเวียนมาเยือนเมืองไทยกันอย่างต่อเนื่อง

แต่กระนั้นก็ใช่ว่า “เกาหลีใต้” (South Korea) หรือชื่อเต็มอย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐเกาหลี”(Republic of Korea) จะมีดีอยู่แค่ดารา นักร้อง หนัง และละครเท่านั้น เพราะโปรแกรมทัวร์เกาหลีในบ้านเราก็ขายดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ช้อปปิ้ง ทัวร์ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ทัวร์ตามรอยซีรีส์ดัง หรือแม้แต่ทัวร์ศัลยกรรม ก็ได้รับความนิยมจากคนไทยเป็นจำนวนมาก

สำหรับหนึ่งในจุดหมายสำคัญของคนไทยในการทัวร์เกาหลีนั้นก็คือที่กรุง“โซล”(Seoul) เมืองหลวงของเกาหลี ที่อุดมไปด้วยวิถีวัฒนธรรมและสีสันอันหลากหลาย ผสมผสานความเก่ากับความใหม่ เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนและลงตัว
พิพิธภัณฑ์ฯชาติเกาหลีกับระบบการศึกษาที่สอนให้เด็กเรียนรู้นอกห้องเรียน
รู้จักเกาหลีฉบับย่อ

ก่อนที่จะไปตะลอนตะลุยทัวร์อย่างหลากหลายในกรุงโซล “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำให้ผู้สนใจไปรู้จักที่มาที่ไปและความเป็นเกาหลีในแบบรวบรัดฉบับย่อผ่าน “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกาหลี” (National Museum of Korea) ที่สร้างขึ้นใหม่อย่างใหญ่โตโอ่โถงในปลายปี ค.ศ. 2005 ตั้งอยู่ในเขตยงซาน

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มี 3 ชั้น มีศิลปวัตถุมากกว่า 10,000 ชิ้น แบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็นห้องต่างๆ นำเสนอความเป็นเกาหลีอย่างละเอียดและมีสีสันชวนตื่นตาตื่นใจ ผ่านเทคนิคการจัดแสดงสมัยใหม่อันหลากหลาย มีส่วนที่น่าสนใจ อย่างเช่น บริเวณโถงทางเดินชั้นล่างยังมีเจดีย์ 10 ชั้น จำลองมาจากวัดเกียงชอนชาเป็นไฮไลท์,ห้องโบราณคดี จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในยุคโบราณตั้งแต่อาณาจักรแพ็จเจถึงอาณาจักรชิลล่า มีภาชนะรูปเป็ด มงกุฎทองคำ เครื่องประดับต่างๆ เป็นตัวชูโรง,ห้องประวัติศาสตร์ จัดแสดงเกี่ยวกับมรดกด้านภาษาเกาหลี มีสิ่งชวนชมได้แก่ “อักษรฮันกึล” แม่พิมพ์โลหะคำจารึก แผนที่โบราณ
ส่วนจัดแสดงกลางแจ้งที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านฯ
ห้องศิลปะ นำเสนอความงดงามของศิลปะพื้นบ้านเกาหลีอันหลากหลาย,ห้องพระพุทธรูป จัดแสดงพระพุทธรูปและศิลปวัตถุโบราณต่างๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังมี ห้องศิลปะเอเชีย พิพิธภัณฑ์เด็ก โรงละคร ร้านอาหาร ห้องสมุด และส่วนอื่นๆอีกหลากหลาย

ในวันที่ไปเยือนพิพิธภัณธ์ฯเกาหลี “ตะลอนเที่ยว” เห็นเด็กนักเรียนตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยม จำนวนมาก เดินทางมาท่องเที่ยวเรียนรู้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เด็กหลายคนพกสมุดโน้ตมาจดโน่นจดนี่(ตามที่คุณครูสั่งมา) หลายคนพกกล้อง พกมือถือมาถ่ายรูปเป็นที่สนุกสนาน ส่วนอีกหลายคนก็ดูตื่นตากับข้าวของโบราณสารพัดสารพัน

นับเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่งในเมืองไทย เพราะระบบการศึกษาบ้านเราไม่ได้สอนเรื่องการเรียนรู้นอกห้องเรียน ไม่ได้สอนให้เด็กเข้าไปศึกษารากเหง้าของตัวเองในพิพิธภัณฑ์ ดังนั้นเด็กไทยจำนวนจึงหันไปหลงใหลได้ปลื้มในวัฒนธรรมต่างชาติ โดยหลงลืมสิ่งดีๆที่เป็นไทยไปอย่างน่าสะทกสะท้อนใจ
พระราชวังเคียงบกอันสวยงามและยิ่งใหญ่
เกาหลี วิถีเก่า

หลังอุ่นเครื่องไปรู้จักความเป็นเกาหลีฉบับย่อแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ก็เดินหน้าสู่ “พระราชวังเคียงบกกุง” (Gyeongbokung Palace) สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำคัญประจำเมือง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะไปเข้าไปเที่ยวชมความอลังการของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เราแวะชม “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี”(National Folk Museum of Korea) ที่ตั้งอยู่ภายในเขตพระราชวังฯนวดอารมณ์กันก่อน

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่ด้านหน้ามีการจัดแสดงกลางแจ้ง เป็นไม้แกะสลักรูปหน้าปีศาจที่คนสมัยก่อนจะปักไว้หน้าหมู่บ้าน เชื่อว่าจะช่วยขับไล่ภูตผีปีศาจได้ มีหินปู่ทอลฮารุบังตั้งอยู่มากมาย และยังมีหินแกะสลักเป็นรูปสัตว์ประจำราศีเกิดทั้ง 12 ราศี ให้ได้ไปถ่ายรูปคู่กับราศีเกิดของตัวเอง
ศาลาเคียงฮวยรูตั้งอยู่กลางสระรูปดอกบัว
ส่วนเมื่อเดินเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ อาทิ
ส่วนแสดงศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต ข้าวของเครื่องใช้โบราณ เครื่องมือการประกอบอาชีพ การแต่งกาย ประเพณีต่างๆ รวมถึงการแสดงการทำกิมจิ อาหารประจำชาติเกาหลีที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีอีกด้วย

หลังจากนั้นเราออกไปต่อยัง พระราชวังเคียงบกกุง ที่หมายถึง"พระราชวังแห่งพรที่ส่องสว่าง” สร้างขึ้นโดยราชวงศ์โชซอน ในปี ค.ศ. 1394 โดยชองโดจอนและได้รับการต่อเติมโดยพระเจ้าแทจงและพระเจ้าเซจงมหาราช ในช่วงต้นราชวงศ์โชซอนมีตำหนักอาคารมากถึง 200 อาคาร แต่แล้วในช่วงปี 1592 ที่ญี่ปุ่นบุกเกาหลี อาคารต่างๆ บางส่วนของพระราชวังก็ถูกทุบทำลาย ถูกเผาไปเป็นจำนวนมากอย่างน่าเสียดาย แต่แล้วหลังจากนั้นก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซม และสร้างพระราชวังขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับเดิม

ภายในพระราชวังมีอาณาบริเวณที่กว้างขวางมาก มีอาคารต่างๆ มากมายให้ได้เดินชมกัน อาทิ พระที่นั่งคึนจองจอน หรือศาลาเคียงฮวยรู ซึ่งตั้งอยู่กลางสระรูปดอกบัว หรือศาลายางวอนจอง และยังมีอาคารสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ หลายอาคาร ที่ล้วนแล้วแต่สวยงามและแสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมอันงดงามของเกาหลี และในพระราชวังยังร่มรื่นแวดล้อมไปด้วย ทัศนียภาพเขียวขจีของสวนอันรื่นรมย์ ทำให้การเดินเที่ยวชมพระราชวังแห่งนี้ สนุกสนานเพลิดเพลินยิ่งนัก
พระราชวังชางด็อกกุงยามราตรี
นอกจากพระราชวังเคียงบกกุงแล้ว เกาหลียังมี“พระราชวังชางด็อกกุง”(Changdeogung Palace) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ

พระราชชางด็อกกุง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1405 ในช่วงต้นของราชวงศ์โวซอน ซึ่งเคยถูกใช้เป็นพระราชวังหลักของราชสำนัก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997 ภายในพระราชวังนอกจากอาคารสถาปัตยกรรมเกาหลีอันสวยงามอลังการแล้ว ยังมีศาลา เจดีย์ สระน้ำ ต้นไม้โบราณ และสวนต้องห้าม เป็นองค์ประกอบสำคัญ
อีกหนึ่งสีสันของพระราชวังชางด็อกกุงยามราตรี
เดิมพระราชวังเคียงบุกเปิดให้เที่ยวชมเฉพาะในภาคกลางวัน แต่เมื่อปีที่แล้วทางเกาหลีได้เปิดพระราชวังแห่งนี้ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในยามราตรีด้วย ซึ่งก็ให้บรรยากาศและสีสันแตกต่างออกไปจากการเข้าชมตอนกลางวัน โดยหลังเสร็จสิ้นการเดินชมวังยามราตรี จะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมตบท้าย

จากพิพิธภัณฑ์“ตะลอนเที่ยว” ไปต่ออารมณ์ย้อนยุคกันที่ “หมู่บ้านนัมซานกลฮันอก”(Namsan Hanok Village) หมู่บ้านที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนลักษณะเฉพาะในสมัยราชวงศ์โชซอน หรือที่เรียกว่า“ฮันอก” ซึ่งบ้านต่างๆเหล่านี้ได้รวบรวมจากการรื้อถอนจากบ้านเรือนที่เดิมอยู่กระจายรอบกรุงโซล แล้วนำมาประกอบบูรณะสร้างใหม่เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว ที่ถือเป็นมนต์เสน่ห์ในวิถีเก่าแห่งความเป็นเกาหลีที่ชวนเพลิดเพลินไม่น้อยเลย
บรรยากาศภายในหมู่บ้านนัมซานกลฮันอก
เกาหลี วิถีร่วมสมัย

หลังซึมซับกับความเป็นเกาหลีในวิถีเก่า วิถีย้อนยุคกันเป็นที่อิ่มเอมใจแล้ว เราขอสลับอารมณ์ไปเที่ยวชมความเป็นเกาหลีในวิถีร่วมสมัยกันบ้าง เริ่มจากการมองกรุงโซลในมุมสูง มุมกว้าง ที่ “หอคอยโซล” (N Seoul Tower) หรือ “นัมซานทาวเวอร์” (Namsan Tower) หนึ่งในสัญลักษณ์ยุคใหม่ของกรุงโซล

หอคอยโซล มีความสูงจากฐานประมาณ 236.7 เมตร มองเห็นโดดเด่นเป็นสง่าได้ทั่วไปกลางใจเมือง ในยามค่ำคืนที่นี่จะมีแสงไฟหลากสีส่องสว่างมองเห็นได้จากด้านล่าง ถือเป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปสำคัญ

เมื่อขึ้นไปในหอคอยโซลเราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์รอบของกรุงโซลแบบรอบทิศ(360 องศา) ส่วนที่ชั้นบนสุดของหอคอยก็มีทั้งหอดูดาวและภัตตาคารที่หมุนได้รอบ รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน โรงหนังสามมิติ พิพิธภัณฑ์เทดดี้แบร์ และร้านขายของที่ระลึกต่างๆที่หอคอยแห่งนี้อีกด้วย
หอคอยโซล
นอกจากนี้บริเวณด้านล่างของหอคอยโซลยังมีเสาและกำแพงตาข่ายที่เต็มไปด้วยแม่กุญแจจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกล็อกติดไว้จนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง แม่กุญแจเหล่านี้มาจากความเชื่อของคู่รักชาวเกาหลี ที่เชื่อว่าให้เขียนชื่อตัวเองกับคนรักไว้บนแม่กุญแจ แล้วนำไปล็อกไว้ จากนั้นก็โยนลูกกุญแจทิ้ง ถือเป็นเคล็ดว่ารักเราทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีใครมาพลัดพราก ซึ่งนักท่องเที่ยวไทยหลายคนก็นิยมนำแม่กุญแจไปคล้องยังที่แห่งนี้

สำหรับสิ่งที่เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ในกรุงโซลนอกเหนือไปจากสถานที่ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรม แหล่งช้อปปิ้ง ศิลปวัฒนธรรม และอาหาร ก็คือการแสดง นำโดย“จัมพ์”(Jump) ซึ่งนำศิลปะป้องกันตัวแบบเกาหลีมาแสดงร้อยเรียงผูกเป็นเรื่อง และ“นันทา”(Nanta) ที่นำเอาวิถีการทำอาหารเกาหลีมาสร้างเรื่องแล้วแสดงออกมาเน้นที่การประยุกต์ข้าวของเครื่องใช้ในครัวมาทำเป็นเครื่องเคาะ(เพอร์คัสชั่น)ทั้ง ตีด เคาะ สับ ตบ
การแสดงจัมพ์โชว์ที่เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดทั้งเรื่อง
ทั้งจัมพ์และนันทาแม้จะเป็นการแสดงที่แตกต่าง แต่ว่าก็มีบางสิ่งที่เหมือนกันอยู่นั่นก็คือ ต่างเป็นโชว์ขึ้นชื่อของเกาหลีที่เดินทางไปเปิดการแสดงมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก เป็นการแสดงที่โชว์ทักษะและการฝึกปรือมาเป็นอย่างดีของนักแสดง ที่สำคัญคือโชว์ทั้งสองสามารถเรียกเสียงฮาจากนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกว่าดูกันเพลินแถมยังขำกลิ้งอีกต่างหาก

ในการมาเที่ยวเกาหลีคนของไทยหลายๆคนนั้น แน่นอนว่าหนึ่งในสิ่งที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงก็คือ การ“ช้อปปิ้ง” ซึ่งในกรุงโซลนั้นมีย่านช้อปปิ้งขึ้นชื่ออยู่หลายแห่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

“เมียงดง” (Myeongdong) ย่านศูนย์รวมแฟชั่น มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และสินค้าอื่นๆ รวมไปถึงเป็นแหล่งบันเทิง แหล่งอาหารที่มีของกินเล่นข้างทางในสไตล์เกาหลีให้เลือกซื้อกันเป็นจำนวนมาก
เมียงดง ตลาดสินค้าย่านศูนย์รวมแฟชั่น
“อินซาดง” (Insadong Market) เป็นถนนสายศิลปะที่เต็มไปด้วยร้านขายงานศิลปะ ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของเก่า ร้านขายสินค้าพื้นเมือง แกลลอรี่ ร้านงานฝีมือแฮนด์เมด แผงงานศิลปะแบกะดิน รวมไปถึงร้านอาหาร ร้านกาแฟที่ดูมีเอกลักษณ์ชวนนั่ง อินซาดงแม้จะเป็นถนนสายสั้นๆแต่ว่าก็เป็นถนนที่มากไปด้วยสีสันและความน่าสนใจยิ่ง

“นัมแดมุน” (Numdaemun) เป็นตลาดที่มีความเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์โชซอน นัมแดมุนเป็นตลาดกลางแจ้งศูนย์การสินค้าส่ง มากไปด้วยสินค้าราคาเยาหลากหลาย อาทิ เสื้อผ้า รองเท้าหลากหลายแบบ เครื่องแก้ว เครื่องใช้ เครื่องประดับ ของขวัญ เครื่องกีฬา กระเป๋าเสื้อผ้า วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเรือน เป็นต้น

และนั่นก็คือเสน่ห์ส่วนหนึ่งของกรุงโซล ที่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางในหลายๆด้านของเกาหลีแล้ว เมืองหลวงแห่งนี้ยังเป็นดังจิตวิญญาณแห่งเกาหลีใต้อีกด้วย
อินซาดง ถนนสายศิลปะ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีเพิ่มเติมได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี โทร.0-2354-2080-2 หรือที่เว็บไซต์ www.kto.or.th สำหรับการเดินทางไปเกาหลีมีหลายสายการบินให้บริการ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ โคเรียนแอร์ ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามเที่ยวบินจากเมืองไทยไปเกาหลีได้ที่ โทร. 0-2620-6900, 0-2620-6999
กำลังโหลดความคิดเห็น