xs
xsm
sm
md
lg

“เจจู” เกาะโรแมนติก แห่งแดนกิมจิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซอพจิโกจิ โรแมนติกด้วยทุ่งดอกไม้ยูเชและประภาคาร
"มันนาซอ พัน กาวอโย เจจูโด"

"ตะลอนเที่ยว" เอ่ยทักทายเป็นภาษาเกาหลี แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ยินดีที่ได้รู้จักเกาะเจจู" ทันทีที่เราสัมผัสลงยังผืนแผ่นดินของ “เกาะเจจู” (Jeju Island) หรือ “เจจูโด” (Jejo-do) เป็นหนึ่งใน 9 จังหวัดของประเทศเกาหลีใต้ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี และถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในชื่อ "เกาะเชจูและถ้ำลาวา" เมื่อปี 2550
ปากปล่องซองซานอิลชุลบง
“เกาะเจจู” (หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าเกาะเชจู) สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยอาจจะไม่ค่อยนิยมไปเที่ยวมากนัก แต่หากเป็นชาวเกาหลีแล้ว เกาะเจจู ถือว่าเป็นเกาะสวรรค์ เป็นเกาะโรแมนติกสำหรับคู่รัก คู่แต่งงาน ที่หนุ่มสาวชาวเกาหลีต่างใฝ่ฝันว่าสักครั้งในชีวิตจะต้องมาฮันนีมูนให้ได้ เพราะด้วยทัศนียภาพของเกาะเจจูนั้นมีความงดงามทางธรรมชาติ มีชายฝั่งทะเลที่สวยงามโรแมนติก และมีฤดูกาลต่างๆ ที่แตกต่างกัน จึงไม่แปลกเลยที่ชาวเกาหลีจะนิยมชมชอบมาเที่ยวพักผ่อนตากอากาศยังเกาะเจจู
ทัศนียภาพอันงดงามของเกาะเจจูเมื่อมองลงมาจากซองซานอิลชุลบง
สำหรับ “ตะลอนเที่ยว” แล้วการที่ได้มาเยือนเกาะเจจูในทริปนี้ ต้องบอกว่ามีความรู้สึกว่าเป็นทริปที่แสนจะโรแมนติก แต่ไม่ได้หมายความว่าเราได้มาเที่ยวสวีทกับคนรักหรอกน่ะ ความโรแมนติกที่ว่าคือการที่ได้มารู้จักกับเกาะเจจู ที่มีบรรยากาศแสนจะอบอุ่นด้วยธรรมชาติอันงดงาม และบนเกาะแห่งนี้ยังมี 3 สิ่งที่ถ้ามาแล้วต้องเจอเพราะเป็นสิ่งที่มีมากที่สุดบนเกาะเจจู
โบสถ์จำลองที่ซอพจิโกจิที่ถ่ายละครเกาหลีเรื่อง All In
สิ่งแรกคือ ลม ที่นี่เป็นเกาะจึงมีลมพัดตลอดทั้งปี สายลมจะพัดโอบกอดรอบกายเราตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ สิ่งที่ 2 คือ ผู้หญิง เพราะสมัยก่อนชาวเกาะเจจูมีอาชีพประมงเป็นหลัก ผู้ชายจะออกเรือหาปลา และด้วยคลื่นลมทะเลที่แรง ผู้ชายส่วนใหญ่จึงเรือล่มตายกลางทะเลกันไปหมด เลยทำให้มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ทอลฮารุบัง สัญลักษณ์ของเกาะเจจู
และสิ่งที่ 3 คือ หินลาวา เพราะมีภูเขาไฟอยู่มากมาย เลยมีหินลาวาเกลื่อนทั่วเกาะ และหินลาวาที่ว่านี้ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเจจู และสามารถพบเห็นได้ทั่วเกาะเจจู นั่นคือ “ทอลฮารุบัง” (Dolharubang) หรือ “หินปู่” เป็นหินลาวาสลักเป็นรูปคนแก่ใจดีหลากหลายรูปแบบ ชาวเจจูมีความเชื่อว่าทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์คุ้มครองเกาะ และยังเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิที่ว่าหากอยากร่ำรวยให้ลูบที่ท้องของทอลฮารุบัง ส่วนคู่แต่งงานนิยมมาขอลูก เชื่อว่าหากลูบที่หูจะได้ลูกผู้หญิง ลูบที่จมูกจะได้ลูกผู้ชาย อันนี้แล้วแต่ความเชื่อแต่เราก็เห็นว่ามีคนลูบทอลฮารุบังกันเยอะเชียว
หมู่บ้านพื้นเมืองซงอับมีบ้านของคนเกาหลีแบบโบราณให้ชม
เอาล่ะหลังจากที่ได้ทำความรู้จักเกาะเจจูกันพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาออกเที่ยวกันได้แล้ว ซึ่งทริปนี้เราเลือกไปเที่ยวยังหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศอันหลากหลาย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเกาะเจจูที่น่าเที่ยวทั้งนั้นเลย
พระพุทธเจ้าแห่งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตประดิษฐานภายในวัดยักชอนซา
เปิดทริปเที่ยวกันที่ ซองซานอิลชุลบง (Seongsan Ilchulbong) หรือ “ยอดเขาแห่งตะวันรุ่ง” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะเจจู เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟที่อยู่ใต้น้ำกลายเป็นยอดภูเขาไฟรูปกรวยคว่ำ เป็นหนึ่งในภูเขาไฟ 360 ลูกที่อยู่บนเกาะ อยู่ติดริมทะเล มีความงามทางธรรมชาติมากจนได้รับเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
วัดยักชอนซา หรือวัดน้ำศักดิ์สิทธิ์
การมาเที่ยวซองซานอิลชุลบงถ้าอยากจะชมปากปล่องภูเขาไฟแบบใกล้ๆ เราต้องออกแรงขากันหน่อย ด้วยการเดินขึ้นตามทางลาดพื้นหิน และเดินขึ้นไปตามบันไดที่มีความสูงชันพอสมควร เรียกเหงื่อให้ซึมกายนิดๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็จะได้พบกับความมหัศจรรย์ของปากปล่องภูเขาไฟที่มีลักษณะเหมือนมงกุฎ ตรงปากปล่องมีความกว้างประมาณ 600 ม. และสูง 90 ม. ด้านบนนี้มีทัศนียภาพที่งดงาม สามารถมองเห็นภูมิประเทศของเกาะเจจูได้ในมุมสูง และบนนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากด้วย
สะพาน 7 นางฟ้าอันสวยงาม
หลังจากได้ยลปากปล่องภูเขาไฟที่น่าอัศจรรย์ใจแล้ว เราไปชมความสวยงามของชายฝั่งทะเลกันต่อที่ “ซอพจิโกจิ” (Seopjikoji) คำว่า “โกจิ” เป็นภาษาถิ่นของชาวเจจู หมายถึง อ่าวขนาดเล็ก เมื่ออดีตเป็นเพียงแค่แหลมธรรมดาๆ มีทุ่งหญ้ากว้างติดทะเล จากชายฝั่งจะมีโขดหินที่มีรูปร่างแปลกตาให้ดูมากมาย และต่อมามีการสร้างโบสถ์คริสต์ ประภาคาร และอาคารอีกหลายหลังขึ้นเพื่อใช้เป็นฉากถ่ายทำละครหลายเรื่อง อาทิ เทหน้าตักรักหมดใจ (All In) ฟินิกซ์ ลิขิตรัก เพลิงริษยา (Phoenix) นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบซีรีย์เกาหลีมักนิยมมาเที่ยวที่นี่เพื่อมาถ่ายรูปคู่กับสถานที่ที่เคยปรากฏอยู่ในละคร ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์ ประภาคารสีขาวที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา และยังมีทุ่งดอกยูเช หรือดอกเรฟซีด ผลิดอกสีเหลืองบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่งสวยงามมากๆ
ความงดงามของน้ำตกเซินเจเยิน
เราเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศของวิวสวยๆ และทุ่งดอกไม้งามๆ ที่ซอพจิโกจิอยู่สักพัก ก็เปลี่ยนบรรยากาศมาที่ “หมู่บ้านพื้นเมืองซงอับ” (Seongeup Folk Village) หรือหมู่บ้านวัฒนธรรม ที่เป็นเขตอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านที่รัฐบาลอนุรักษ์ไว้ เนื่องจากในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้ใช้เป็นศูนย์กลางด้านการปกครองของเกาะเชจูมาก่อน มาเที่ยวที่นี่เราได้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาหลีสมัยก่อน ภายในมีบ้านโบราณหลายหลังที่ตัวบ้านสร้างด้วยหินลาวาภูเขาไฟปิดช่องว่างด้วยดินเหนียว มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก และล้อมรอบด้วยกำแพงหินอย่างในสมัยโบราณ เห็นแล้วก็ต้องชื่นชมว่าถึงแม้เกาหลีใต้จะพัฒนาก้าวไกลไปเพียงใด แต่ก็ยังอนุรักษ์สิ่งที่ดีงามของโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี
โขดหินยงดูอัม มีรูปร่างเหมือนหัวมังกรอ้าปาก
จากนั้นเรามาเที่ยวแบบอิ่มบุญไหว้พระกันที่ “วัดยักชอนซา” (Yakcheonsa Temple) หรือ “วัดน้ำศักดิ์สิทธิ์” เป็นวัดพุทธนิกายมหายาน สร้างตั้งแต่สมัยเริ่มต้นราชวงศ์โชซอน ถือว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ภายในวัดด้านหน้าอุโบสถมี พระพุทธรูปปางสมาธิ สูง 5 ม. อยู่บนแท่นสูง 4 ม. และมีหอระฆังที่มีน้ำหนักถึง 18 ตันตั้งอยู่
อาหารทะเลสดๆ มีขายที่โขดหินยงดูอัม
และเมื่อเดินเข้ามาภายในอุโบสถจะได้เข้ามานัสการขอพรจากพระพุทธรูป 3 องค์ที่ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่น คือ พระพุทธเจ้าแห่งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งมีพุทธลักษณะงดงามมากๆ

อิ่มบุญและขอพรกันเต็มที่แล้ว เราก็ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติกันบ้าง นั่นคือ “น้ำตกเซินเจเยิน” ซึ่งการที่จะได้ไปชมน้ำตกนั้นต้องเดินผ่าน “สะพาน 7 นางฟ้า” ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างอลังการสวยงาม แถมสูงสร้างความหวาดเสียวนิดๆ เวลาเดิน เพราะตัวสะพานสร้างทอดข้ามหุบเขาที่สูงชัน เมื่อข้ามสะพานมาแล้วก็จะมีทางเดินให้ไปชมน้ำตกที่สวยงาม มีความเป็นธรรมชาติสูง

แล้วเราก็มาเที่ยวกันต่อที่ "โขดหินยงดูอัม" (Yongduam Rock) หรือ “โขดหินหัวมังกร” ซึ่งถือกันว่าหากใครไม่ได้มาดูโขดหินยงดูอัม ก็เหมือนยังมาไม่ถึงเกาะเจจู โขดหินนี้จัดว่าเป็นศิลปะอันงดงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง เกิดขึ้นจากการที่คลื่นลมทะเลกัดกร่อนหินภูเขาไฟให้มีรูปร่างเหมือนหัวมังกรกำลังอ้าปากอยู่ชายฝั่งทะเล ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก แถมใกล้ๆ กับโขดหินยังมีแม่ค้ามาขายอาหารทะเลทำให้กินแบบสดๆ เป็นๆ กันเลย เห็นแล้วก็แอบน้ำลายไหล แต่ไม่กล้าเพราะหนวดหมึกยังดิ้นกระดึ๊บๆ ในจานอยู่เลย

“ตะลอนเที่ยว” ปิดฉากทริปเที่ยวเกาะเจจูที่สุดแสนจะโรแมนติกในครั้งนี้ พร้อมๆ กับดวงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้า ณ ที่โขดหินยงดูอัม และเราก็ขอบอกลาเกาะเจจูเป็นภาษาเกาหลีว่า “อันย้งฮี กาเซโย เจจูโด” (ลาก่อนเกาะเจจู) จะขอเก็บเธอไว้ในห้วงแห่งความทรงจำที่งดงาม

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีเพิ่มเติมได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี โทร.0-2354-2080-2 หรือที่เว็บไซต์ www.kto.or.th การเดินทางไปเกาหลีมีหลายสายการบินให้บริการ เช่น โคเรียนแอร์ โทร. 0-2620-6900, 0-2620-6999 หรือถ้าสนใจไปเที่ยวเกาหลีกับบริษัททัวร์ก็มีหลายบริษัทที่จัดทัวร์ไปเกาหลี เช่น บริษัท เอ็กซ์เซลเล้นท์ เกาหลี ทัวร์ โทร. 0-2258-9355 หรือที่ www.exttour.com
กำลังโหลดความคิดเห็น